Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

กยศ.จัดงานพี่ช่วยน้อง

21 สิงหาคม 2556

“ทนุศักดิ์” ผงะเจอวิกฤติเด็กเบี้ยวหนี้ กยศ.จี้จัดงานรณรงค์พร้อมสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนนักศึกษาใช้หนี้คืน

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้จัดงานเปิดตัวโครงการ “พี่ช่วยน้อง” เพื่อรณรงค์ให้เด็กนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจากกยศ.นำเงินมาชำระหนี้คืน หลังจากพบว่าขณะนี้จำนวนหนี้ค้างชำระของนักเรียนนักศึกษาที่ครบกำหนดชำระหนี้แต่ไม่ยอมมาชำระหนี้คืนมากถึง 25% ของจำนวนผู้กู้ทั้งหมด 4 ล้านราย หรือคิดเป็น 1 ล้านราย ขณะที่มีมูลหนี้ค้างชำระประมาณ 50,000 ล้านบาท จากวงเงินปล่อยกู้รวมทั้งสิ้นประมาณ 4 แสนล้านบาท

“เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติทางด้านวินัยของคนในชาติอย่างมากในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา เพราะการผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้เป็นเพราะเด็กนักเรียนนักศึกษามีค่านิยมที่ผิด หลังจากที่เห็นคนอื่นไม่ยอมชำระหนี้ตัวเองก็ไม่ชำระหนี้คืนตามไปด้วยขณะเดียวกันบางคนก็นำเงินไปซื้อสิ่งของหรือนำไปใช้อย่างอื่นแทนที่จะนำเงินมาชำระหนี้คืน ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนหนี้ค้างชำระมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง”

นอกจากนี้กระบวนการของกยศ.เองยังขาดความใกล้ชิดกับทั้งนักเรียนนักศึกษาและสถาบันการศึกษา จึงทำให้ความตระหนักในการชำระหนี้คืนมีน้อยลงไปมาก จนทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษายอมเข้าสู่กระบวนการของการฟ้องร้องและการไกล่เกลี่ย ซึ่งถือว่าสถานการณ์เช่นนี้มีความน่าเป็นห่วงอย่างมาก ที่ทุกฝ่ายต้องเร่งหามาตรการมากระตุ้นเตือนและชักชวนให้เด็กนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินกยศ.มาชำระหนี้คืนโดยด่วน

นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า ในการจัดงานโครงการพี่ช่วยน้องครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญมากเพราะจะมีโครงการต่าง ๆ เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้เด็กนักเรียนนักศึกษาหันมาใช้เงินคืนให้กับกยศ.เพราะหากไม่ใช้หนี้คืนก็จะไม่มีเงินให้กับเด็กนักเรียนนักศึกษารุ่นน้องต่อ ๆ ไป ซึ่งการหาแนวทางให้เด็กนักเรียนคืนเงินถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่าการร้องขอให้รัฐบาลเพิ่มเงินงบประมาณให้ โดยภายในงานนี้จะมีการประสานงานเพื่อให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย เพราะกระทรวงการคลังต้องการสนับสนุนให้เด็กนักเรียนนักศึกษามีงานทำด้วย เพื่อจะได้มีเงินใช้หนี้คืนกยศ.ซึ่งในจำนวนเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้จะมีประมาณ 40% ที่ยังไม่มีงานทำ

ส่วนนโยบายการใช้กระบวนการเครดิตบูโรหรือการเปิดเผยข้อมูลการกู้ยืมเงินของนักเรียนนักศึกษาเพื่อให้เด็กนักเรียนคืนหนี้นั้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรังแกเด็กแต่อย่างใดเพราะได้มีระยะเวลาให้เด็กนักเรียนนักศึกษาถึง 5 ปีก่อนเปิดเผยข้อมูลในทางกลับกันถือว่าเป็นเรื่องดีที่กระบวนการเครดิตบูโรจะสร้างความน่าเชื่อถือหรือความมั่นใจให้กับเด็กนักเรียนนักศึกษามากกว่า

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33780&Key=hotnews

สพฐ.เร่งผลักดันให้เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ จ่อเสนอ 2 โครงการให้”จาตุรนต์”พิจารณา

