Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

สสวท.ชวนนักเรียน ม.3 ทั่วไทยสมัครรับทุน พสวท. เข้าเรียนใน 10 ศูนย์รวม 100 ทุนผลักดันเป็นนักวิทย์

8 สิงหาคม 2556

ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งว่า สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งมีพันธกิจหลักในการพัฒนา และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี มีความประสงค์เปิดรับสมัครนักเรียนที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2556 เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนทุนพัฒนา และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนศูนย์ พสวท. ทั้ง 10 แห่ง ประจำปีการศึกษา 2557 จำนวน 100 คน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม-30 กันยายน 2556 ติดต่อสอบถามข้อมูล และขอรับใบสมัครได้ที่โรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ทั้ง 42 เขตพื้นที่หรือ สสวท. โทรศัพท์ 0-2335-5222 เว็บไซต์ www.dpstcenter.org

ทั้งนี้ ศูนย์ พสวท. ระดับมัธยมศึกษา ประกอบด้วย

1.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพฯ (รับ 6 คน)

2.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรุงเทพฯ (รับ 6 คน)

3.โรงเรียนศรีบุณยานนท์ จังหวัดนนทบุรี (รับ 6 คน)

4.โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม (รับ 6 คน)

5.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ (รับ 12 คน)

6.โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก (รับ 12 คน)

7.โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น (รับ 14 คน)

8.โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา (รับ 14 คน)

9.โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จังหวัดสงขลา (รับ 12 คน)

10.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช (รับ 12 คน)

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33625&Key=hotnews

เชฟรอนจับมือสถาบันคีนันสานฝันเด็กใต้สู่นักวิทยาศาสตร์

8 สิงหาคม 2556

“สังคมไทยกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมในทุกระดับฝีมืออย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักส่วนหนึ่งคือเยาวชนไทยขาดแรงจูงใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ ผนวกกับรูปแบบการจัดการศึกษาในอดีตที่เน้นการท่องจำ ไม่สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่ดีให้กับผู้เรียนได้และไม่สามารถพัฒนาทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ หลายภาคส่วนต่างตระหนักเป็นอันดีว่าประเทศไทยต้องอาศัยการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปกระบวนการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน การใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ ในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จึงถือเป็นการสร้างพื้นฐานสำคัญของเยาวชนไทยอันจะนำมาสู่การยกระดับคุณภาพของทรัพยากรบุคคลเพื่อจะได้นำพาประเทศไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” คุณเกศรา อมรวุฒิ ผู้จัดการโปรแกรมนวัตกรรมทางการศึกษา สถาบันคีนันแห่งเอเชีย กล่าว

ดังนั้น บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด จึงร่วมกับสถาบันคีนันแห่งเอเชีย เดินหน้าส่งเสริมทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กนักเรียนในภาคใต้ โดยจัดอบรมพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ในด้านการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผ่าน “กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้” หรือ Chevron-INCREASE ภายใต้โครงการ “The Power of Human Energy : รวมพลังคน สร้างพลังใจ”

หลังจากได้เปิดตัวโครงการ เชฟรอนและสถาบันคีนัน ได้ดำเนินหลากหลายกิจกรรมเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ หรือ Chevron-INCREASE อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การจัดอบรมครูผู้สอนวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติการ โดยมีครูอาจารย์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในขั้นต้น จำนวน 99 คน จากโรงเรียนเป้าหมาย 44 โรงเรียน ทั้งจาก จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำคู่มือสำเร็จรูปของหลักสูตร และรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ที่ครูวิทยาศาสตร์สามารถนำมาประยุกต์ได้จริงเพื่อใช้ในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และโรงเรียนแห่งแรกที่ได้ทำการพิสูจน์จากการอบรมในโครงการ Chevron – INCREASE คือ โรงเรียนสงขลาวิทยาคม โดยมีคุณครูจริญญา มณีนิล เป็นอาจารย์ที่ได้รับการอบรมมาแล้ว พบว่าในชั้นเรียนขณะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงการสอน โดยมีการสอนแบบมีกระบวนการ หรือเรียกว่า “Group of four” ที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อเป็นการทำให้นักเรียนมีความเข้าใจว่า ในแต่ละการทดลองหรือทำงานนั้นๆ ควรมีกระบวนการตามขั้นตอน อีกทั้งยังให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพียงแต่คนใดคนหนึ่งต้องทำหน้าที่นั้นตลอดไป

