สกสค. : ก้าวแรก “ครอบครัวครู…เราดูแล”

10 มิถุนายน 2556

ก้าวเข้าสู่เดือนที่ 8 แล้วในการเข้ามาบริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ของ”นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. คนปัจจุบัน ที่ได้เข้ามาผลักดันนโยบายต่างๆ มากมาย ดังนั้นในโอกาสพิเศษนี้จึงขอเปิดใจถึงนโยบายที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้

“ก่อนมารับตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. มีงานที่ยังคั่งค้างอยู่และได้เกิดปัญหาขึ้นแล้วจนส่งผลมาจนถึงปัจจุบันทำให้ต้องมีการสะสาง โดยเฉพาะ โครงการการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ที่ได้มีการเสนอข่าวสารที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงไปมาก เพื่อตรวจสอบงานก่อสร้างดังกล่าวให้เป็นไปโดยสุจริต และโปร่งใส สกสค.จึงขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้า ร่วมตรวจสอบการดำเนินการ และได้มีผลสรุปการตรวจสอบโครงการว่าไม่พบการทุจริตในทุกขั้นตอน ตามหนังสือยืนยันจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มายังสกสค.สองฉบับ และวันนี้ได้แก้ปัญหาด้วยการตั้งคณะทำงานเพิ่ม 3 ชุดเพื่อดำเนินการบริหารโครงการนี้ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งงานจะสำเร็จตามที่คณะกรรมการชุดเดิมได้วางนโยบายไว้

“ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 นับถึงวันนี้ก็ผ่านมามากกว่า 6เดือนแล้ว มีการดำเนินการพัฒนางานประจำ ควบคู่ไปกับการกำหนดนโยบายเพื่อการเสริมสร้างองค์กรให้เข้มแข็ง การจัดสวัสดิการที่ยั่งยืน มั่นคง การยกย่องเชิดชูเกียรติครูและบุคลากรทางการศึกษา การส่งเสริมการวิจัยเพื่อพัฒนาการจัดสวัสดิการและการส่งเสริมองค์การค้าให้ผลิตสื่อ อุปกรณ์การศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเน้นให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สภา ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้กำหนดภารกิจให้กับองค์กรนี้เป็นผู้ดำเนินการจัดสวัสดิการและสวัสดิภาพที่ดีและมีคุณภาพให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน” มติชน 10 มิ.ย. 56 MCMUS0606POR.PDf saleสุ awปองานที่จะต้องทำต่อไปข้างหน้าจะเป็นเรื่องของการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษาใน 2 ด้าน ได้แก่

1.ด้านเศรษฐกิจจะทบทวนข้อตกลงหรือMOUกับธนาคารออมสินในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกอยู่กับสกสค. ซึ่งขณะนี้นโยบายภาครัฐด้านการเงินการธนาคารก็ได้ลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่สกสค.ต้องเข้ามาผลักดันในส่วนนี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทบทวนข้อตกลงกับทางธนาคารออมสินแล้ว และคาดหวังว่าจะเป็นแนวทางที่จะช่วยเหลือสมาชิกในภาวะที่มีความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจ ภาวะที่หนี้สินครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สมาชิกได้รับประโยชน์สูงสุดในการกู้เงิน

2. ปรับปรุงระบบจ่ายเงินค่าสงเคราะห์สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในกรณีที่คู่สมรสถึงแก่กรรม(ช.พ.ส.)ที่เสียชีวิตให้รวดเร็วขึ้นโดยต้องจ่ายภายใน 30 วันหลังมีการประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิตในแต่ละเดือน ซึ่งเดิมได้กำหนดให้จ่ายเงินภายใน 90 วันหรือมากกว่านั้น โดยนโยบายนี้ได้ประกาศออกไปแล้วและจะเริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นต้นไป

3. การดูแลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่กันดาร พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สกสค.ได้ทำโครงการช่วยเหลือให้มีความรวดเร็วและถึงมือผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการดูแลการศึกษาบุตรของข้าราชการครูและบุคลากรฯกลุ่มนี้ที่เสียชีวิตหรือประสบภัยให้ได้เรียนจนถึงระดับปริญญาตรี และในอนาคตหากบุตรของครูและบุคลากรฯ เรียนจบและประสงค์จะทำงานในหน่วยงานของสกสค.จะให้รับเข้าทำงานเป็นกรณีพิเศษ

4. การส่งเสริมการยกย่องเชิดชูเกียรติ ส่งเสริมเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของครู ผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา เช่น การนำครูไปทัศนศึกษาสถานที่ตามรอยพระพุทธเจ้า ณ ประเทศอินเดีย การสรรหาครูผู้มีคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อการยกย่องเชิดชูเกียรติ
สิ่งที่จะผลักดันทำในอนาคต คือการลดค่าใช้จ่ายในภาคครัวเรือนของข้าราชการครูฯ ทุกสังกัด จะมีการจำหน่ายสินค้าในราคาสวัสดิการที่สำนักงานสกสค.จังหวัด เป็นสวัสดิการภายในหน่วยงานโดยให้สมาชิกที่เป็นครูถือบัตรเครดิต ที่มีวงเงินครัวเรือนละ 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิต เช่น การซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช เป็นต้น โดยจะประสานกระทรวงพาณิชย์ และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร(อตก.) เพื่อหาสินค้าคุณภาพราคาไม่แพงมากนักมาจำหน่ายแก่สมาชิก แนวทางดังกล่าวนอกจากจะสนองนโยบายรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวครูในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

ในเรื่องของสุขภาพของข้าราชการครูฯ ทางสกสค.มีแนวคิดการจัดตั้งโรงพยาบาลภูมิภาคขึ้น จะนำร่องก่อนในภาคกลาง และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาแล้ว โดยการตั้งโรงพยาบาลของสกสค.มีเป้าหมายเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่เป็นข้าราชการครูฯด้วยราคาที่ไม่แพงเป็นราคาสวัสดิการ และยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามารับบริการได้ด้วย

นอกจากนี้จะหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาดูแลครูที่ประสบหนี้สินวิกฤติ หรืออยู่ระหว่างการฟ้องร้อง ที่มีอยู่ประมาณ 2,000 คน ทางสกสค.กำลังประสานกับสถาบันการเงินให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อไป เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในหนี้สิน และที่สำคัญทำให้เพื่อนครูเหล่านี้มีพื้นที่ที่จะยืนอยู่ในสังคมได้
ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของผมที่จะมุ่งมั่นทำงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเพื่อนครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา ทุกคน
www.otep.go.th โทร. 0 2282 3831

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32969&Key=hotnews