‘จาตุรนต์’ รื้อเกณฑ์วิทยฐานะใหม่ เล็งเพิ่มสัดส่วน’ผลสัมฤทธิ์น.ร. 50 %’การศึกษา สั่งก.ค.ศ.วางแผนรับมือครูเกษียณอื้อ

1 สิงหาคม 2556

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มอบนโยบายให้ ก.ค.ศ.ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่เพื่อให้การประเมินวิทยฐานะมุ่งไปที่ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนให้มากขึ้น โดยจะให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปคิดหลักเกณฑ์และวิธีการในส่วนนี้ และจะต้องหาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยกันคิดเพื่อให้ค่าน้ำหนักในหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่ที่จะจูงใจให้ครูพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนดีขึ้น ไม่ใช่เฉพาะประเมินวิทยฐานะเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางวิชาชีพครูเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปพิจารณาเพื่อให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายหรือให้ความดีความชอบครู จะต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนและโรงเรียนมากขึ้น

“หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะของ ก.ค.ศ.หรือสพฐ.ควรมีข้อตกลงกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) เพื่อให้ ผอ.สพท.ให้ความสนใจพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน โรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาให้ดีขึ้น และที่สำคัญต้องไม่ทอดทิ้งให้โรงเรียนจำนวนมากมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ” รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าว และว่า ในภาพรวมของการประเมินวิทยฐานะทั้งหมดจะต้องมีการปรับ ซึ่งในส่วนของสัดส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่จะนำมาใช้ประเมินจะต้องมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น ในเบื้องต้นควรจะต้องเพิ่มเป็นอย่างน้อยประมาณ 50% จากปัจจุบันที่มีการใช้สัดส่วนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาประเมินวิทยฐานะประมาณ 10-20% เท่านั้น ทั้งนี้ หากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากคะแนนผลทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) สูงขึ้นผลสัมฤทธิ์ของครูก็ต้องย่อมดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้ค่อนข้างมาก ฉะนั้นจะต้องทำให้ทั้งระบบให้ความสนใจและเข้าใจกับผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและผู้ปกครองนักเรียน

นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปเตรียมวางแผนรองรับกรณีที่จะมีข้าราชการครูที่จะเกษียณอายุราชการจำนวนมากในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ประสบภาวะขาดแคลนครูจำนวนมากในภาพรวมและรายสาขาวิชาเอก อีกทั้งสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและไม่นานนี้น่าจะมีภาวะที่นักเรียนลดน้อยลงอย่างมาก สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องไปวิเคราะห์และหาข้อมูลวางแผนการจัดสรรบุคลากรรองรับ

ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้พัฒนาเครื่องมือและหลักเกณฑ์ในการประเมินสมรรถนะครู ตามหลักการที่ ก.ค.ศ.ได้เห็นชอบการให้ครูมีและเลื่อนวิทยฐานะด้วยการประเมินสมรรถนะหรือ TPK โมเดล ร่วมกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มสาระดังกล่าว จนมีความพร้อมใกล้เสร็จสมบูรณ์ใน 3 กลุ่มสาระ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ซึ่งการประเมินสมรรถนะแบบ TPK โมเดล จะมี 2 องค์ประกอบหลัก คือ ประเมินจากสมรรถนะความรู้ของครู และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33557&Key=hotnews