22 มีนาคม 2556
สพฐ.จ่อฟันอีก 10 เขต โกงสอบครู อานันท์แนะปฏิรูปแม่พิมพ์คุณภาพ
“สพฐ.” เตรียมตั้งกรรมการ 5 ชุด สอบทุจริตสอบครูผู้ช่วย 10 เขต รวมทั้ง4 เขต ที่ดีเอสไอชงโมฆะ “ผู้ตรวจราชการ ศธ.” จี้ ดีเอสไอ เร่งรับเป็นคดีพิเศษ หวั่นพยานไม่ปลอดภัย ด้าน “อานันท์” ชี้ไทยล้มเหลวการส่งเสริมสิทธิเด็ก แนะรัฐลงทุนพัฒนาทรัพยากรเด็กเป็น “ซุปเปอร์คิดส์” เพื่ออนาคตของประเทศ เผยเด็กภาคอีสาน 18 เปอร์เซ็นต์มีชีวิตต่ำกว่าเส้นความยากจน ขาดรักจากพ่อแม่ จี้ปฏิรูปครูคุณภาพปรับวิธีสอนใหม่พร้อมเสนอตั้งองค์กรภายนอกคุมรายการทีวี มีแต่ละครน้ำเน่าแฝงความรุนแรงเด็กซึมซับ-ลอกเลียนแบบอย่างแก๊งงฟันน้ำนม
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.56 นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุจริตสอบครูผู้ช่วยว่า ขณะนี้ทางสพฐ.เตรียมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีก 5 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อมูลใน 10 เขตพื้นที่การศึกษา ประกอบด้วยสพป.อุดรธานี เขต 3, สพป.ยโสธร เขต1, สพป.นครราชสีมา เขต 2, สพป.หนองบัวลำภู เขต1, สพป.อุบลราชธานี เขต 5,สพป.ขอนแก่น เขต 4, สพป.ชัยภูมิ เขต1, สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2, สพป.กาฬสิทธุ์เขต 3 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการมัธยมศึกษา(สพม.)เขต 25 จ.ขอนแก่นเนื่องจากพบข้อมูลส่อทุจริต
ทั้งนี้ ในจำนวนนี้มี 4 เขต ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เสนอยกเลิกการสอบ ประกอบด้วย สพป.อุดรธานี เขต 3,สพป.ยโสธร เขต 1, สพป.นคร ราชสีมาเขต 2 และสพป.ขอนแก่น เขต 3 แต่เนื่องจากสพป.ขอนแก่น เขต 3 มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยแล้ว จึงไม่ต้องมีกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีก อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการสอบจะดึงคนนอกมาทำหน้าเพื่อความโปร่งใส โดยใช้เวลาในตรวจสอบ 30 วัน
ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนารมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในวันที่ 22 มี.ค.เสียก่อน จะพิจารณาดำเนินการอย่างไร
ด้าน นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ในการประชุม ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณาการทุจริตสอบครูผู้ช่วยควรจะยึดหลักคนทุจริตต้องถูกลงโทษ และคนบริสุทธิ์ต้องได้รับการดูแลตามหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มิฉะนั้น อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงพยานปากสำคัญมาก เพราะกำลังถูกคุกคาม จึงอยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำคดีดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษโดยเร็ว เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพยาน พื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ด้านนายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า อยากให้มีการตรวจสอบเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการสอบครูผู้ช่วยอย่างเต็มที่ พร้อมดำเนินการตรวจสอบผู้ที่ผ่านการสอบบรรจุได้ 486 ราย ที่มีคะแนนสูงผิดปกติโดยเร็ว โดยไม่รอช้า และควรดำเนินการให้เสร็จภายใน 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม หากตั้งใจทำจริงก็ตรวจสอบไม่ยาก เว้นแต่จะมีการซื้อเวลากันเท่านั้น ซึ่งเกรงว่าหากไม่เร่งดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนได้
วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งเรื่อง การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนสู่ประชาคมอาเซียนว่า การที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนสู่ประชาคมอาเซียน ถือเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก เพราะเราจะต้องพัฒนาเพื่อสังคม และประเทศชาติของเราให้ดีก่อน ซึ่งการจะพัฒนาเด็กให้เป็นสุดยอดเด็ก (Super Kids) ด้วยบันได 3 ขั้น I am I have I can ก็เป็นเรื่องดี แต่เป็นดาบสองคมที่จะต้องระวังให้ดี เพราะ I can เป็นการให้อิสระในการคิด การทำอะไรบางอย่างโดยเด็กอาจจะลืมคำนึงถึงความรับผิดชอบ ดังนั้นจึงหวังว่าในอนาคตเด็กไทยจะไม่โตขึ้นมาแล้วพูดว่า “ผมโกงได้””โกหกได้” หรือ “หลอกคนอื่นได้”
“รัฐบาลยังต้องมีงานทำอีกมากในเรื่องการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยซึ่งแม้ในภาพรวมจะดูว่ามีการส่งเสริมในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่ในความเป็นจริงยังมีเด็กอีกหนึ่งกลุ่มที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังเช่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเด็กประมาณ 18% ต้องดำเนินชีวิตต่ำกว่าเส้นความยากจน ขาดสารอาหาร ไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ จึงชี้ให้เห็นว่าไทยยังคงล้มเหลวในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพเด็กอีกมาก” นายอานันท์ กล่าวและว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องเริ่มคิดว่าการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญระดับชาติ โดยปัจจุบันเด็กถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าจะละเลยไม่ได้แม้แต่คนเดียว ดังนั้นรัฐบาลจึงมีหน้าที่ที่จะต้องให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาเต็มตามศักยภาพของทุกคน และสนับสนุนงบประมาณในด้านนี้ให้มาก โดยเฉพาะเด็กในช่วงก่อนเข้าเรียน 5-7 ปี เพราะวัยนี้เป็นช่วงชีวิตที่ควรมีการเรียนรู้เรื่องการสร้างพื้นฐานของการเรียนรู้ต่อไป
นายอานันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ควรจะต้องมีองค์กรภายนอกมาคอยดูแลในการนำเสนอรายการโทรทัศน์ และละครต่างๆ เพราะปัจจุบันละครน้ำเน่ามีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อพ่อแม่ดูเด็กก็จะดูตาม จนทำให้มีการลอกเลียนแบบและเกิดพฤติกรรมในทางที่ผิด เช่น การตั้งแก๊งฟันน้ำนมที่ขโมยรถ เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32187&Key=hotnews