8 กรกฎาคม 2556
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)เปิดเผยถึงกรณีที่สมาพันธ์ผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยองค์กรเครือข่ายการมัธยมศึกษา ได้ร่วมกันเสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสงรมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอแยกตั้งสำนักงานคณะกรรมการการมัธยมศึกษาว่า เรื่องการปฏิรูปการศึกษาทุกฝ่ายสามารถเสนอความเห็นได้ แต่ก็ต้องวิเคราะห์หรือประมวลข้อคิดเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียก่อน และการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ เราควรทุ่มเทให้กับการปฏิรูปหลักสูตร เน้นเรื่องของงานวิชาการเป็นหลัก เพราะการปฏิรูปการศึกษารอบแรกเราได้เสียเวลาไปกับการปฏิรูปโครงสร้างมามาก และโดยส่วนตัวก็เห็นว่าวันนี้กลไกการทำงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ยังดำเนินไปได้ด้วยดี
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่าสำหรับกรณีที่สมาพันธ์ฯ แสดงความห่วงใยว่า ปัจจุบันผู้บริหารที่เข้าใจการมัธยมศึกษา ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ลดน้อยลงนั้นตนเองมองว่า สพฐ. ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดช่วงของผู้รอบรู้เรื่องการมัธยมศึกษาและการเกษียณอายุราชการก็เป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตของข้าราชการ ซึ่งก็จะมีคนใหม่หมุนเวียนเข้ามาทำงาน และเชื่อว่าสามารถสานต่องานแทนคนรุ่นเดิมได้ส่วนข้อเสนอการแยกตั้งองค์กรหลักใหม่เพื่อสร้างผู้บริหารด้านการมัธยม ที่มาจากสายมัธยมโดยตรงนั้นก็เป็นข้อเสนอหนึ่งแต่เห็นว่าการสร้างคนใหม่ต้องใช้เวลาดังนั้น ควรพัฒนาคนที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่า
“เรื่องที่ชาวมัธยมรู้สึกน้อยใจว่าดูแลประถมมากกว่านั้น คงไม่จริง สพฐ. ดูแลทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน จนหลายครั้งยังถูกต่อว่าจากฝ่ายประถมว่าดูแลฝ่ายมัธยมมากเกินไปด้วยซ้ำ ผมขอบอกว่าผมมองการมัธยมเปรียบเสมือนหัวรถจักร เป็นพี่ใหญ่ที่มีประสบการณ์สูงทั้งด้านวิชาการและด้านการบริหาร ส่วนประถมเป็นเหมือนน้อง แต่ในการบริหารผมใช้หลักการเดียวกันคือโรงเรียนมาตรฐานสากลไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่หรือเล็กก็มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน จึงเห็นว่าทั้งมัธยมและประถมควรอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งดีกว่าแยกกันอยู่” นายชินภัทร กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33282&Key=hotnews