11 มิถุนายน 2556
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)ในฐานะประธานคณะกรรมอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ วินัยและการออกจากราชการ เปิดเผยว่า จากการทำหน้าที่เป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ พิจารณาโทษเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ พบว่ามีเรื่องร้องเรียนกรณีครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนเพิ่มมากขึ้น และไม่ได้มีเฉพาะครูชายลวนลามทางเพศนักเรียนหญิงเท่านั้น แต่มีการร้องเรียนกรณีใหม่ พบครูมีพฤติกรรมลวนลามนักเรียนเพศเดียวกัน คือครูผู้หญิงลวนลามนักเรียนหญิง ครูผู้ชายลวนลามทางเพศนักเรียนชาย
ประธาน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ กล่าวต่อไปว่า ส่วนใหญ่ครูที่ลวนลามเด็กจะเป็นครูวิชาที่ต้องมีความใกล้ชิดกับเด็กนอกเวลาเรียน เช่น วิชาพลศึกษานาฏศิลป์ และล่าสุดที่มีร้องเรียนเข้ามาใหม่คือครูสอนคอมพิวเตอร์ เพราะต้องมีการสัมผัสเนื้อตัวเด็ก โดยส่วนใหญ่ครูที่ถูกร้องเรียนจะอยู่ในต่างจังหวัดมากกว่าในเขตกรุงเทพฯ สำหรับการพิจารณาโทษนั้น หากพบว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศจริง โทษคือไล่ออก หรือปลดออกทันที แต่ถ้าเป็นกรณีทำอนาจารเด็ก ก็ต้องดูว่าถึงขั้นไหน กระทำอย่างไรกับเด็ก และเคยกระทำความผิดกรณีอื่นมาหรือไม่ หากพบว่าขาดคุณสมบัติก็สามารถไล่ออกได้ทันที
“ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ วินัยและการออกจากราชการเพิ่งมีมติลงโทษข้าราชการครูคนหนึ่งที่ทำอนาจารเด็ก โดยให้ออกจากราชการและเสนอให้คุรุสภายกเลิกใบประกอบวิชาชีพด้วย เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นครูได้อีก แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็ตาม ทั้งนี้ ส่วนใหญ่กรณีอนาจารจะเกิดกับเด็กประถม มากกว่ามัธยมเพราะยังเด็ก ส่วนล่วงละเมิดทางเพศจะเกิดกับนักเรียนมัธยมมากกว่า ซึ่งตนอยากฝากผู้บริหารโรงเรียนให้ช่วยสอดส่อง และสังเกตกิริยาอาการของครูกับนักเรียนให้มากขึ้น” นายอภิชาติ กล่าว และว่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้อร้องเรียนว่าครูขายยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวจะถือว่ามีความผิดร้ายแรงมีโทษไล่ออกทันที
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวว่าเมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้นำจดหมายร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของครูอาจารย์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เนื้อหาระบุถึงกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี ในสถานศึกษาหลายแห่งที่มีการล้มวัวกินเหล้า เมาแล้วลวนลามเด็กโดยไม่มีใครกล้าโวยวายว่าขณะนี้ได้มอบหมายให้นายโรจนะ กฤษเจริญ รองเลขาธิการ กอศ. ตรวจสอบแล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และหากเป็นเรื่องจริง มีวิทยาลัยที่เกิดเหตุลักษณะนี้กี่แห่ง เพราะเรื่องนี้คงไม่ได้มีความผิดแค่โทษทางวินัยเท่านั้น แต่มีความผิดทางอาญาด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32982&Key=hotnews

