ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มนัส สุวรรณ
จากการเข้ารับการอบรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง เขียนบทความวิจัยอย่างไร จึงจะโดนใจบรรณาธิการ โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มนัส สุวรรณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ มีเรื่องราวจากเอกสารของท่านวิทยากร มาแบ่งปันดังนี้http://www.thaiall.com/blog/burin/7703/
นิยามศัพท์
บทความ หมายถึง งานเขียนประเภทร้อยแก้ว ซึ่งผู้เขียนต้องการถ่ายทอดความคิด และ/หรือ ข้อมูลข่าวสารไปยังผู้อ่านโดยใช้ตัวอักษรเป็นสื่อกลางประเภทของบทความ – บทความทั่วไป – บทความกึ่งวิชาการ – บทความทางวิชาการบทความทั่วไป หมายถึง งานเขียนที่มิได้มุ่งเน้นการให้ความรู้ หรือข้อเท็จจริงเชิงวิชาการ แต่มุ่งเน้นที่จะให้ความรู้ทั่วไป ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือให้ข้อคิดแก่ผู้อ่าน เช่น บทความแสดงความคิดเห็น บทความเล่าอัตชีวประวัติ บทความเล่าประสบการณ์การเดินทาง และบทความที่ให้ข้อคิดหรือปรัชญาชีวิต เป็นต้นบทความกึ่งวิชาการ หมายถึง งานเขียนที่ผู้เขียนประสงค์จะให้ความรู้เชิงวิชาการ แต่ไม่ลึกซึ้งถึงระดับองค์ความรู้หรือทฤษฎี เช่น บทความที่เป็นบทวิเคราะห์/วิพากษ์ และบทความสนับสนุนหลักการหรือแนวคิด เป็นต้นบทความทางวิชาการ หมายถึง งานเขียนหรือความเรียงที่ผู้เขียนประสงค์จะสื่อองค์ความรู้ หรือข้อค้นพบใหม่ ๆ ทางวิชาการในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นการเฉพาะ เช่น บทความวิจัย บทความเสนอแนวคิด หลักการ และ/หรือแบบจำลอง เป็นต้น
ธรรมชาติของบทความทางวิชาการ 1. นำเสนอความรู้ที่ตั้งอยู่บนฐานวิชาการของสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง 2. ความรู้ที่นำเสนอต้องมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีแนวคิดหรือทฤษฎีสนับสนุน 3. เนื้อหาสาระที่นำเสนอต้องผ่านการประมวล หรือการสังเคราะห์ก่อนเรียบเรียงเชิงพรรณนาตามลำดับอย่างเหมาะสม 4. มีการวิเคราะห์ วิจารณ์ (ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ) บนพื้นฐานทักษะความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เขียน 5. มีการสรุปและอภิปรายผล รวมตลอดจนให้ข้อเสนอแนะที่จะนำไปสู่การแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
การเลือกประเด็นเพื่อเขียนบทความทางวิชาการ 1. เป็นประเด็นที่อยู่ในกรอบความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เขียน 2. เป็นประเด็นที่มีความแปลกใหม่ ทันสมัย และอยู่ในความสนใจของคนทั่วไป หรือเป็นประเด็นเก่าที่ควรรู้แต่ถูกทิ้งลืม 3. เป็นประเด็นที่สามารถยืนยันความน่าเชื่อถือได้ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical data) หรือมีแนวคิด ทฤษฎีสนับสนุน 4. เป็นประเด็นที่สามารถสร้างเสริมความรู้ และความแตกฉานทางวิชาการให้กับทั้งผู้เขียน และผู้อ่าน 5. เป็นประเด็นที่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม/ประเทศชาติ
องค์ประกอบของบทความทางวิชาการ 1. ชื่อบทความ 2. ชื่อผู้เขียน 3. บทคัดย่อ และคำสำคัญ (Abstract และ Keywords) 4. บทนำ/ความนำ 5. เนื้อเรื่อง (สาระสำคัญ/ความรู้ที่ต้องการนำเสนอ) 6. บทสรุปและอภิปรายผล 7. เอกสารอ้างอิง หรือบรรณานุกรม