คุณครูจริญญา กล่าวว่า เมื่อเข้าร่วม Inquiry-based แล้วทำให้ครูสามารถปรับเปลี่ยนและเพิ่มเทคนิคในการสอนได้อย่างมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้สงสัยและกล้าถาม-ตอบได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อได้มีกระบวนการ “Group of four” แล้ว ทำให้กิจกรรมการเรียนในห้องเริ่มสนุกมากขึ้น เด็กๆ อยากที่จะเข้าเรียนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

จากการได้พูดคุยกับน้องเกว เด็กหญิงณพลักษณา ธรรมการ ทราบถึงว่า คุณครูมีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนไป แบบว่าสนุกกว่าเดิม เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม และยังทำให้น้องอยากจะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวัน

น้องเกวบอกว่า “ตั้งแต่ที่คุณครูมีการเปลี่ยนการสอนใหม่ทำให้หนูเข้าใจการเรียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้หนูมีการคิดแบบกระบวนการด้วย ผลการเรียนของหนูมีคะแนนเยอะขึ้น และทำให้หนูอยากเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทุกวันเลยค่ะ”

คุณทวนชัย กองพิธี ผู้จัดการศูนย์ฝึกอบรมเศรษฐพัฒน์ บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า จากการที่เชฟรอน ประเทศไทย เองได้ดำเนินงานใน จ.สงขลา
และ จ.นครศรีธรรมราช โดยทำงานร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิดมาตลอด เราเล็งเห็นว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่เยาวชนในพื้นที่เองยังให้ความสนใจกันน้อย และการเรียนการสอนที่ผ่านมายังไม่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะและกระบวนการคิด วิเคราะห์ จึงได้ ร่วมกันดำเนินโครงการ Chevron-INCREASE ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 2 ปี โดยตั้งเป้าที่จะ ช่วยพัฒนาศักยภาพให้กับครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น อย่างน้อย 135 คนจาก 45 โรงเรียน ซึ่งในปัจจุบันหลังจากเริ่มโครงการได้เพียงไม่กี่เดือน มีคุณครูที่เข้าร่วมโครงการแล้วจาก 43 โรงเรียน

โครงการ “The Power of Human Energy : รวมพลังคน สร้างพลังใจ” เป็นโครงการซีเอสอาร์ที่มุ่งเน้นการสร้างศักยภาพชุมชนผ่านการศึกษา ภายใต้การทำงานร่วมกับองค์กรด้านการพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญต่างๆ ได้แก่ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย องค์การ แพธ ประเทศไทย และองค์การแพ็ค ประเทศไทย เพื่อพัฒนาพลังงาน คนใน 3 ด้านหลัก ทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ การให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อ สื่อสารกับลูกหลานวัยรุ่นอย่างสร้างสรรค์ สร้างกิจกรรมที่สามารถบอกเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ได้อย่างกว้างมากขึ้น และการเสริมทักษะความเป็นผู้นำและการสร้างอาชีพให้แก่เยาวชนกลุ่มเปราะบาง

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33627&Key=hotnews

 

สช.ปรับแนวทางพัฒนาผู้พิการ

7 สิงหาคม 2556

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. ถึงแผนและแนวทางการเพิ่มคุณภาพการศึกษาพิเศษในร.ร.เอกชน ที่จัดการศึกษาแบบเรียนร่วม เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนพิการในร.ร.เอกชน สช.จึงมีแผนในการพัฒนาการศึกษาพิเศษเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ขอปรับอัตราเงินอุดหนุนการจัดการศึกษาคนพิการทุกประเภทให้เป็นไปตามอัตราที่ ภาครัฐได้รับ เช่น ค่าตอบแทนครูที่สอนนักเรียนพิการจาก 2,000 บาท เป็น 2,500 บาท และกลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มจากกลุ่มครู ได้แก่ ผอ.สถานศึกษา ครูเสริมวิชาการ ซึ่งต้องปฏิบัติงานสอนคนพิการด้วย ตามระเบียบ ก.ค.ศ.

