5 มีนาคม 2556
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ขอให้สภาวิชาชีพทั้ง 13 สาขา ไปทำข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหากรณีสถาบันอุดมศึกษาบางแห่งเปิดรับนักศึกษาก่อนสภาวิชาชีพจะรับรองหลักสูตร ทำให้เมื่อจบหลักสูตรแล้วนักศึกษาไม่สามารถไปขอใบประกอบวิชาชีพได้นั้น ยอมรับว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากสภาวิชาชีพแต่ละแห่งต่างยึดตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของตัวเอง โดยเฉพาะสัตวแพทยสภา และสภาเทคนิคการแพทย์ ที่ยังไม่ยอมปรับรายละเอียดขั้นตอนในการรับรองหลักสูตร อาทิ สัตวแพทยสภา กำหนดว่า มหาวิทยาลัยที่จะเปิดหลักสูตรสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจะต้องเปิดโรงพยาบาลก่อน เพื่อรองรับการฝึกงานของนักศึกษา ทั้งที่ไม่จำเป็นเพราะมหาวิทยาลัยสามารถทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและส่งเด็กไปฝึกสอนได้ ขณะที่สภาเทคนิคการแพทย์ จะเข้ามากำหนดเรื่องคุณสมบัติของอาจารย์ผู้สอน ทั้งที่เป็นหน้าที่ของ สกอ. เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายในการรับรองหลักสูตร เท่าที่ทราบการออกไปตรวจรับรองแต่ละครั้ง มหาวิทยาลัยจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเดินทาง ค่าตรวจเยี่ยม ร่วมถึงค่ารับรองหลักสูตร ซึ่งบางสภาวิชาชีพเรียกเก็บค่ารับรองหลักสูตรในแต่ละรอบเกือบ 1 แสนบาท ทั้งที่เงินจำนวนดังกล่าวมหาวิทยาลัยไม่ควรต้องจ่าย
นพ.กำจรกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากการหารือสภาวิชาชีพส่วนใหญ่ยอมผ่อนคลายข้อกำหนดต่าง ให้มหาวิทยาลัยสามารถเปิดการเรียนการสอนได้สะดวกขึ้น แต่ส่วนตัวยังเห็นว่าหากจะแก้ปัญหา ควรต้องกำหนดลงไปในกฎหมายให้ชัดเจนว่า สภาวิชาชีพมีอำนาจอะไรในการเปิดหลักสูตรของมหาวิทยาลัยได้บ้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่ามหาวิทยาลัยไปเปิดสอน ก่อนที่จะได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ ซึ่งขณะนี้ที่น่าห่วงคือ มีมหาวิทยาลัยบางแห่งไปเปิดสอนหลักสูตรที่ต้องได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ โดยทำข้อตกลงกับนักศึกษาให้ยอมรับไว้ก่อนว่า เมื่อจบแล้วอาจจะไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ ซึ่งเท่ากับว่านักศึกษาเองเป็นผู้เสียประโยชน์
“สภาวิชาชีพควรมีบทบาทในการกำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพ ไม่ใช่ไปกำกับหลักสูตร โดยสามารถประเมินได้จากนักศึกษา และประสบการณ์การทำงาน เช่น แพทยสภาจะประเมินว่าผู้ที่จบแพทย์ สามารถรักษาได้จริงหรือไม่ ไม่ใช่ดูว่าจบจากสถาบันใด ขณะที่การกำกับหลักสูตรให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้น เป็นหน้าที่ของ สกอ. จากนี้ สกอ.คงทำหน้าที่สอดส่องดูแลการจัดการศึกษาต่อไป และหากเกิดปัญหา ก็แก้ไขเป็นรายกรณี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ นักศึกษาจะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจเข้าเรียน เช่น สภาวิชาชีพรับรองหลักสูตรแล้ว แต่ยังไม่รับรองสถาบัน และหากสถาบันไม่ได้รับการรับรอง จะมีผลให้นิสิตนักศึกษา ไม่สามารถสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้” นพ.กำจรกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=31908&Key=hotnews