21 สิงหาคม 2556

สพฐ. ผุด 2 โครงการเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบตามนโยบาย “จาตุรนต์” พุ่งเป้าแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และการส่งเสริมเด็กไทยคิดวิคราะห์ ประยุกต์ความรู้ไปใช้ในชีวิต
วันที่ (20 ส.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.ได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบเมื่อวันที่ 18 ส.ค. มาพิจารณาเพื่อวางแผนขับเคลื่อนการปฎิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบและได้ข้อสรุปว่า สพฐ.จะดำเนินการ 2 เรื่องเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและเพื่อช่วยให้ประเทศไทยไต่อันดับการประเมินพิซ่า (PISA) ตามนโยบายของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

โดยประเด็นแรกที่ สพฐ.จะดำเนินการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมใน คือ การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชาภาษาไทยและการแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้เมื่อเปิดภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2556 สพฐ.จะให้เขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง สแกนนักเรียนในช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) เพื่อหาเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่สามารถ อ่านออกเขียนได้ และนำตัวเด็กกลุ่มนี้มาสอนเสริมให้เพื่อให้เด็กสามารถอ่านออกเขียนได้ จากนั้น เมื่อใกล้สิ้นสุดภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2556 ซึ่งนักเรียน ป.3 ทุกคนจะต้องเข้ารับการทดสอบการอ่านออกเขียนได้ซึ่ง สพฐ.จัดขึ้นนั้น สพฐ.ตั้งเป้าจำนวนนักเรียนที่คะแนนผ่านเกณฑ์ สามารถอ่านออกเขียนได้จะต้องใกล้เคียง 100 % ทั้งนี้ สพฐ.จะมอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาไปจัดทำแนวทางสแกนวัดระดับทักษะภาษาไทยของนักเรียนช่วงชั้นที่ 1 พร้อมทำคู่มือให้เสร็จภายในช่วงปิดภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2556 นี้

“นอกจากนี้ สพฐ.จะมีมาตรการส่งเสริมการพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของการปฏิรูปการเรียนรู้ครั้งนี้ด้วย โดยจะมีการพัฒนาการเรียนการสอนที่ฝึกให้เด็กประยุกต์ข้อมูลความรู้ด้านภาษา การคำนวน และวิทยาศาสตร์ มาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมถึงการจัดทำคู่มือฝึกอบรมครู ในการส่งเสริมกระบวนการคิดตามกลุ่มสาระการเรียนรู้”เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า สพฐ.จะเร่งดำเนินการทั้งสองเรื่องดังกล่าว และจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อ นายจาตุรนต์ พิจารณาเห็นชอบต่อไปคาดว่าจะเสนอได้ภายในวันที่ 7 ก.ย.นี้

Source – ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (Th)

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33778&Key=hotnews

โผซี 11 ศึกษาฯ ผ่าน ครม.ไม่พลิกล็อค

21 สิงหาคม 2556

โผซี 11 ผ่าน ครม.แบบไม่พลิกล็อค “จาตุรนต์” แจงพิจารณาเป็นทีมไม่ได้พิจารณาเป็นรายตัว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอแต่งตั้งและโยกย้ายผู้บริหารระดับ 11 แทนผู้เกษียณอายุราชการ ดังนี้ นายอภิชาติ จีระวุฒิ จากเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แทนนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการกพฐ.,นางสุทธศรี วงษ์สมาน รองเลขาธิการคณะกรรมการสภาการศึกษา(สกศ.) มาเป็นปลัดศธ. แทนนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดศธ. และรับโอนนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ( ก.พ.ร.) เป็น เลขาธิการกกอ. แทนนายอภิชาติ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งวันที่ 1 ตุลาคม 2556

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุผลในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ตั้งต้นจากตำแหน่งเลขาธิการ กกอ.ซึ่งรัฐบาลโดยโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบก.พ.ร. เสนอให้ ศธ.รับโอนนายทศพรมาอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการกกอ. เนื่องจากเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานด้านอุดมศึกษา เพราะเคยเป็นผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เคยเป็นรองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งทำหน้าที่จัดการศึกษาในสถาบันระดับสูง เมื่อเสนอมาตนก็เห็นว่านายทศพร ที่เป็นเลขาธิการก.พ.ร.มานาน มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดระบบ เกี่ยวกับการบริหารราชการ รวมทั้งการบริหารงานบุคลคลด้วย จึงได้พิจารณารับโอนมาเป็นเลขาธิการกกอ. เพราะเห็นว่าน่าจะช่วยงานในหลายเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัยรวมถึงระบบที่สกอ.กำลังสร้างขึ้นเพื่อดูแลอุดมศึกษาในภาพรวม เมื่อรับโอนย้ายนายทศพรมาเป็นเลขาธิการกกอ. แล้ว จึงต้องขยับนายอภิชาติออกมา