สำหรับแผนระยะยาว สช.จะกำหนดยุทธศาสตร์การศึกษาพิเศษ ในแผนพัฒนาการศึกษาเอกชน โดยจัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์คุณภาพเฉพาะการศึกษาพิเศษ ซึ่งจะกำหนดการสนับสนุนมาตรฐานเรื่องต่างๆ แผนงานและโครงการรองรับในแต่ละยุทธศาสตร์ ซึ่งครูเอกชน ต้องดูแลนักเรียนมากกว่าปกติ 5 เท่า จึงต้องมีการปรับหลักเกณฑ์การคิดคำนวณครูต่อนักเรียนพิการใหม่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังให้สช.สร้างครูเพื่อมาดูแลนักเรียนพิการ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้พัฒนาการศึกษาของนักเรียนพิการด้วย” เลขาธิการ กช.กล่าว

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33617&Key=hotnews

รับมือครูแห่เกษียณ-คนแก่พุ่ง-เด็กลด

7 สิงหาคม 2556

นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ให้สำนักงาน ก.ค.ศ.วางแผนรองรับกรณีที่จะมีข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา เกษียณอายุราชการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแนวโน้มที่อัตราการเกิดของเด็กไทยจะลดลง นั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังรวบรวมข้อมูลข้าราชการครูฯ ที่จะเกษียณฯ ในช่วง 10 ปีนี้ เพื่อเสนอต่อนายจาตุรนต์ ในการประชุม ก.ค.ศ. วันที่ 15 สิงหาคมนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะมีส่วนในการวางแผน หรือ กำหนดนโยบายในการผลิตครู เพื่อรองรับครูที่จะเกษียณฯ ด้วย ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 จะเป็นปีสุดท้ายที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะได้คืนอัตราเกษียณฯครบ 100% และ ในปีงบฯ 2557 เป็นต้นไป จะได้อัตราเกษียณฯ คืนเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งการจะเสนอขอคืนอัตราเกษียณฯ 100% จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ และต้องเสนอขอในภาพรวมของกระทรวง

เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อมูลเบื้องต้น มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะครบเกษียณอายุฯ ในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2556-2561 จำนวน 104,108 คน แยกเป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 99,890 คน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 3,320 คน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 205 คน สำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน (วชช.) 17 คน สถาบันการพลศึกษา 236 คน สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 129 คน ส่วนที่เหลือเป็นของหน่วยงานอื่น ๆ ใน ศธ.

นางรัตนา กล่าวด้วยว่า เมื่อจำแนกตามสาขาวิชาเอกพบว่า ภาษาไทย เกษียณอายุราชการจำนวน 7,478 คน คณิตศาสตร์ 3,199 คน วิทยาศาสตร์ 8,673 คน สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 25,239 คน สุขศึกษาและพลศึกษา 5,947 คน ศิลปะ 4,527 คน การงานอาชีพและเทคโนโลยี 6,017 คน ภาษาต่างประเทศ 3,808 คน และอื่น ๆ เช่น ดนตรี นาฏศิลป์ เกษตร 39,227 คน ทั้งนี้ ในการวางแผนรองรับนอกจากจะ

ดูข้อมูลผู้ที่จะเกษียณอายุฯแล้วจะต้องดูในประเด็นอื่น ๆ ตามนโยบายที่รมว.ศึกษาธิการ มอบมาอีก 2 ประเด็น คือ ประชากรสูงอายุของไทยที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และจำนวนประชากรในวัยเรียนที่ลดลงด้วย.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33616&Key=hotnews

