“ชินภัทร” แจงยังไม่ยกเลิกผลประกวดราคาแท็บเล็ตโซน 3

14 สิงหาคม 2556

“ชินภัทร” แจงยังไม่ยกเลิกผลประกวดราคาแท็บเล็ตโซน 3 อย่างเป็นทางการ เหตุการยกเลิกประกาศจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน และไปเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง

วานนี้(13ส.ค.) ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน ซึ่งมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน มีมติให้ยกเลิกผลการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างคอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ต ของโซน 3 สำหรับนักเรียนชั้น ม.1 ภาคกลางและภาคใต้ ประจำปีการศึกษา 2556 และให้จัดการประมูลใหม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศยกเลิกผลการประกวดราคาโซน 3 อย่างเป็นทางการ เนื่องจากการยกเลิกจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน และเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเวลานี้อยู่ระหว่างการดำเนินการให้ถูกขั้นตอน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะพยายามดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด แต่ต้องมีความเรียบร้อยด้วย

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพก หรือแท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน กล่าวว่า การจะประกาศยกเลิกเรื่องใดๆ ก็ตามจะต้องมีเหตุผลและหลักฐานที่เพียงพอ ดังนั้นการยกเลิกผลการประกวดราคาโซน 3 จึงต้องมีเครื่องมือ 3 ส่วนที่จะนำไปสู่การประกาศยกเลิกได้ ประกอบด้วย มติที่ประชุม และเหตุผลของคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ มติที่ประชุม และเหตุผลของคณะกรรมการประกวดราคา และหนังสือมอบอำนาจของ 8 หน่วยงาน อาทิ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ก่อนหน้านี้ได้มอบอำนาจให้ สพฐ.ดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อฯ ให้แทน

“ขณะนี้ สพฐ.ได้รับมติและเหตุผลของคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ และคณะกรรมการประกวดราคาฯ แล้ว แต่ยังขาดหนังสือมอบอำนาจจาก 8 หน่วยงาน จึงทำให้ไม่สามารถประกาศยกเลิกได้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สพฐ.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง 8 หน่วยงานแล้ว และรอหนังสือมอบอำนาจจาก 8 หน่วยงานอยู่ โดยได้กำหนดให้ส่งหนังสือมอบอำนาจไม่เกินวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งหากได้รับครบทั้ง 3 ส่วนแล้วก็จะสามารถประกาศยกเลิก และเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างครั้งใหม่ได้” แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารฯ กล่าวและว่า ส่วนความคืบหน้าการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ตของโซน 1,2 และ 4 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเห็นชอบจากนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งหากให้ความเห็นชอบก็จะสามารถทำสัญญาได้ทันที

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33686&Key=hotnews

สพฐ.เผยตัวเลขขาดครูกว่า 5 หมื่นคน

14 สิงหาคม 2556

สพฐ.เผยตัวเลขขาดครูกว่า 5 หมื่นคน ใน 11 สาขาวิชา โดยขาดแคลนครูภาษาต่างประเทศมากที่สุด แม้แต่ผู้บริหารสถานศึกษาก็ยังขาดอยู่เกือบพันคน
วานนี้ (13 ส.ค.) ดร.ชิภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาขาดแคลนครู โดยขยายเวลาปฏิบัติราชการครูในสาขาที่ขาดแคลนออกไปจนถึง 65 ปีว่า ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาขาดแคลนครูได้ โดยในระดับอุดมศึกษาก็เคยใช้วิธีการดังกล่าวมาแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องบุคลากรก็จะต้องไปศึกษาวิเคราะห์หลายๆ แนวทางมาใช้แก้ปัญหาประกอบกัน โดยในส่วนของสพฐ. ก็จะเป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลประกอบแนวทางการแก้ไขปัญหา

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อมูลความต้องการครูตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เฉพาะสถานศึกษาที่มีความขาดแคลนครู จากข้อมูลล่าสุด ณ ปีการศึกษา 2555 พบว่าสพฐ. มีความขาดแคลนครูในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เรียงลำดับ ได้แก่