การแต่งตั้งโยกย้ายซี 11 ครั้งนี้ ตนพิจารณาเป็นทีม ไม่ได้พิจารณาเป็นรายตำแหน่ง หากแต่ดูว่า จะจัดทีม ซี 11 อย่างไรให้เป็นประโยชน์กับการทำงานในภาพรวมของ ศธ. เพราะฉะนั้น จึงตัดสินใจให้นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อสานงานต่อ แล้วโยกนายอภิชาติ มาเป็นเลขาธิการ กพฐ. ซึ่งนายอภิชาตินั้น ก็มีอาวุโสสูง มีประสบการณ์ในการทำงานมานาน ส่วนนางสุทธศรีนั้น มีความเชี่ยวชาญในการทำนโยบาย และยังมีอาวุโสที่เหมาสม ทั้งนี้ เพราะในทีม ซี 11 ของ ศธ.นั้น มีผู้ที่เหลืออายุราชการนานถึง 7 ปี อยู่ 2 คนแล้ว คือ นายชัยพฤกษ์ และนายทศพร ถ้าเลือกคนอายุน้อยมาเป็นซี 11 ผู้บริหารที่เหลืออายุราชการน้อยกว่า ก็จะหมดโอกาสเติบโต

“ที่ผ่านมาศธ. มีปัญหามาตลอดว่าจะต้องรับอินพอตร์ผู้บริหารจากหน่วยงานอื่นตลอด ทำให้คนในศธ.เองหมดโอกาสที่จะเติบโต เพราะฉะนั้นผมจึงคุยกับนายกรัฐมนตรีว่า ในอนาคตขอให้ดูแลข้าราชการจากศธ.บ้าง อาจส่งออกไปเติมโตที่หน่วยงานภายนอก ซึ่งนายกฯก็รับปากว่าจะดูแลให้”นายจาตุรนต์กล่าวและว่า ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการระดับ10 แทนอัตราเกษียณที่ว่างลงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33779&Key=hotnews

“จาตุรนต์” เผยผลสอบทุจริตครูผู้ช่วยเบื้องต้นชี้กระบวนการตรวจสอบยังไม่เสร็จ

21 สิงหาคม 2556

“จาตุรนต์” เผยเบื้องต้นผลสืบข้อเท็จจริงครูผู้ช่วย ชุด “พนิตา” พบมีข้าราชการถูกระบุเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงและไม่มีความผิด ชี้กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้นเปิดเผยไม่ได้ พร้อมสั่งให้ ปลัด ศธ.ไปศึกษา กม.แนวทางที่ รมว.ศึกษาจะต้องดำเนินการในความผิดลักษณะนี้มาเสนอ ด้าน “ชินภัทร” ไม่ได้ไปรับ สว.3 ด้วยตนเอง แจงติดราชการต่างจังหวัดรอรับทางไปรษณีย์

วานนี้ (20 ส.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตการสอบครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นเหตุพิเศษ ว 12 ได้ส่งสรุปผลสอบ นายอนันต์ ระงับทุกข์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขานุการ กพฐ. นายไกร เกษทัน ผอ.สำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. และข้าราชการที่เกี่ยวข้องมาให้ตนพิจารณา โดยในจำนวนนี้มีคนเข้าที่ข่ายกระทำผิดวินัยอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น จึงมอบให้ นางพนิตา ในฐานะปลัด ศธ.ไปศึกษาข้อกฎหมายว่าในกรณีความผิดเช่นนี้ รมว.ศึกษาธิการ ควรจะสั่งให้ดำเนินการอย่างไรและให้สรุปเสนอมายังตน คาดว่าภายใน 2-3 วัน ปลัด ศธ.จะเสนอมาและเมื่อถึงเวลานั้นจะถือว่าขั้นตอนการสอบสวนเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว คณะกรรมการสืบสวนฯรวมทั้งตนจะสามารถให้ข่าวในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการได้ แต่ ณ เวลานี้กระบวนการสอบยังไม่เสร็จสมบูรณ์ตนจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับผลสอบได้

