15 กรกฎาคม 2556
ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ภายหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบและมอบให้ ศธ.นำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (National Qualifications Framework : NQF) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากำลังคนสู่มาตรฐานสากล โดยใช้ระบบคุณวุฒิเป็นองค์ประกอบในการประเมินความรู้กับการเทียบโอนประสบการณ์ ไปดำเนินการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับสู่การเป็นประชาคมอาเซียนโดยขณะนี้ สกศ. ได้ดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ4 ภูมิภาค เรื่อง “การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วม เกิดการยอมรับ และนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป ซึ่งได้ดำเนินการจัดประชุมเสร็จสิ้นไปแล้วทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ ภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานีภาคกลาง ที่ กรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.อุดรธานี อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการระหว่างประเทศ ประจำปี 2556 เรื่อง “การศึกษาเพื่ออนาคตประเทศไทย” ขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กทม. ซึ่ง สกศ.ได้หยิบยกประเด็น “กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ” มาเป็นหัวข้อสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติของนานาประเทศ รวมถึงจัดให้มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับการจัดทำรายละเอียดของกรอบคุณวุฒิของกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย
ดร. ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษากล่าวว่า การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติครั้งนี้ มี 4 ประเทศที่ร่วมนำเสนอ ได้แก่ ไทยนิวซีแลนด์ ฮ่องกงและอินโดนีเซียโดยไทยนำเสนอว่าได้เริ่มจัดทำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติมาเป็นเวลานานแล้ว โดยมีการรวบรวมผลงานวิจัยจากหลายแห่ง รวมถึงได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และศึกษาดูงานในหลายประเทศทั้งในเอเชียและยุโรป จากนั้นได้ตั้งคณะทำงานพัฒนากรอบคุณวุฒิฯก่อนจะจัดประชาพิจารณ์ 4 ครั้ง จนกระทั่งครม.ได้อนุมัติกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเมื่อต้นปีที่ผ่านมา “กรอบคุณวุฒิฯ จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากำลังคนสู่มาตรฐานสากล โดยใช้ระบบคุณวุฒิเป็นองค์ประกอบสำคัญในการประเมินศักยภาพการเรียนรู้ของบุคคล ที่เชื่อมโยงคุณวุฒิการศึกษา กับการเทียบโอนประสบการณ์ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการเชื่อมโยงและสร้างความร่วมมือระหว่างการศึกษาในระดับต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้คนไทยที่อยู่ในวัยแรงงานมีความรู้ ความสามารถตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานทั้งไทยและเทศ รวมทั้งมองเห็นถึงเส้นทางการเรียนรู้และความก้าวหน้าอย่างชัดเจน และยังเป็นการส่งเสริมการประกันคุณภาพของบุคคลตามระดับคุณวุฒิด้วย” …โครงสร้างกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ1.ระดับและองค์ประกอบของระดับคุณวุฒิ ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ระดับ (1-9) ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงปริญญาเอก โดยแต่ละระดับจะมีการกำหนดสมรรถนะ หรือความสามารถในการปฏิบัติงานเชื่อมโยงกับระดับวุฒิการศึกษา ซึ่งจะสามารถประยุกต์ใช้ได้กับกำลังคนในแต่ละกลุ่มสาขาอาชีพ 2.กลไกการเชื่อมโยงเติมเต็ม/เทียบเคียง และ 3.ผลลัพธ์การเรียนรู้ตามระดับคุณวุฒิการศึกษาทั้งนี้ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ไทยจะนำกรอบคุณวุฒิไปเทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิอาเซียน ซึ่งผู้ที่ได้รับการยอมรับในกรอบคุณวุฒิเหล่านี้ จะสามารถไปทำงานในกลุ่มอาเซียนได้เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของนิวซีแลนด์นำเสนอว่า เริ่มพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 ซึ่งนิวซีแลนด์มีผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษาเป็นจำนวนมาก แต่มีประสบการณ์การทำงาน ส่วนผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษา กลับไม่มีประสบการณ์ ทักษะ และความเชี่ยวชาญในการทำงาน ดังนั้นจึงต้องมีการจัดทำกรอบคุณวุฒิขึ้นมาซึ่งโครงสร้างกรอบคุณวุฒิได้แบ่งระดับคุณวุฒิเป็น 10 ระดับ(1-10) โดยระดับที่ผ่านการทดสอบจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจะเทียบได้กับอนุปริญญา ปริญญาตรี โท และเอก
ขณะที่อินโดนีเซียนำเสนอว่า ได้จัดทำกรอบคุณวุฒิและประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยแบ่งระดับคุณวุฒิเป็น9 ระดับ และจะนำไปใช้เทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิอาเซียนด้วยทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับการพัฒนากรอบคุณวุฒิเป็นอย่างมาก โดยคาดหวังว่านานาชาติจะให้การยอมรับกับระบบการศึกษาของอินโดนีเซียและสามารถเทียบเคียงกับคุณวุฒิกับนานาประเทศ ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนย้ายแรงงานในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
สุดท้ายที่ฮ่องกงนำเสนอว่าได้มีการตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องกรอบคุณวุฒิเป็นการเฉพาะ เพราะที่ฮ่องกงมีผู้ที่เรียนจบจากสายอาชีพมากกว่าผู้ที่จบปริญญา แต่ทว่าภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรมจะไม่ยอมรับผู้ที่จบจากสายอาชีพ เพราะจะรู้สึกว่ามีความชำนาญไม่เท่ากับผู้ที่จบปริญญา ดังนั้นจึงส่งผลให้ต้องมีการผลักดันเรื่องกรอบคุณวุฒิ และพยายามให้ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ได้เข้ามาร่วมมือกับสถาบันที่ดำเนินการเรื่องกรอบคุณวุฒิแล้ว 19 อุตสาหกรรม
…นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศต่างให้ความสำคัญกับกรอบคุณวุฒิ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ขณะนี้ต่างกำลังพัฒนา “กรอบคุณวุฒิ” โดยมีการเทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิอาเซียน เพื่อนำไปสู่การยอมรับและการรับรองความรู้ ความสามารถในแต่ละระดับของอาเซียน ซึ่งเชื่อได้ว่าเมื่อถึงปี 2558 การเคลื่อนย้ายบุคลากรเข้าสู่ประชาคมอาเซียนคงเป็นไปได้อย่างลื่นไหลทั้งผู้เรียน และคนทำงาน
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เลขที่ 99/20 ถนนสุโขทัยแขวงดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร.0-2241-8284 ต่อ2413, 2414, 2416, 2471 และเว็บไซต์ www.onec.go.th
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33347&Key=hotnews