‘จาตุรนต์’ กู้วิกฤติภาษาไทยเล็งเพิ่มน้ำหนักสอบเข้า ม.1

7 สิงหาคม 2556 ศึกษาธิการ “จาตุรนต์” ห่วงปัญหาเด็กจำนวนมากอ่านไทยไม่ออก เขียนไม่คล่อง เล็งปรับเกณฑ์รับ ม.1 อาจต้องเน้นให้น้ำหนักความสำคัญวิชาภาษาไทยไม่น้อยกว่าภาษาอังกฤษ ชี้หากภาษาแม่ยังอ่อนยวบ ก็เรียนเชื่อมโยงวิชาอื่นไม่ได้ ผอ.รร.ดังแฉ แม้แต่เด็ก ม.1 อ่านไม่คล่อง ไม่ชอบเขียนบทความยาวๆ ชอบแต่ภาษาสแลงหรือศัพท์วัยรุ่นสั้นๆ ทำให้ภาษาไทยผิดเพี้ยน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า จากการเชิญผู้บริหารโรงเรียนและครูจากโรงเรียนต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจและน่าตกใจคือ เด็กไทยจำนวนมากอ่านภาษาไทยไม่ออก ฉะนั้น ศธ.จะต้องนำเรื่องนี้มาแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะหากเด็กอ่านภาษาไทยไม่ได้ก็ไม่มีทางที่จะเรียนวิชาอื่นได้เลย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมาวิเคราะห์ร่วมกันว่าจะต้องมีการปฏิรูปการศึกษา ทั้งหลักสูตรการเรียนการสอน การทดสอบ การวัดผลประเมินผล และพัฒนาครูอย่างไรให้เชื่อมโยงกันทั้งระบบ โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยที่จะต้องเชื่อมโยงไปยังวิชาอื่น

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ในเร็วๆ นี้จะเชิญสำนัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มาหารือในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย โดยจะหยิบยกเรื่องนโยบายและแนวทางการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 สังกัด สพฐ. ประจำปีการศึกษา 2557 มาหารือด้วย ซึ่งจะต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าในการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อจะต้องผ่านการทดสอบวิชาใดบ้าง รวมทั้งจะต้องดูด้วยว่าควรจะให้ความสำคัญกับวิชาใดบ้าง โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาทั้งคู่

นายชลอ เขียวฉลัว ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้เด็กไทยมีปัญหาเรื่องการอ่านออก เขียนได้ ซึ่งในส่วนของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเองก็พบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะเด็กชั้น ม.1 ที่เข้ามาเรียน แต่ก็ยังอ่านไม่คล่อง เขียนไม่คล่องเท่าที่ควร ทำให้เด็กกลุ่มนี้เรียนรู้ได้ช้า ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข เพราะภาษาไทยถือเป็นภาษาหลักที่เราต้องใช้ในการเรียนรู้ในทุกรายวิชา

ที่สำคัญยังพบด้วยว่า เด็กสมัยนี้จะไม่ชอบอ่านและไม่ชอบเขียนบทความยาวๆ แต่ชอบอ่านอะไรที่ฉาบฉวย ใช้ภาษาสแลงหรือศัพท์วัยรุ่นสั้นๆ ทำให้ภาษามีการผิดเพี้ยนไป ไม่ถูกต้อง รวมถึงทำให้เอกลักษณ์ของภาษาไทยหายไป ดังนั้นจึงคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะหันมาช่วยกันแก้ไขเรื่องดังกล่าว เพื่อคงเอกลักษณ์และรักษาภาษาไทยเอาไว้” นายชลอกล่าว

น.ส.นิจสุดา อภินันทาภรณ์ หัวหน้าสถาบันภาษาไทย สำนักวิชาการ สพฐ. กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ปัญหาเรื่องนักเรียนระดับประถมศึกษามีปัญหาอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้อยู่บ้าง แต่ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน อาทิ เด็กที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ อาจจะเป็นนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ติดชายแดน เด็กพิเศษ หรือเป็นเด็กชาวเขาเผ่าต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สพฐ.มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ โดยประสานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ให้เน้นส่งเสริมให้นักเรียนและครูเห็นความสำคัญของการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะครูภาษาไทย หรือนักศึกษาที่กำลังเรียนเอกภาษาไทยอยู่ขณะนี้ อยากให้มีความภาคภูมิใจ เพราะต่อไปประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน และเท่าที่ดูประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะเข้ามาทำงานในประเทศไทย ดังนั้นเราในฐานะเจ้าของภาษาจึงควรมีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชายแดน ที่เป็นจุดเชื่อมโยงทางด้านการค้า แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านที่สำคัญด้วย.