“ผมจำไม่ได้แน่นอนว่ามีข้าราชการที่ถูกระบุว่าทำผิดวินัยร้ายแรงกี่คน อาจจะ 4-6 คน ซึ่งจำนวนที่ขยายเพิ่มขึ้นจาก 3 คน คือ นายอนันต์ นายสุเทพ และนายไกร เพราะมีระดับเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และจำนวนนี้มีคนที่ถูกสรุปว่าไม่ผิดด้วย” นายจาตุรนต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะพิจารณาขยายเวลาตามที่ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ได้เสนอขอขยายเวลาการส่งเอกสารหลักฐาน กรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวตนก็จะรอฟังข้อเสนอจาก คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ที่มีนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)เป็นประธาน ซึ่งทราบว่ากำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรจึงจะส่งให้ตนพิจารณาต่อไป
ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า วานนี้ (19 ส.ค.) ตนไม่ได้เดินทางเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ที่มีนายอภิชาติ เป็นประธาน เพื่อรับบันทึกการแจ้งการรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาแบบ สว.3 ตามที่คณะกรรมการฯ เชิญมาเพราะติดราชการต่างจังหวัด แต่จะรอรับทางไปรษณีย์ ส่วนคณะกรรมการสอบสวนฯจะสรุปข้อกล่าวหาอย่างไรนั้น ไม่กังวล เพราะที่ตนทำงานด้วยความมุ่งมั่นเต็มที่ โดยที่ผ่านมาการทำงานทุกอย่างก็เป็นไปตามระบบ และได้มีการรวบรวมเอกสารข้อมูลไว้ตลอด เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา

Source – ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (Th)

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33777&Key=hotnews

สพฐ.และ ครุฯ จุฬาร่วมเป็นเจ้าภาพงาน EDUCA 2013 : ชูแนวคิด “Strong Performers and Successful Reformers”

21 สิงหาคม 2556

สพฐ.และ ครุฯ จุฬาร่วมเป็นเจ้าภาพงาน EDUCA 2013 :ชูแนวคิด “Strong Performers and Successful Reformers”นักการศึกษาระดับโลกร่วมเวทีคับคั่ง พร้อมปรับโฉมนิทรรศการแสดงนวัตกรรมการศึกษา มุ่งเน้นให้ครูใช้งานได้จริง

EDUCA 2013 : มหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครั้งที่ 6 จัดภายใต้แนวคิด “Strong Performers and Successful Reformers” ในงานพรั่งพร้อมด้วย นักการศึกษาชั้นนำระดับโลกร่วมเวทีการประชุมนานาชาติ การประชุมอภิปราย หัวข้อ“หลักสูตร การสอนและการวัดประเมินผล” และ “ครุศึกษาเพื่ออนาคต” การประชุมอภิปรายสำหรับผู้บริหารโรงเรียนทุกระดับ พร้อมด้วยเวิร์คช็อปครอบคลุมทุกเรื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการของครู รวมกว่า 200 หัวข้อย่อย ทั้งยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ สินค้า นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาที่มุ่งให้ครูใช้งานได้จริง คาดว่าจะมียอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 65,000 คน โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2556 ณ อิมแพคฟอรั่ม (ฮอลล์ 9) เมืองทองธานี

นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านการจัดอีเว้นท์ และผู้นำด้านการสื่อสารองค์ความรู้ ในฐานะผู้บริหารการจัดงาน กล่าวถึงงาน EDUCA 2013 หรือ มหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูว่า “EDUCA 2013 ในปีนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิชาชีพ “ครู” เช่นเดิม และเพิ่มเติมจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ครูและนักการศึกษาไทยได้ร่วมเรียนรู้จากนักการศึกษาระดับโลกมากขึ้น โดยเชิญนักการศึกษาระดับโลกบรรยายพิเศษและร่วมประชุมอภิปรายในหัวข้อ “หลักสูตร การสอนและการวัดประเมินผล” และ “ครุศึกษาเพื่ออนาคต” นอกจากนั้นให้ความสำคัญกับผู้บริหารโรงเรียน โดยมีการประชุมอภิปรายเฉพาะผู้บริหารแยกระดับตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม อีกด้วย”

