22 เมษายน 2556
ผลงานการศึกษาว่าด้วย คุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียม : บทบาทสำคัญของการพัฒนาทักษะและนิสัยการอ่านที่ดีในระดับประถมศึกษา โดย ดร.ธีร์ จินกราน ผู้ประสานงานด้านสิทธิการศึกษา ภายใต้คณะกรรมการแห่งชาติด้านการพิทักษ์สิทธิเด็กของประเทศอินเดีย และประสบการณณ์การทำงานด้านการศึกษาร่วมกับภาครัฐและองค์การพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศมานานกว่า 20 ปี ระบุไว้อย่างน่าสนใจถึง ความสำคัญของการอ่านที่เป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปสู่ความเสมอภาคในการเรียนรู้ของเยาวชนในระดับประถมศึกษา
การอ่านคืออะไร… การอ่านไม่ใช่แค่ความหมายในการถอดความหมายของตัวอักษรและอ่านเนื้อหา แต่การอ่านนั้นต้องประกอบด้วยกระบวนการที่เกี่ยวข้องกันทั้ง การจำคำได้ และความเข้าใจ ในกรณีของการจำคำได้นั้นเป็นกระบวนการรับรุ้ได้ว่าภาษาเชียนตรงกันกับภาษาพูดอย่างไร ส่วนความเข้าใจก็คือกระบวนการที่ทำให้ คำ ประโยค และข้อความที่ต่อเนื่องกันนั้นมีความหมายขึ้นมา
ทำไมการอ่านจึงสำคัญ ดร.ธีร์ แนะให้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การเรียนรู้อื่นๆ ในชั้นเรียน กรณีศึกษาที่พบเห็นก็คือ เด็กที่อ่านไม่ได้ดีตั้งแต่แรกๆ จะเรียนรู้เรื่องอื่นๆ และพัฒนาทักษะอื่นได้ยากกว่า เมื่อเด็กเริ่มล้าหลัง และกลายเป็นคนที่อ่านหนังสือได้ลำบาก เด็กก็จะตามคนอื่นให้ทันในระยะหลายๆ ปีต่อมาได้ยาก เว้นเสียแต่มีการสนับสนุนซ่อมเสริมแบบเข้มข้นเฉพาะบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปได้ยาก หากปล่อยให้ดำเนินต่อไปช่องว่างระหว่างคนที่อ่านเก่ง กับคนที่อ่านไม่เก่งจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือ ที่เรียกกันว่า Matthew Effect
วิกฤตการณ์การอ่านที่พบก็คือ นักเรียนในประเทศที่กำลังพัฒนามากมายยังไม่มีทักษะพื้นฐานในการอ่านใน ชั้นประถมศึกษาสองสามชั้น การประเมินระดับชาติ ระดับประถม 2 และ 3 ในประเทศเอเชียและแอฟริกาบ่งชี้ให้เห็นว่า มีนักเรียนที่ไม่สามารถอ่านออกเมื่อจบชั้นประถม 2 และ 3 ในอัตราส่วนที่สูงมาก ส่วนหนึ่งมากจากนักเรียนระดับประถมในประเทศที่กำลังพัฒนาจำนวนมากไม่มีสื่อการอ่านที่เพียงพอและเหมาะสม เช่น หนังสือนิทาน หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ทำให้เด็กๆ หันไปสนใจโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์มากกว่า
จากสิ่งที่ได้พบเห็น ดร.ธีร์ จินกราน นำเสนอถึงแผนการเพื่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงทักษะการอ่านและนิสัยรักการอ่านของเด็กๆ ไว้ดังนี้
1. เสริมเวลาการสอนภาษาและการอ่าน นักเรียนต้องได้รับการพัฒนาทางภาษาที่แข็งแกร่งตั้งแต่ระดับประถมต้นๆ โดยเฉพาะอย่างในภาษาวิชาการ โดยให้มีเวลาในชั่วโมงเรียนสำหรับการฝึกอ่านเพื่อพัฒนาการอ่านให้คล่องแคล่วและการอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน
2.ระบบที่มีประสิทธิภาพของการเรียนรู้ภายในชั้นเรียนภาษา ในกรณีนี้ ผู้ศึกษาบอกว่าเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลต้องเพิ่มเวลาให้นักเรียนในการทำกิจกรรมและเพิ่มโอกาสสำหรับการเรียนในเชิงรุกให้มากขึ้น การประเมินทักษะย่อยด้านภาษาเป็นประจำ เอาใจใส่นักเรียนที่ล้าหลังให้มากขึ้น และปรับการสอนให้เข้ากับระดับความสามารถในการอ่านของนักเรียน