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33615&Key=hotnews

ทักษะอื่น ๆ ของคนไทย ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน
ทักษะอื่น ๆ ของคนไทย ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน

อาชีวะติดต่อสถานประกอบการหวังให้รับแรงงานพิการเข้าทำงาน ชี้ไม่ได้บีบแต่ กม.แรงงานกำหนด

6 สิงหาคม 2556

พิมพ์ไทยออนไลน์ // สอศ.เสนอเป็นตัวกลางประสานสถานประกอบการรายใหญ่รับผู้พิการเข้าทำงาน”ชัยพฤกษ์” ชี้ไม่ใช่การบีบแต่ในกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ชัดเจน บ.ที่มีพนักงาน 100 คนขึ้นไปต้องรับผู้พิการทำงานในสัดส่วน 100:1 เผย รมว.ศึกษามอบการบ้านองค์กรหลักทำแผนพัฒนาการศึกษาพิเศษให้ได้ประโยชน์สูงสุด

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยภายหลังประชุม “หารือกำหนดนโยบาย การจัดการศึกษาพิเศษ” ที่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสงรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ารมว.ศึกษาธิการ ได้เรียกองค์กรหลักทั้ง 5 แท่งมาหารือเพื่อกำหนดรายละเอียดการจัดการศึกษาพิเศษ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยประเด็นใหญ่ๆ ที่ รมว.ศธ.มอบการบ้านให้ทุกองค์กรหลักกลับไปหาแนวทาง คือ

1.ทำอย่างไรถึงจะผลิตครูสายการศึกษาพิเศษให้มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน และเพียงพอต่อความต้องการที่แท้จริง

2.ทำอย่างไรถึงจะให้ผู้พิการมีอาชีพที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอิสระ หรือการทำงานในสถานประกอบการเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และ

3.ทำอย่างไรให้ผู้พิการวัยเรียนทั่วประเทศที่มีอยู่เกือบ 1 ล้านคน แต่เข้ารับการศึกษาแค่ 340,000 คนโดยเรียนอยู่ในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ได้มีโอกาสได้เรียนมากขึ้น และ4.ทำอย่างไรให้ผู้พิการที่ไม่ได้อยู่ในวัยเรียน ได้รับการส่งเสริมให้ประกอบอาชีพได้

เบื้องต้น ในเรื่องของอาชีพนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า จะประสานกับสถานประกอบการรายใหญ่ที่มีพนักงานเกิน 100 คน เพื่อส่งเสริมให้รับผู้พิการเข้าไปทำงาน ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่การบีบสถานประกอบการ เพราะกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่าสถานประกอบการที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องพนักงานที่เป็นผู้พิการเข้าทำงานในอัตราส่วน 100:1 หากไม่มีต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นรายปี โดยคำนวณจากอัตราต่ำสุดของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำคูณด้วย 365 และคูณด้วยจำนวนคนพิการที่ไม่ได้รับเข้าทำงานทั้งหมดในประเทศในปัจจุบัน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ส่วนผู้พิการที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการเอง สอศ.จะส่งเสริมให้เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะที่เป็นแกนหลัก จะจัดประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าอีกครั้งในวันที่ 19 ส.ค.นี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33598&Key=hotnews

ปี’60 ต้องการ 7 แสนคน อาชีวะขาดแคลนหนักสุด

6 สิงหาคม 2556

โพสต์ทูเดย์ ส.อ.ท.วางแผนผลิตกำลังคนอีก 5 ปี ต้องการแรงงาน 14 กลุ่มอีก6.8 แสนคน
ผลการหารือระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนสายอาชีวศึกษาให้สอดคล้องความต้องการของประเทศใน 5 ปีข้างหน้า ทาง ส.อ.ท.ระบุมีความต้องการแรงงานใน 14 กลุ่มอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่มพลาสติกเครื่องนุ่งห่มกลุ่มสิ่งทอ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรกลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเครื่องปรับอากาศกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง กลุ่มเครื่องจักรกลและโลหะการ กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับกลุ่มการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ กลุ่มเซรามิกและกลุ่มเฟอร์นิเจอร์

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้แรงงานใน 14 กลุ่ม มีทั้งสิ้น 3.4 ล้านคน แต่ใน 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2560 ความต้องการแรงงานจะเพิ่มขึ้นถึง 6.8 แสนคน ในจำนวนนี้ต้องการแรงงานที่จบไม่เกิน ม.6 จำนวน 3.9 แสนคน รองลงมาระดับ ปวช. ปวส. 2 แสนคน และปริญญาตรีขึ้นไป จำนวน 8.6 หมื่นคน
นอกจากนี้ เมื่อแยกรายสาขาระดับอาชีวศึกษา สาขาที่ต้องการมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ช่างกลโรงงาน 50% ช่างเชื่อม20% สาขาไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์แมคคาทรอนิกส์ และแม่พิมพ์ 10% ระดับอุดมศึกษา 5 อันดับแรก คือ วิศวกร 70%การตลาด ทรัพยากรมนุษย์ และคอมพิวเตอร์ 20% บัญชี การเงิน ประชาสัมพันธ์ กฎหมายและธุรการ 10%