“สำหรับเนื้อหาของงานก็พัฒนาไปอีกระดับ ด้วยการนำแนวคิดของ OECD ในเรื่อง Strong Performers and Successful Reformers มาเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนารูปแบบและเนื้อหาของงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาของประเทศและต่อครูให้มากที่สุด การจัดงาน EDUCA 2013 ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีศึกษาไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยมี บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 65,000 คน” นายศีลชัยกล่าว

แนวคิด Strong Performers and Successful Reformers ที่ EDUCA เลือกมาใช้เป็นแนวทางการจัดงานในปีนี้ นำมาจากรายงานการศึกษาของ OECD เมื่อปี 2011 เรื่อง Lessons from PISA for the United States, Strong Performers and Successful Reformers In Education ที่แสดงให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าปัญหาการศึกษาเป็นปัญหาสากล ที่ประเทศทั่วโลกสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ ทั้งจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการศึกษาได้อย่างเข้มแข็งที่เรียกว่า “Strong Performers” เช่น ฟินแลนด์ สิงค์โปร์ และประเทศที่สามารถก้าวผ่านอุปสรรคและยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “Successful Reformers” EDUCA 2013 จึงนำองค์ความรู้สากลระดับโลกทั้งในส่วน Strong Performers and Successful Reformers มาให้ครูและนักการศึกษาไทยได้เรียนรู้ร่วมกัน

EDUCA 2013 มหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครั้งที่ 6 ยังคงมีกิจกรรมหลักๆ ภายในงาน ได้แก่
(1) การประชุมนานาชาติ (International Conference) นำเสนอแนวคิดการพัฒนาการศึกษาระดับสากล ในปีนี้ได้รับเกียรติจากนักการศึกษาชั้นนำระดับโลกมากมาย อาทิ ดร. เบนจมิน เลอวิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐออนแทรีโอ ผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของแคนาดา, ดร. พาสี ซาลเบริ์ก ผู้เขียนหนังสือเรื่อง บทเรียนด้านการศึกษาจากฟินแลนด์: การเปลี่ยนแปลงสู่ความสำเร็จ ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งและได้รับการแปลเป็นภาษาอื่นๆ มากกว่า 10 ภาษา เป็นต้น

(2) การบรรยายพิเศษและการประชุมอภิปราย (Forum) โดยผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และ ฮ่องกง ซึ่งจัดคู่ขนานกันสองหัวข้อ คือ “หลักสูตร การสอนและการวัดประเมินผล” และ “ครุศึกษาเพื่ออนาคต”

(3) การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ครอบคลุมกว่า 10 หัวเรื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการของครูไทย เช่น ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 , ICT สำหรับการสอนและการจัดการเรียนรู้, อาเซียน, การวัดและประเมินผล เป็นต้น รวมทั้งสิ้นมากกว่า 200 หัวข้อย่อย เพื่อให้ครูได้เลือกเข้าฟังตามความสนใจ

(4) การประชุมอภิปรายผู้บริหารโรงเรียน (ฟอรั่มผู้บริหาร) ทุกระดับ ตั้งแต่ อนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา นำเสนอมุมมองการบริหารจัดการจากผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อเปิดโลกทัศน์เชิงการบริหารให้แก่ผู้บริหารทุกระดับ

(5) นิทรรศการการจัดแสดงสินค้า นวัตกรรมทางการศึกษาและเทคโนโลยี ปีนี้เน้นการนำเสนอสินค้าและนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพกิจกรรมการเรียนรู้ โดยสาธิตในรูปแบบห้องเรียนตัวอย่าง (Model Classroom) ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ในห้องเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีห้องเรียนตัวอย่างที่น่าสนใจและควรติดตาม อาทิ ห้องเรียนแห่งอนาคต (J-Sharp Future Classroom) ห้องพัฒนะอัจฉริยภาพรอบด้าน ห้องพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ห้องเรียนอัจฉริยะ และห้องเรียนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ AEC เป็นต้น

“ในฐานะผู้จัดงาน EDUCA มาตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี ผมเชื่อว่าการมีส่วนร่วม ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาวิชาชีพครู โดยใช้โมเดล Public and Private Partnership (PPP) จะมีส่วนผลักดันให้เราก้าวพ้นกับดักในการพัฒนาการศึกษา สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างสำเร็จ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปได้ สอดคล้องกับแนวคิด Strong Performers and Successful Reformers ของงาน EDUCA 2013 ในปีนี้ ” นายศีลชัยกล่าว

