8 สิงหาคม 2556
“สังคมไทยกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมในทุกระดับฝีมืออย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักส่วนหนึ่งคือเยาวชนไทยขาดแรงจูงใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ ผนวกกับรูปแบบการจัดการศึกษาในอดีตที่เน้นการท่องจำ ไม่สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่ดีให้กับผู้เรียนได้และไม่สามารถพัฒนาทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ หลายภาคส่วนต่างตระหนักเป็นอันดีว่าประเทศไทยต้องอาศัยการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปกระบวนการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน การใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ ในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จึงถือเป็นการสร้างพื้นฐานสำคัญของเยาวชนไทยอันจะนำมาสู่การยกระดับคุณภาพของทรัพยากรบุคคลเพื่อจะได้นำพาประเทศไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” คุณเกศรา อมรวุฒิ ผู้จัดการโปรแกรมนวัตกรรมทางการศึกษา สถาบันคีนันแห่งเอเชีย กล่าว
ดังนั้น บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด จึงร่วมกับสถาบันคีนันแห่งเอเชีย เดินหน้าส่งเสริมทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กนักเรียนในภาคใต้ โดยจัดอบรมพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ในด้านการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผ่าน “กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้” หรือ Chevron-INCREASE ภายใต้โครงการ “The Power of Human Energy : รวมพลังคน สร้างพลังใจ”
หลังจากได้เปิดตัวโครงการ เชฟรอนและสถาบันคีนัน ได้ดำเนินหลากหลายกิจกรรมเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ หรือ Chevron-INCREASE อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การจัดอบรมครูผู้สอนวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติการ โดยมีครูอาจารย์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในขั้นต้น จำนวน 99 คน จากโรงเรียนเป้าหมาย 44 โรงเรียน ทั้งจาก จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำคู่มือสำเร็จรูปของหลักสูตร และรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ที่ครูวิทยาศาสตร์สามารถนำมาประยุกต์ได้จริงเพื่อใช้ในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และโรงเรียนแห่งแรกที่ได้ทำการพิสูจน์จากการอบรมในโครงการ Chevron – INCREASE คือ โรงเรียนสงขลาวิทยาคม โดยมีคุณครูจริญญา มณีนิล เป็นอาจารย์ที่ได้รับการอบรมมาแล้ว พบว่าในชั้นเรียนขณะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงการสอน โดยมีการสอนแบบมีกระบวนการ หรือเรียกว่า “Group of four” ที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อเป็นการทำให้นักเรียนมีความเข้าใจว่า ในแต่ละการทดลองหรือทำงานนั้นๆ ควรมีกระบวนการตามขั้นตอน อีกทั้งยังให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพียงแต่คนใดคนหนึ่งต้องทำหน้าที่นั้นตลอดไป
คุณครูจริญญา กล่าวว่า เมื่อเข้าร่วม Inquiry-based แล้วทำให้ครูสามารถปรับเปลี่ยนและเพิ่มเทคนิคในการสอนได้อย่างมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้สงสัยและกล้าถาม-ตอบได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อได้มีกระบวนการ “Group of four” แล้ว ทำให้กิจกรรมการเรียนในห้องเริ่มสนุกมากขึ้น เด็กๆ อยากที่จะเข้าเรียนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
จากการได้พูดคุยกับน้องเกว เด็กหญิงณพลักษณา ธรรมการ ทราบถึงว่า คุณครูมีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนไป แบบว่าสนุกกว่าเดิม เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม และยังทำให้น้องอยากจะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวัน
น้องเกวบอกว่า “ตั้งแต่ที่คุณครูมีการเปลี่ยนการสอนใหม่ทำให้หนูเข้าใจการเรียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้หนูมีการคิดแบบกระบวนการด้วย ผลการเรียนของหนูมีคะแนนเยอะขึ้น และทำให้หนูอยากเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวันเลยค่ะ”
คุณทวนชัย กองพิธี ผู้จัดการศูนย์ฝึกอบรมเศรษฐพัฒน์ บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า จากการที่เชฟรอน ประเทศไทย เองได้ดำเนินงานใน จ.สงขลา
และ จ.นครศรีธรรมราช โดยทำงานร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิดมาตลอด เราเล็งเห็นว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่เยาวชนในพื้นที่เองยังให้ความสนใจกันน้อย และการเรียนการสอนที่ผ่านมายังไม่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะและกระบวนการคิด วิเคราะห์ จึงได้ ร่วมกันดำเนินโครงการ Chevron-INCREASE ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 2 ปี โดยตั้งเป้าที่จะ ช่วยพัฒนาศักยภาพให้กับครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น อย่างน้อย 135 คนจาก 45 โรงเรียน ซึ่งในปัจจุบันหลังจากเริ่มโครงการได้เพียงไม่กี่เดือน มีคุณครูที่เข้าร่วมโครงการแล้วจาก 43 โรงเรียน
โครงการ “The Power of Human Energy : รวมพลังคน สร้างพลังใจ” เป็นโครงการซีเอสอาร์ที่มุ่งเน้นการสร้างศักยภาพชุมชนผ่านการศึกษา ภายใต้การทำงานร่วมกับองค์กรด้านการพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญต่างๆ ได้แก่ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย องค์การ แพธ ประเทศไทย และองค์การแพ็ค ประเทศไทย เพื่อพัฒนาพลังงาน คนใน 3 ด้านหลัก ทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ การให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อ สื่อสารกับลูกหลานวัยรุ่นอย่างสร้างสรรค์ สร้างกิจกรรมที่สามารถบอกเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ได้อย่างกว้างมากขึ้น และการเสริมทักษะความเป็นผู้นำและการสร้างอาชีพให้แก่เยาวชนกลุ่มเปราะบาง
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33627&Key=hotnews