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33599&Key=hotnews

สพฐ.พอใจ ‘ร.ร.อุปถัมภ์’

6 สิงหาคม 2556

นายอนุศักดิ์ อายุวัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สพก.จชต.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ. เปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบและการใช้ความรุนแรง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามาศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างโอกาสให้นักเรียนได้เข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ผลปรากฏว่านักเรียนเหล่านั้น สามารถเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาได้ทุกคน

นายอนุศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการโรงเรียนอุปถัมภ์ (ครอบครัวอุปถัมภ์) เพื่อให้นักเรียนชั้น ม.4-6 มาเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ และโรงเรียนดังประจำจังหวัด ในปีการศึกษา 2556 นี้ มีนักเรียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 300 คน มาเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ 16 โรงเรียนนั้น พบว่า นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น สามารถปรับตัวและดำเนินชีวิตประจำวันให้เข้ากับสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดความพร้อมและมีศักยภาพทางวิชาการ คาดว่าจะสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ หรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33600&Key=hotnews

ศธ.โละแท็บเล็ต

6 สิงหาคม 2556

โพสต์ทูเดย์ จาตุรนต์ สั่งประมูลแท็บเล็ตโซน 3 ใหม่ เหตุไม่โปร่งใสแข่งขันไม่เป็นธรรม
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ตมีมติให้ยกเลิกการประมูลแท็บเล็ต ม.1 และ ม.4 ในโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) และต้องจัดประมูลใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีความเห็นว่า การประมูลของโซน 3 ที่ผ่านมาอาจแข่งขันไม่เป็นธรรม

“การประมูลของโซน 3 เคาะราคาเพียง 2 ครั้งก็ยุติ แต่ในโซน 4 กลับมีการเคาะราคากว่า 10 ครั้งถึงจะได้ข้อยุติ และราคาลดจากราคากลาง 300 ล้านบาทมา ขณะที่โซน 3 ลดราคาประมูลลงมาแค่ 5 ล้านบาทเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะซื้อราคาแพง”นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ขอให้สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทบทวนใหม่ อีกทั้งตามกฎหมายก็ระบุว่า เมื่อเห็นว่าการประมูลไม่เป็นประโยชน์กับทางราชการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) สามารถสั่งยกเลิกการประมูลแท็บเล็ตโซน 3 ได้ และมีเหตุผลเพียงพอ
ด้านนายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุลกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทที่ชนะประมูลในโซน กล่าวว่า หากมีการยกเลิก ก็จะไม่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองในทุกกรณี และจะไม่เข้าร่วมประมูลอีกแล้ว จะขอยุติบทบาทการประมูลไว้เพียงเท่านี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33601&Key=hotnews

พบแต้มสอบครูผู้ช่วยผิดปกติเพิ่ม 5 วิชาเอก

6 สิงหาคม 2556

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เสนอผลการวิเคราะห์คะแนนของผู้เข้าสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 ที่ผ่านมา ใน 5 วิชาเอก อาทิ วิชาเอกทั่วไป ประถมศึกษา ปฐมวัย ผลการวิเคราะห์ที่ออกพบคะแนนที่สูงผิดปกติ และน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกับผู้ที่มีรายชื่ออยู่ใน 344 ราย ตามข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พบว่ามีคะแนนสูงผิดปกติ และน่าจะมีกลุ่มของผู้ที่คะแนนสูงผิดปกติ แต่ไม่มีรายชื่ออยู่ตามข้อมูลของดีเอสไอเพิ่มมาด้วย ข้อมูลทั้งหมดนี้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาวิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ก.ค.ศ.จะนำไปพิจารณาต่อ
“ส่วนการขอเปิดสอบเพิ่มเติมครูผู้ช่วยกรณีทั่วไปประจำปี 2556 สพฐ.ไม่ได้เสนอให้เปิดสอบเพิ่ม เพราะมีเพียง 3 สาขาวิชาเอกที่มีผู้สอบบรรจุไม่ได้ และดูแล้วอาจไม่จำเป็นต้องเปิดสอบ” นายชินภัทรกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33602&Key=hotnews