16 กรกฎาคม 2556
จากการเสวนาวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “Career Academies ระบบเตรียมความพร้อมด้านอาชีพในระบบโรงเรียนสายสามัญ” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายทอม คอร์คอแรน ผู้อำนวยการร่วมสถาบันวิจัยนโยบายการศึกษา ม.โคลัมเบีย กล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกาก็เคยมีปัญหาคล้ายกับไทยที่เด็กลาออกกลางคัน ไม่จบ ม.ปลายจำนวนมาก และต้องเข้าสู่การทำงานโดยไม่พร้อม ในขณะที่เด็กจำนวนมากก็ไม่อยากเรียนสายอาชีพ เพราะคิดว่าจะทำให้เสียโอกาสเข้ามหาวิทยาลัย จึงเกิดแนวคิดจัด Career Academies หรือโรงเรียนอาชีพขึ้นในโรงเรียนมัธยมเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อดึงดูดนักเรียนให้ได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่อาชีพการทำงาน แต่ยังสามารถเรียนควบวิชาสามัญ และมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม
นายทอม กล่าวต่อไปว่า โรงเรียนอาชีพจะเป็นเพียงส่วน เล็ก ๆ ในโรงเรียนมัธยม หรือบางแห่งอาจแยกจัดต่างหาก โดยมีเด็กแค่ 150-200 คน ซึ่งเจตนารมณ์เพื่อดึงเด็กให้อยู่ในโรงเรียนไม่ให้ลาออกไป มีการบูรณาการวิชาชีพกับวิชาสามัญ นับหน่วยกิตร่วมกัน และมีโอกาสฝึกปฏิบัติทักษะอาชีพ ซึ่งจะทำให้เด็กได้รู้จักตัวตนมองเห็นเส้นทางชีวิตในอนาคตว่าอยากทำงานอะไร
“ต้องย้ำว่าโรงเรียนอาชีพไม่ใช่การจัดอาชีวศึกษา แต่เป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ซึ่งปัจจุบันต้องถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะลดอัตราการออกกลางคันได้มาก และเด็กจากโรงเรียนอาชีพที่เข้ามหาวิทยาลัยสามารถเรียนจบปริญญาตรีภายใน 4 ปี ได้ถึงร้อยละ 52 เปรียบเทียบกับเด็กที่จบสายสามัญตามปกติจะเรียนจบ ป.ตรี ภายใน 4 ปี ได้เพียงร้อยละ 32 เท่านั้น” นายทอม กล่าว
ด้าน ดร.เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ที่ปรึกษา สสค. กล่าวว่า เด็กที่ออกกลางคันส่วนใหญ่เพราะความยากจน จึงถึงเวลาต้องปรับการสอนระดับมัธยมให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งความจริงแล้วกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เคยทำอยู่ระยะหนึ่ง แต่อยู่ดี ๆ ก็หายไป ซึ่งการนำแนวคิดโรงเรียนอาชีพมาปรับใช้อาจเริ่มโดยนำร่องในโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อน แล้วจึงขยายผลต่อไป.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33366&Key=hotnews