23 สิงหาคม 2556
(22 ส.ค.56) ที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ได้จัดพิธีประดับเครื่องหมายยศร้อยตรี ให้กับนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกวิชาทหาร ชั้นปีที่ 5 ประจำปี 2556 จำนวน 1,753 คน แบ่งเป็นชาย 806 คน และหญิง 947 คน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ ยังมีคณะนายทหารของกองทัพบก เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ฝากผู้ที่สำเร็จวิชานักศึกษาวิชาการทหาร 3 ประการ คือ 1.ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน 2.ความจงรักภักดีต่อสถาบัน และ 3.ขอให้ทุกคนกลับไปกราบพ่อแม่ เพื่อให้พ่อแม่เกิดความภาคภูมิใจ สำหรับการประดับเครื่องหมายยศ 5 ปี ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับนักเรียนผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งผู้ที่จบการศึกษา ถือเป็นกำลังสำรองที่มีคุณภาพ เพราะได้ผ่านการฝึกในระยะเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ มี่ผ่านมาได้หารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการแก้ไข พ.ร.บ.นักศึกษาวิชาทหาร ที่ไม่ได้ระบุว่านักศึกษาวิชาทหารจะสามารถทำหน้าที่ได้ยามศึกสงคราม หรือในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ใดๆ เหมือนกับกรณีที่จะต้องไปช่วยเหลือประชาชนยามเกิดภัยพิษัติ หากเกิดอุบัติเหตุจะมีปัญหาตามมา โดยได้หารือกับ พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผบ.นรด.แล้ว และได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และได้พิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้กฎหมายมีความทันสมัยในการใช้กำลังสำรองเหล่านี้ และบรรจุคนเหล่านี้เข้ารับราชการในกองทัพได้ ซึ่งไม่ได้ใช้ภารกิจการรบ อีกทั้งปัญหาขณะนี้คือ สัดส่วนของนายสิบและพลทหารมียอดเต็มประมาณ 4 แสนคน ซึ่งกองทัพบกสามารถบรรจุได้ 2.6 แสนคน โดยขาดอัตราพลทหารและรายสิบประมาณ 30 เปอร์เซนต์ โดยจะต้องฝึกผู้ที่จบนักศึกษาวิชาทหารให้ได้ครบตามที่เราต้องการใช้ในภารกิจที่ยังขาดอยู่ ทั้งนี้ จะต้องใช้งบประมาณดำเนินการจำนวนหนึ่ง
“ถ้าเป็นไปได้ เราก็จะการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อให้คนเหล่านี้มาบรรจุ โดยใช้วิธีการเซ็นต์สัญญาเป็นห้วงระยะเวลา พร้อมทั้งกำหนดรายละเอียดว่าจะไม่ใช้กำลังตรงนี้ในการรบ แต่จะใช้งานด้านการส่งกำลังบำรุง เจ้าหน้าที่ธุรการ และงานด้านเอกสาร โดยไม่จำเป็นต้องใช้คนจาก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดูความคืบหน้า ถ้าทำได้ กำลังสำรองจะช่วยงานด้านจิตอาสา เมื่อเกิดปัญหาเราจะได้ดูแลเขาได้” ผบ.ทบ.กล่าว
ที่มา: http://www.naewna.com
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33829&Key=hotnews