EDUCA 2013 : มหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครั้งที่ 6” จะจัดขึ้นที่ อาคารอิมแพค ฟอรั่ม (ฮอลล์ 9)เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2556 โดยครูผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถดูรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ www.educathai.com ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2556 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 748 7007 ต่อ 134

www.thaipr.net

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33776&Key=hotnews

“จาตุรนต์” เล็งส่งออกผู้บริหาร ศธ.มีโอกาสเติบโตข้ามห้วย

21 สิงหาคม 2556

“จาตุรนต์” แจงรับโอน “ทศพร” จากก.พ.ร.ข้ามห้วยมานั่งสกอ.เพราะรัฐบาลขอมา แต่มั่นใจฝีมือจะบริหารงานอุดมศึกษาได้เป็นอย่างดี พร้อมยอมรับศธ.รับผู้บริหารจากหน่วยงานอื่นหลายครั้งทำให้ข้าราชการของศธ.เสียโอกาสเติบโต เผยคุยนายกฯ แล้วให้ช่วยดูแลส่งออกผู้บริหารศธ.ไปโตที่หน่วยงานอื่นได้บ้าง

วานนี้(20ส.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงการโยกย้ายผู้บริหารของศธ.ว่า เหตุผลในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ในส่วนของนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ( ก.พ.ร.) ที่รับโอนมาเป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) นั้น รัฐบาลโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบ ก.พ.ร. เป็นผู้เสนอชื่อมาให้ศธ.รับโอน เพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานด้านอุดมศึกษา เนื่องจากเคยเป็นผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเคยเป็นรองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้ามาก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่จัดการศึกษาในสถาบันระดับสูงได้ ซึ่งตนก็เห็นว่านายทศพร เป็นเลขาธิการก.พ.ร.มานาน มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดระบบเกี่ยวกับการบริหารราชการ รวมทั้งการบริหารงานบุคคลด้วย จึงได้พิจารณารับโอนมาเป็นเลขาธิการกกอ. เพราะเห็นว่าน่าจะช่วยงานในหลายเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย รวมถึงระบบที่สกอ.กำลังสร้างขึ้นเพื่อดูแลอุดมศึกษาในภาพรวม ทั้งนี้เมื่อรับโอนย้ายนายทศพรมาแล้ว จึงต้องขยับนายอภิชาติออกมา ส่วนตำแหน่งของนายอภิชาติ จีระวุฒิ ที่ย้ายไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และนางสุทธศรี วงษ์สมาน รองเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ที่ย้ายไปเป็นปลัด ศธ.นั้น ตนได้พิจารณาโดยคำนึงถึงผลรวมในเรื่องการทำงานเป็นทีมที่จะเกิดประโยชน์กับการทำงานของศธ. ขณะเดียวกันนางสุทธศรี ยังมีความอาวุโสที่เหมาะสมและมีความเชี่ยวชาญในการทำนโยบายด้วย

“ที่ผ่านมาศธ. มีปัญหาว่าจะต้องรับผู้บริหารจากหน่วยงานอื่นมาตลอด ทำให้คนในศธ.เองหมดโอกาสที่จะเติบโต เพราะฉะนั้นผมจึงคุยกับนายกรัฐมนตรีว่า ในอนาคตขอให้ดูแลข้าราชการของศธ.บ้าง โดยอาจส่งออกไปเติบโตที่หน่วยงานภายนอก ซึ่งนายกฯก็รับปากว่าจะดูแลให้ ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการระดับ10 แทนอัตราเกษียณที่ว่างลงนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ” รมว.ศธ.กล่าว

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33775&Key=hotnews

จุฬาฯ-อุเทนฯเห็นตรงกันจัดการศึกษาร่วม

21 สิงหาคม 2556

จุฬาฯ-อุเทนฯเห็นตรงกันจัดการศึกษาร่วม ลดปัญหาขัดแย้งที่ดิน ด้านสกอ.เสนอเปลี่ยนชื่อสถาบันใหม่ “อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เน้นการเรียนการสอนทางด้านช่างฝีมือ

