5 สิงหาคม 2556
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทะยานขึ้นต่อเนื่องมาถึงระดับ 9 แสนล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะการค้าบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่าถึง 6.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2555 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ความต้องการสินค้าไทยที่เดิมก็มากอยู่แล้ว กลับยิ่งมากขึ้นอีก
นายศิระพจต์ จริยาวุฒิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน (วชช.) สระแก้ว กล่าวว่า การเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของ วชช.สระแก้ว จึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการส่งเสริมความพร้อมด้านภาษาและวัฒนธรรม แต่ยังมองเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เนื่องจากศักยภาพของพื้นที่ในการเป็นศูนย์กลาง หรือฮับภาคอีสานตอนล่าง ทำหน้าที่รับสินค้าจากจังหวัดต่าง ๆ เพื่อกระจายต่อไปยังตลาดการค้าเพื่อนบ้านรอบประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดกัมพูชาและตลาดเวียดนามรวมถึงส่งต่อออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออก นอกจากนี้สระแก้วยังมีจุดเชื่อมต่อเส้นทางไปกระจายสินค้าผ่านท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และขณะเดียวกันภายในจังหวัดสระแก้วก็มีการพัฒนาช่องทางกระจายสินค้าให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งหมดเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ วชช.สระแก้ว ริเริ่มเปิดหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และการค้าชายแดน ในปีการศึกษา 1/2556
“จุดเด่นของหลักสูตรนี้คือการเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากร และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งปฏิบัติงานจริงเกี่ยวข้องกับการค้าชายแดนมาเป็นผู้สอนซึ่งจะเป็นผู้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จะทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้สภาพจริงที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นรูปแบบการค้าที่ค่อนข้างเฉพาะทางและต่างจากการทำการค้าระหว่างประเทศทั่วไป”
นายพิชยา เจริญสันต์ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ด่านศุลกากรอรัญประเทศ กล่าวว่า นอกจากตนจะสอนให้นักศึกษารู้จักองค์ประกอบพื้นฐานในการทำการค้าระหว่างประเทศ สนธิสัญญาการค้าระหว่างชายแดน การวิเคราะห์จุดเด่นและจุดด้อยของสินค้าไทยและประเทศคู่ค้าแล้ว สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือการให้นักศึกษาลงพื้นที่เพื่อศึกษาสภาพความเป็นอยู่และการทำมาหากินของผู้คนบริเวณแนวชายแดน โดยตนยังได้สอนเทคนิคการติดต่อการค้ากับชาวกัมพูชา รวมถึงบอกเล่ารูปแบบและวิธีการต่าง ๆ ในการขนส่งสินค้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากบ้านเรา และมีข้อจำกัดหลายอย่าง ดังนั้นการเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้ไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์มาก เรียกได้ว่าตนเอาของจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดสอนให้แก่นักศึกษา
นายอานนท์ เคนพันค้อ หรือ อ้น อายุ 30 ปี นัก ศึกษา วชช.สระแก้ว บอกว่า ตนรู้สึกประทับใจการเรียนแบบปฏิบัติจริง ได้ลงพื้นที่จริง และที่สำคัญเรียนจากผู้ปฏิบัติงานตัวจริงเสียงจริง โดยเป้าหมายการเรียนของตนเพื่อพัฒนาธุรกิจค้าขายที่นอนของครอบครัว แม้จะไม่ใช่การทำธุรกิจส่งออกไปแนวชายแดน แต่จากการเรียนทำให้รู้ว่าหลังจากมีการเปิดประชาคมอาเซียน ก็จะมีช่องทางธุรกิจที่เปิดกว้างมากขึ้น อาทิ โรงแรมอพาร์ตเมนต์ ที่พักต่าง ๆ ซึ่งจะเปิดตัวมากขึ้น นั่นเป็นช่องทางการตลาดของตนได้
สำหรับหลักสูตรดังกล่าวสามารถเลือกเรียนในลักษณะการฝึกอบรมเป็นรายวิชาหรือโมดูล และเรียนจนจบอนุปริญญา โดยปัจจุบันมีนักศึกษาในหลักสูตรประมาณ 20 คน แม้จะยังไม่มากเพราะหลักสูตรยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่สิ่งที่แน่นอนคือประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้นั้นคุ้มค่ามากจริง ๆ.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33583&Key=hotnews