4 กันยายน 2556
การออกกลางคัน ถือเป็นปัญหาสำคัญต่อการจัดการศึกษาของประเทศที่ต้องเร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
เนื่องจากปัญหาการออกกลางคัน ของผู้เรียนทำให้เกิดความสูญเปล่าของงบประมาณในการจัดการศึกษา ถึงแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะมีหน้าที่เกี่ยวข้องและทุ่มเทที่จะแก้ปัญหาการออกกลางคันของเด็กแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันปัญหาการออกกลางคันของนักเรียนยังไม่หมดไป
จากข้อมูลการสำรวจและติดตาม การออกกลางคันของผู้เรียนช่วงปีการศึกษา 2552–2554 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พบว่า ภาพรวมของผู้เรียนการออกกลางคัน จำนวน 64,773 คน คิดเป็นร้อยละ 27.52
ซึ่งที่วิทยาลัยการอาชีพสอง จ.แพร่ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการคิดค้นระบบติดตามดูแลนักเรียน นักศึกษาขึ้น โดยเน้นการมี ส่วนร่วมของผู้บริหาร ครู ผู้เรียน และผู้ปกครอง ในการแจ้งข้อมูลการขาดเรียนที่เป็นปัจจุบัน ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านโปรแกรม Web-Based ซึ่งสามารถใช้งานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน
อ.วุฒิชัย คำมีสว่าง อาจารย์ประจำวิชาคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยการอาชีพสอง จ.แพร่ อธิบายว่า ระบบติดตามดูแลผู้เรียน เป็นโปรแกรม Web-Based ที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ที่มีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถส่งเอสเอ็มเอส ของผู้เรียนที่ขาดกิจกรรมหน้าเสาธง และขาดเรียนโดยอัตโนมัติไปยังผู้ปกครองได้ทันทีหลังบันทึกข้อมูล
ใช้สำหรับติดตามดูแลผู้เรียน โดยเช็กข้อมูลนักเรียนรายบุคคลว่า เด็กคนไหนเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียน และส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครอง
ที่ผ่านมามีการเช็กชื่อนักเรียนผ่านกระดาษ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นระบบการแจ้งเตือนผ่านเทคโนโลยี ทำให้สามารถเช็กข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที
ผู้ปกครองสามารถทราบทันทีว่า บุตรหลานออกจากบ้านมาแล้ว ไปโรงเรียนหรือไม่ ขณะเดียวกันยังสามารถตรวจสอบนักเรียนที่เข้าเรียนในวิชาต่าง ๆ ได้ด้วย หากไม่พบระบบจะทำการส่งข้อความแจ้งเตือนถึงผู้ปกครองทันทีเช่นกัน
ทั้งนี้โปรแกรมดังกล่าวจะทำให้ผู้ปกครองได้ทราบถึงพฤติกรรมบุตรหลานของตนเอง และช่วยลดปัญหาเด็กไม่ยอม เข้าเรียนหนังสือได้
ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งโปรแกรมระบบติดตามนักเรียนจึงถือเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยดูแลและตรวจสอบพฤติกรรมของนักเรียนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว.
อุทิตา รัตนภักดี ที่มา: http://www.dailynews.co.th
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33981&Key=hotnews