วานนี้(20ส.ค.) รศ.นพ.กำจรตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ตามที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขอให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นตัวกลางในการเจรจาปัญหาความขัดแย้งกรณีจุฬาฯของคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากอุเทนถวาย นั้น เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมาตนได้เชิญนายสืบพงศ์ ม่วงชู รองอธิการบดี มทร. ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะศิษย์เก่าอุเทนถวาย และผศ.ดร.ม.ร.ว.กัลยาติงศภัทิย์ รองอธิการบดี จุฬาฯ มาหารือในกรณีดังกล่าว ซึ่งตนได้เสนอทางเลือกให้จุฬาฯ และอุเทนถวาย ใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวร่วมกันในการจัดการศึกษา โดยอาจจะพัฒนาอุเทนถวายให้เป็นสถาบันใหม่ที่มีชื่อว่า” อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เน้นการเรียนการสอนทางด้านช่างฝีมือ เพราะเป็นสาขาที่ขาดแคลนและเป็นความต้องการของตลาดแรงงานอย่างมาก

รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า จากการหารือปรากฏว่าทั้งอุเทนถวายและจุฬาฯ เห็นด้วยกับแนวทางที่ตนเสนอ โดยทางอุเทนถวายขอเวลา 6 เดือนนับจากนี้ เพื่อไปสอบถามความคิดเห็นของศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าว่าเห็นด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันทางศิษย์เก่าอุเทนถวายก็รับปากว่าระหว่างนี้จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนหรือให้ข่าวต่างๆ ส่วนจุฬาฯก็เห็นว่าแนวทางที่ตนเสนอจะทำให้ทั้งสองสถาบันสามารถอยู่ร่วมกันได้ และเชื่อว่าประชาคมจุฬาฯ จะเห็นประโยชน์ทางวิชาการมากกว่าปัญหาเรื่องความขัดแย้ง

” ผมได้ขอให้ทั้งสองสถาบันไปร่างแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาร่วมกันมาว่าแต่ละฝ่ายต้องกา จัดการศึกษาในรูปแบบใด เพื่อให้ตรงตามความต้องการของทั้งสองสถาบัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ลงตัวแล้ว สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ รับทราบ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเป็นหลักฐาน ไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาในอนาคต” รองเลขาธิการกกอ.กล่าว

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33774&Key=hotnews

สพฐ.เตรียมเสนอแผนปฎิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ

21 สิงหาคม 2556

สพฐ.เตรียมเสนอแผนปฎิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ แก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้วิชาภาษาไทยในเด็กช่วงชั้นที่ 1 เล็งภายในปี 56 ต้องแก้ปัญหาได้ครบร้อยเปอร์เซนต์

วานนี้(20ส.ค.) ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการวางแผนงานการขับเคลื่อนการปฎิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ ซึ่งได้มีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ส.ค. โดยจุดหลักที่สพฐ.จะเริ่มต้นดำเนินการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเบื้องต้น คื การแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในวิชาภาษาไทยของนักเรียนในช่วงชั้นที่ 1(ป.1-ป.3) ทั้งประเทศ โดยมอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาจัดทำเป็นข้อเสนอและมาตรการดำเนินการ โดยจะใช้เครื่องมือประเมินความบกพร่องค้นหาเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ เพื่อต้องการสร้างหลักประกันว่าภายในปี 2556 ภาคเรียนที่ 2 เด็กในช่วงชั้นที่ 1 จะต้องอ่านออกเขียนได้ครบร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งเขตพื้นที่อาจมีมาตรการเร่งรัด สอนซ่อมเสริมเด็กกลุ่มเสี่ยงให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้จะมีการส่งเสริมการพัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นรูปธรรม โดยอาจมีการประยุกต์ความรู้ด้านภาษา การคำนวณ และวิทยาศาสตร์ มาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมถึงการจัดทำคู่มือฝึกอบรมครู ในการส่งเสริมกระบวนการคิดตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยทั้งสองเรื่องดังกล่าว สพฐ.จะจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดทำเครื่องมือค้นหาเด็กกลุ่มเสี่ยงนั้น จะทำให้ทราบถึงจำนวนเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของมาตรฐาน เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นใจได้ว่าเมื่อเด็กเรียนจบช่วงชั้นที่ 1 ไปแล้วต้องอ่านออกเขียนได้ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนต่อไป

