12 มิถุนายน 2556
นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวด “สุดยอด กศน.” ทั่วทุกภูมิภาค พบข้อสังเกตหนึ่งคือเด็ก กศน.ขณะนี้เป็นกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่ามีเด็กประชากรวัยเรียน ที่ควรอยู่ในการศึกษาภาคบังคับและเรียนในระบบโรงเรียนหลุดออกจากระบบจำนวนมาก และจากการสอบถาม นายประเสริฐ บุญเรืองเลขาธิการ กศน. พบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีนักศึกษา กศน. เพิ่มขึ้น 200,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของ กศน.ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าในแต่ละปีมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาจำนวนมาก โดยกศน.รองรับได้เพียง 200,000 คน ส่วนที่ไม่ได้เรียนกับ กศน.หายไปอีกมีจำนวนมากแต่จะเป็นจำนวนเท่าไรต้องนำตัวเลขมาเปรียบเทียบระหว่างผู้เรียนจบชั้น ม.3 ในระบบโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับเด็กที่เรียนต่อด้านอาชีวศึกษา และที่เรียนกับกศน.มีจำนวนเท่าไร รวมทั้งผู้เรียนจบจากสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะทำให้รู้ว่ามีเด็กที่หายไปจำนวนเท่าไร ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าไม่น้อยกว่า1 ล้านคน
“เด็กที่หายไปจากระบบการศึกษาดังกล่าว เราไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหน แต่ผมถือว่าเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง หรือเป็นเด็กลุ่มล่องลอย ไม่รู้อยู่ที่ไหนในสังคม และเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ เพราะเด็กหายไป 1 ล้านคน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เป็นตัวเลขที่รัฐบาลต้องตื่นตัว” นายสมพงษ์กล่าวและว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้เด็กหลุดจากระบบ เพราะโรงเรียนไม่สามารถดูแลเด็กได้ทุกกลุ่ม ทั้งที่มีกฎหมายรองรับ แต่การศึกษาของไทยมีผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งคือกลุ่มคนที่เรียนต่อมหาวิทยาลัย ซึ่งในเบื้องต้นนี้ เห็นว่า กศน.ต้องปรับตัวทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น โดยเข้าไปค้นหาเด็กกลุ่มที่หายจากระบบกลับเข้าเรียนกับ กศน.
ด้านนายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. กล่าวว่า ตามข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เด็กที่เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องเรียนอยู่ในระบบ แต่เด็กบางคนอาจมีปัญหาด้านความประพฤติ ท้องก่อนวัยเรียน จนไม่สามารถเรียนอยู่ในระบบต่อไปได้ ทำให้ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ซึ่ง กศน.จะสามารถรับเด็กกลุ่มนี้เข้าเรียนได้ แต่ต้องให้เขตพื้นที่การศึกษาทำหนังสือส่งตัวมาให้ ซึ่งแต่ละปีมีตัวเลขเด็กที่มีปัญหาดังกล่าวค่อนข้างสูงเช่น จังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมามีเด็กหลุดจากระบบการศึกษา จังหวัดละเป็นหมื่นคน
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32995&Key=hotnews