3. ความเข้าใจของผู้สอนและการใช้กลยุทธ์การอ่านที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้สอนมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นการอ่านและเรียนรู้ของเด็ก จึงต้องทำทั้งพัฒนาภาษาพูด การสอนถอดความอย่างมีระบบ การเน้นความเข้าใจ การอ่านอย่างคล่องแคล่วด้วยการฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอด้วยสื่อการอ่านและกลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น การอ่านออกเสียง การอ่านเป็นกลุ่ม สุดท้าย เป็นการขยายขอบข่ายการเขียนให้รวมถึงการแต่งเรียงความ
4. หลักสูตรและตำรา ที่สอดแทรกกิจกรรมและแบบฝึกหัดให้นักเรียนมีส่วนร่วม การจัดลำดับเนื้อหาและแบบฝึกหัด และตำรา ควรมีขอบข่ายที่กว้างขวางเพียงพอต่อการทบทวนและเสริมสร้างความรู้และทักษะ
5. ความเข้าใจความสำคัญของการอ่าน และการจัดสร้างบรรยากาศแวดล้อมที่กระตุ้นให้ให้เกิดการอ่าน อาทิ สร้างห้องสมุดโรงเรียน และชั้นเรียน การจัดงานการอ่านทั่วโรงเรียน
6. การเรียนรู้อย่างมืออาชีพของครู ซึ่งผู้สอนควรผ่านกิจกรรมการพัฒนาแบบมืออาชีพที่หลากหลายและส่งเสริมกันและกันเพื่อนำมาใช้เปลี่ยนแปลงชั้นเรียน
7. การศึกษาก่อนประถมศึกษาที่มีคุณภาพ หลักสูตรที่ได้รับการออกแบบต้องพัฒนาทักษะการพูดที่ดีและความสามารถในการเตรียมอ่านและเขียน
8. ห้องสมุดในชั้นเรียนและโรงเรียน รวมถึงการทุ่มเวลาให้กับการอ่าน ครูผู้สอน
ควรตระหนักถึงระดับความสามารถที่แตกต่างกัน และ จัดเตรียมสื่อการอ่านเพื่อการฝึกหัดที่ต่างกันไป
9. การส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน โดยโรงเรียนควรจัดให้มีการส่งเสริมการอ่าน อาจเป็นในรูปแบบการแข่งขัน ชมรมหนังสือ และการจัดแสดงให้บรรดาพ่อแม่ได้เห็นถึงความสามารถในการอ่านของเด็กๆ
10. กลยุทธ์พิเศษสำหรับกรณีที่เด็กพูดภาษาอื่นเป็นภาษาแรก ในกรณีของโรงเรียนที่มีนักเรียนใช้ภาษาเผ่าพันธุ์อื่นๆ อาทิ ม้ง กระเหรี่ยง ลีซู จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างเพื่อให้เด็กๆ สนใจและหันมาเรียนภาษากลางได้ดี ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงระหว่างภาษากลางกับภาษาท้องถิ่นของเด็ก
ท้ายที่สุดแล้วผู้ศึกษาเห็นว่า การส่งเสริมทักษะการอ่านและนิสัยรักการอ่านในระดับประถมศึกษาต้องใช้ความพยายามที่สอดคล้องกัน ทั้งการมีกลยุทธ์การเรียนการสอนภาษาที่ดี กำหนดให้มีเวลาอ่านในชั้นเรียนให้มากขึ้น จัดสื่อการสอนที่หลากหลาย กระตุ้นให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่านว่าเป็นทักษะพื้นฐานในระบบการศึกษา ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันทุกด้าน อาทิ กำหนดเป็นพันธกิจการอ่านระดับชาติ การจัดตั้งห้องสมุดชุมชน และส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านให้เกิดขึ้นในสังคม
“นักเรียนระดับประถมในประเทศที่กำลังพัฒนาจำนวนมากไม่มีสื่อการอ่านที่ เพียงพอและเหมาะสม ทำให้เด็กๆ หันไปสนใจโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์มากกว่า”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32479&Key=hotnews