ก.ค.ศ.ลงโทษ”ไล่ออก-ปลดออก”20ครู ความผิดเชิงชู้สาว-ละเมิดทางเพศ น.ร.
3 มกราคม 2550
นายประเสริฐ งามพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ในช่วงปีงบประมาณ 2549 สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้พิจารณาความผิดข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกดำเนินการทางวินัยยุติแล้วทั้งสิ้น จำนวน 133 คน เพิ่มจากปีงบประมาณ 2548 จำนวน 53 คน โดยเป็นการกระทำผิดระเบียบวินัยข้าราชการมากที่สุด 30 คน รองลงมาได้แก่ ความผิดเชิงชู้สาว อนาจาร 25 คน และความผิดทางการพนัน 22 คน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการกระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 5 คน ด้วย ซึ่งในจำนวนผู้กระทำผิดดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู จำนวน 63 คน ผู้อำนวยการสถานศึกษา 48 คน และบุคลากรทางการศึกษา 16 คน โดยผู้กระทำผิดส่วนใหญ่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เนื่องจากมีบุคลากรจำนวนมาก ส่วนการพิจารณาโทษมีทั้งผู้ที่ได้รับโทษร้ายแรงถูกไล่ออกจากราชการ จำนวน 11 คน และปลดออกจากราชการ 9 คน สำหรับโทษไม่ร้ายแรง มีได้แก่ ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน และภาคทัณฑ์ รวม 82 คน
“ยืนยันว่าการกระทำผิดของข้าราชการครูจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกรณีล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ซึ่งโทษอย่างต่ำต้องถูกปลดออกจากราชการ โดยจะไม่มีการให้ลดโทษ และหากพบว่าผู้บังคับบัญชาปิดบังพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ใต้บังคับบัญชา ก็จะต้องได้รับโทษไปด้วย นอกจากนี้ ในกรณีความผิดทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ก็เป็นอีกเรื่องที่ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ต้องการให้วงการครูมีความโปร่งใส” นายประเสริฐกล่าว
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวด้วยว่า จากที่รัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินนโยบายคุณธรรมนำความรู้ ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.จึงได้พยายามที่จะเสริมสร้างคุณธรรมให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับทางต้นสังกัด โดยในช่วงเดือนมกราคมนี้จะจัดอบรมการพัฒนาคุณภาพการบริหารการศึกษาตามระบบคุณธรรม ซึ่งจะมีผู้บริหารสถานศึกษาเข้าร่วม จำนวน 200 คน และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะอบรมผู้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและปฏิบัติงานด้านวินัย จำนวน 300 คน เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้ไปขยายผลต่อครูและบุคลากรในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ตระหนักถึงคุณธรรมและจริยธรรม นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เปิดหลักสูตรออนไลน์สำหรับผู้ที่มีความสนใจงานทางด้านวินัย สามารถเข้ามาค้นคว้าข้อมูลได้ที่ www.moe.go.th/webtcs
แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.matichon.co.th/
moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2292&Key=hotnews