16 พฤษภาคม 2556
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ทำหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพื่อเตรียมพร้อมในช่วงเปิดภาคเรียนใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.แนวปฏิบัติเรื่องกิจกรรมรับน้องของโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน ขอกำชับให้สถานศึกษาดำเนินกิจกรรมรับน้องให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพและความ เสมอภาคของบุคคล หลีกเลี่ยงพฤติกรรมก้าวร้าวที่รุนแรง อันจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ
เลขาธิการ กช.กล่าวต่อว่า การดำเนินกิจกรรมควรตั้งอยู่ในครรลองของระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กรอบกฎหมายและศีลธรรมอันดี โดยไม่มีอบายมุขทุกชนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน สารเสพติด ทั้งนี้ สถานศึกษาต้องกำหนดแผนหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยให้ความสนใจ เอาใจใส่ เฝ้าระวัง และกวดขันนักเรียนนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง และมีคณะครูคอยควบคุมดูแลระหว่างทำกิจกรรม มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุ ตลอดจนความเสี่ยงและอันตรายในเรื่องต่างๆ ไม่สนับสนุนให้มีกิจกรรมรับน้องนอกสถานศึกษา และหากสถานศึกษาใดไม่มีแผนงานหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัดกิจกรรมการรับน้อง ปล่อยปละ ให้เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ สถานศึกษา ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามควรแก่กรณี
เลขาธิการ กช.กล่าวด้วยว่า 2.ขอให้โรงเรียนเอกชนในระบบประเภทอาชีวศึกษา เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องความประพฤติของนักเรียน นักศึกษา และเคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยให้โรงเรียนจัดทำแผนป้องกันและแก้ปัญหา ความประพฤติของนักเรียนให้ครอบคลุมดังนี้ 1.เข้มงวดระเบียบวินัย การแต่งกาย ความประพฤติของนักเรียน นักศึกษาให้เป็นไปตามกฎระเบียบโดยเฉพาะเรื่องการป้องกันการก่อเหตุทะเลาะวิวาท 2.ให้สถานศึกษาจัดทำระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาของนักเรียนนักศึกษาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและยั่งยืน โดยมีครูแนะแนว ครูที่ปรึกษา ฝ่ายปกครองและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ดูแลเอาใจใส่นักเรียนนักศึกษาอย่างใกล้ชิด 3.ให้สถานศึกษาตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพการสอนตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการอาชีวศึกษา อย่างไรก็ตาม หากสถานศึกษาใดปล่อยปละละเลยไม่ดูแลนักเรียน นักศึกษาของตน ปล่อยให้มีประพฤติตนไม่เหมาะสมจนเป็นเหตุให้เสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นและสังคมโดยรวม สช.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เริ่มตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือนไปจนถึงให้หยุดดำเนินการเรียนการสอนและยกเลิกใบอนุญาตต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน จำนวน 428 แห่ง และเป็นโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท 10 โรงเรียน
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32719&Key=hotnews