บทความวิจัย บทความวิจัย หมายถึง เอกสารความเรียงที่ได้มาจากการประมวลสรุป (Condensation & Digestion) รายงานการวิจัย หรือวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ระดับบัณฑิตศึกษา ทั้งนี้บทความวิจัยมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญ ดังนี้ – มีความยาวจำกัด จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการหรือลงพิมพ์ในวารสารวิชาการ – เป็นเอกสารที่มีความทันสมัย และทันต่อเหตุการณ์มากกว่ารายงานการวิจัย ทั้งนี้เพราะผู้วิจัยสามารถเพิ่มเติมหรือตัดทอนบางส่วนของรายงานการวิจัยเพื่อการเผยแพร่ได้ – มีคุณภาพที่เป็นมาตรฐานมากกว่ารายงานการวิจัยเพราะต้องทำให้อยู่ใน format ที่เป็นที่ยอมรับตามหลักสากล
องค์ประกอบของบทความวิจัย 1. ชื่อเรื่อง 2. ชื่อผู้วิจัย 3. บทคัดย่อ/คำสำคัญ (Abstract/keywords) 4. บทนำ/ความนำ 5. วิธีดำเนินการวิจัย 6. ผลการวิจัย 7. อภิปรายผล 8. เอกสารอ้างอิง หรือบรรณานุกรม
ข้อแนะนำในการเขียนบทความวิจัย 1. ชื่อเรื่องสั้น กระทัดรัดได้ความหมาย (อาจระบุมิติและ/หรือลักษณะการวิจัยด้วยก็ได้) 2. บทคัดย่อเขียนให้กระชับแต่ครอบคลุมกระบวนการวิจัย โดยปกติมีความยาวไม่เกิน 300 คำ(15 บรรทัด) มีการแบ่งย่อหน้าตามความเหมาะสม 3. บทนำ/ความนำ บ่งบอกถึงที่มาและความสำคัญของการวิจัย (ทำไมจึงเลือกทำวิจัยเรื่องนี้ / ทำแล้วได้ประโยชน์อะไร) 4. วิธีดำเนินการวิจัยประกอบด้วย – ขอบเขตของการวิจัย (พื้นที่/ประชากร/เนื้อหา/เวลา) – ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง – ข้อมูล และแหล่งของข้อมูล – เครื่องมือ และวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล – วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล 5. ผลการวิจัย เขียนสรุปเรียงตามวัตถุประสงค์ 6. อภิปรายผล – อภิปรายเปรียบเทียบกับวรรณกรรมที่ทบทวน – อภิปรายข้อค้นพบที่มีความพิเศษเฉพาะ 7. เอกสารอ้างอิง หรือบรรณานุกรม แจงให้ครบตามที่อ้างอิง และเขียนให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
ข้อสังเกตสำหรับการเขียนบทความวิชาการ/บทความวิจัยที่ไม่ผ่านการคัดกรองเพื่อการเผยแพร่ 1. ไม่ดำเนินการตามระเบียบหรือข้อกำหนดของวารสาร หรือที่ประชุม/สัมมนาวิชาการ 2. เนื้อหาสาระของบทความไม่สอดคล้องกับสาขาวิชาเฉพาะของวารสารหรือไม่ตรงกับ Theme ของการประชุม/สัมมนาวิชาการ 3. บทความขาดความเป็นเอกภาพ (แต่ละองค์ประกอบไม่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน) 4. ขาดความชัดเจนในการนำเสนอ/ไม่ครบกระบวนการของการทำวิจัย 5. ไม่ได้ทำการประมวลสรุปเพื่อเขียนเป็นบทความ แต่นำเอาบทสุดท้ายมาปรับเขียน 6. โครงสร้างการเขียนไม่ดี ไม่เป็นไปตามลำดับ ขาดความเป็นเหตุเป็นผล 7. ขาดลีลาการเขียน (Writing style) ที่เป็นวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนวนภาษา การแบ่งประโยค และการแบ่งวรรคตอน 8. สาระที่นำเสนอไม่ลึกซึ้ง และไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ 9. ไม่ประณีต พิถีพิถันในการใช้ภาษา (ไม่คำนึงถึงหลักไวยากรณ์ พิมพ์ผิด สะกดผิด) 10. เป็นเพียงรายงานการศึกษา ขาดการวิเคราะห์ วิจารณ์ และ/หรือการแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ
ข้อเสนอแนะเพื่อการเผยแพร่บทความ 1. สำรวจวารสารวิชาการ การประชุมสัมมนาวิชาการ ที่บทความที่เขียนสามารถนำไปเผยแพร่ได้ 2. ศึกษาและทบทวนระเบียบและข้อกำหนดของวารสาร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระ และรูปแบบของบทความ 3. วางแผนการเขียนบทความอย่างเป็นระบบ กำหนดโครงร่างและองค์ประกอบของบทความ กรอบเวลาที่จะเขียน และเวลาที่จะเผยแพร่ 4. การเขียนเป็นเรื่องของทักษะ ควรศึกษาหาความรู้ และเพิ่มพูนทักษะด้วยการฝึกเขียนบ่อย ๆ และด้วยการอ่านบทความดี ๆ จากวารสารดี ๆ 5. ใช้ภาษาเขียนที่เป็นมาตรฐานทางวิชาการ ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์ 6. ตรวจสอบและตรวจทานสิ่งที่ได้เขียนแล้วในบทความหลาย ๆ ครั้ง เพื่อตัดทอน และ/หรือเพิ่มเติมสาระให้มีความถูกต้องและเหมาะสม 7. กรณีของบทความวิชาการ ต้องไม่ลืมส่วนที่เป็นบทวิเคราะห์ วิจารณ์ และการแสดงความคิดเห็น บนพื้นฐานของหลักวิชาการ 8. กรณีของบทความวิจัย ต้อเป็นการเรียบเรียงในลักษณะของการประมวลสรุปจากรายงานการวิจัย มิใช่การนำเอาบทสุดท้ายมานำเสนอ 9. หลักการเขียนบทความวิจัย ต้องพยายามยึดวัตถุประสงค์เป็นตัวตั้งเสมอ 10. นำเสนอเนื้อหาสาระโดยปราศจากอคติ ตรงไปตรงมา
เอกสารประกอบการค้นคว้า – นงลักษณ์ วิรัชชัย และสุวิมล ว่องวานิช, “การจัดทำรายงานวิชาการ บทความวิจัย และการอ้างอิง”, [ออนไลน์] – นงลักษณ์ วิรัชชัย, “รูปแบบ และลักษณะของบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารตามมาตรฐานสากล”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา : https://www.tci-thaijo.org/index.php/suedureasearchjournal/article/viewFile/6938/5981 – รสริน พิมลบรรยวก์, “การเขียนบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา : http://technology.kku.ac.th/wp-content/ITFilesD/IT009D.pdf – รัตนะ บัวสนธ์, “การเขียนบทความวิชาการและบทความวิจัย”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา : http://rdi.nsru.ac.th/tip/tip-09.pdf – วรางคณา จันทร์คง, “เทคนิคและวัตถุประสงค์ในการเขียนบทความวิชาการ”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา : http://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/book574/rsearch574.pdf – บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,”แนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการเขียนบทความตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา”,[ออนไลน์] แหล่งที่มา : http://grad.vru.ac.th/pdf_SAR/Good_Practice_article_writ.pdf – สุวิมล ว่องวาณิช, “เทคนิคการเขียนโครงการวิจัยให้โดนใจกรรมการ”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา : http://www.human.cmu.ac.th/home/research/research/data/technic.pdf —29 ก.ค.59 มีการอบรมโครงการ “อบรมและพัฒนานักวิจัย ” ประจำปี 2559 หลักสูตร “การเขียนบทความวิจัยทางวิชาการ ” จัดโดย เครือข่ายบริหารการวิจัยภาคเหนือตอนบน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ร่วมกับ งานบริหารงานวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่https://www.facebook.com/groups/thaiebook/658232967660858/ http://unrn.rac.oop.cmu.ac.th —
ประเทศไทย 4.0 ก็คาดหวังกับการวิจัยไว้เช่นกัน คลิ๊ปโดย MOC
VIDEO
— – บุษบา กนกศิลปธรรม, “การอบรมเชิงเทคนิคในการเขียนบทความวิชาการ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์”, [ออนไลน์] แหล่งที่มา :
VIDEO