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33773&Key=hotnews

‘อาชีวะสร้างชาติ’ โชว์ฝีมือ นศ.-นร. อบรม 108 อาชีพ

20 สิงหาคม 2556

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดงาน “อาชีวะสร้างชาติ” ว่า งานอาชีวะสร้างชาติเป็นการแสดงความก้าวหน้าในการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ซึ่งปัจจุบันกระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายจัดการศึกษาแบบทวิภาคี ภายในงานมีการมอบโล่ให้วิทยาลัย และสถานประกอบการที่ร่วมจัดทวิภาคีในระดับ 5 ดาว วิทยาลัยหลายแห่งได้ร่วมจัดทวิภาคีกับสถานประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก การฝึกงานในสถานประกอบการทำให้เด็กมีความรู้และทักษะในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นอยากให้ยกระดับการจัดการศึกษาแบบทวิภาคีให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสถานประกอบการขนาดใหญ่
“กระทรวงพยายามรณรงค์ว่า การมาเรียนสายอาชีพนอกจากจะมีงานทำแน่นนอนหลังเรียนจบแล้ว ยังได้เงินเดือนสูงด้วย ซึ่งผมจะหารือกับ สอศ.เพื่อวางระบบการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นการดึงดูดให้คนมาเรียนสายอาชีวะเพิ่มขึ้น” นายจาตุรนต์ กล่าว

ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า งานอาชีวะสร้างชาติจัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบ 6 รอบของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยนำผลงานของนักศึกษาและสถานศึกษาในสังกัดทั่วประเทศมาจัดแสดงและจำหน่ายแก่ประชาชน พร้อมทั้งโชว์ผลงานที่โดดเด่นของนักศึกษาที่ได้รับรางวัลในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ นอกจากนั้นยังมีการจัดนิทรรศการแสดงความก้าวหน้าในการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยต่างๆ นวัตกรรมโครงการวิทยาศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์อาชีวศึกษา การอบรม 108 อาชีพ บริการอาชีวะซ่อมได้ของศูนย์ Fix it Center ซุ้มเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และนิทรรศการพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำหริ ผลงานด้านหัตถศิลป์ ภายใต้ทีมงานว่า “กลีบผกา กัทลี วิถีไทย” ซึ่งเป็นการสาธิตและโชว์ฝีมือนักศึกษาในการประดิษฐ์งานดอกไม้ ใบตอง แกะสลัก งานปั้น พานขันหมาก เครื่องแขวน โคม เครื่องหอม ซึ่งเป็นศิลปะโดดเด่นเฉพาะถิ่นที่แสดงถึงอัตลักษณ์และประเพณีไทย

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33762&Key=hotnews

สกอ.ระดมสมองจัดการศึกษาทางไกล

20 สิงหาคม 2556

ดร.วราภรณ์ สีหนาท รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะจัดประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “แนวทางการจัดการคุณภาพการศึกษาทางไกล” โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางการพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาแบบการศึกษาทางไกลในระดับอุดมศึกษาให้เหมาะกับบริบทของสถาบันอุดมศึกษาไทย จากมหาวิทยาลัยและผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจาก สกอ.ได้จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) กำหนด วิสัยทัศน์ปี 2559 คืออุดมศึกษาเป็นแหล่งองค์ความรู้และพัฒนาคนระดับสูงที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน สร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทำให้สถาบันอุดมศึกษาจำนวนมากเสนอให้ สกอ.พิจารณารับทราบการขอเปิดหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษา ทางไกล

ดร.วราภรณ์ กล่าวถึงกรณีมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ที่แจ้ง สกอ.รับทราบการเปิดหลักสูตรในระบบการจัดการศึกษาทางไกลว่า มหาวิทยาลัยได้แจ้งมาที่ สกอ.ว่า สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ปิดการเรียนการสอนหลักสูตรในระบบการศึกษาทางไกล ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการไปแล้ว พร้อมทั้งได้เยียวยานักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรดังกล่าวทั้งระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ด้วยการย้ายนักศึกษาเข้ามาศึกษาในระบบชั้นเรียนปกติที่สกอ.รับทราบแล้ว ซึ่ง สกอ.ก็รับทราบตามที่มหาวิทยาลัยแจ้ง และจะแจ้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33760&Key=hotnews