ภาษาต่างประเทศ จำนวน 7,444 อัตรา คณิตศาสตร์ จำนวน 7,248 อัตรา ภาษาไทย จำนวน 6,324 อัตรา วิทยาศาสตร์ จำนวน 6,039 อัตรา สังคมศึกษา จำนวน 4,563 อัตรา คอมพิวเตอร์ (การงานอาชีพ) จำนวน 4,273 อัตรา ศิลปศึกษา จำนวน 4,192 อัตรา ปฐมวัย/ ประถมศึกษา จำนวน 3,496 อัตรา สุขศึกษา/พลศึกษา จำนวน 3,267 อัตรา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน 1,996 อัตรา การศึกษาพิเศษ ฯลฯ จำนวน 1,715 อัตรา รวมถึงยังขาดแคลนผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 905 อัตรา รวมอัตราขาดแคลนทั้งหมด 51,462 อัตรา

“การแก้ปัญหาขาดแคลนครูต้องมองในภาพรวม ไม่ใช่มองแต่การผลิตทดแทนเท่านั้น โดยขณะนี้ยังถือว่ามีเวลาที่จะทำการวิเคราะห์หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่หลากหลาย อาทิ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่ขาดแคลน เช่น สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สามารถเข้ามาเป็นครูผู้สอนได้โดยใช้วิธีพิเศษ เป็นต้น “ดร.ชินภัทร กล่าว

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33685&Key=hotnews

สั่งก.ค.ศ.รวบรวมข้อมูลแก้ปัญหาขาดครู

14 สิงหาคม 2556

“เสริมศักดิ์”เผย “จาตุรนต์” มอบ ก.ค.ศ.เป็นเจ้าภาพรวบรวมข้อมูและวิเคราะห์ปัญหาขาดแคลนครูให้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 13 ส.ค.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ได้หารือกับตนพร้อมด้วย ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และนางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนครู ซึ่งกำลังจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต และเนื่องจากปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับอัตราเกษียณคืน 100% รมว.ศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ ก.ค.ศ.ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)รวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลปัญหาการขาดครู เพื่อใช้ในการวางแผนบรรจุครูให้ได้ตามความต้องการที่แท้จริง ซึ่งการจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้นั้น ข้อมูลต้องมีความชัดเจน จำนวนครูที่จะจบใหม่มีสาขาวิชาเอกอะไรบ้าง ขณะที่ความต้องการครูก็ต้องชัดเจนด้วยว่าต้องการสาขาใดบ้าง และวิธีการจะจัดลงจะทำอย่างไร รวมถึงจะจัดสอบอย่างไรไม่ให้มีปัญหา ทั้งนี้จะต้องดูถึงเรื่องการย้ายครูและครูคืนถิ่นด้วย ซึ่งจะต้องดูให้เชื่อมโยงกันทั้งหมด.

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33684&Key=hotnews

แนะ นศ.พัฒนาตนเองมองไกลกว่าอาเซียนพร้อมทำงานกับต่างชาติ

13 สิงหาคม 2556

นายผ่านพบ ปลั่งประยูร ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจ กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงการเคลื่อนย้ายนิสิตนักศึกษาจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ในงานเปิดโครงการค่ายอาเซียนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า อยากให้นิสิตนักศึกษาและคนไทยทั่วไปตระหนักว่า ไทยได้ร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนมาหลายปี อาทิ การเปิดเสรีทางการค้า รวมทั้งการทำเอฟทีเอ กับประเทศอื่นนอกจากอาเซียน จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูง และเป็นการผูกมัดให้ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาตนเอง เมื่อรวมเข้าประชาคมอาเซียน การแข่งขันก็จะสูงมากขึ้น ทั้งการเคลื่อนย้ายแรงงาน ก็จะคล่องตัวมากขึ้น โดยกำหนดไว้ 7 อาชีพ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล สถาปนิก ทันตแพทย์ บัญชี การธนาคารและบริการ ซึ่งจะต้องขยายอาชีพอื่นๆ ออกไปอีก นิสิตนักศึกษาควรมองให้ไกลกว่าอาเซียน เพราะขอบเขตการลงทุนและความต้องการบุคลากร ในประเทศอาเซียน จะเป็นธุรกิจข้ามชาตินอกเหนือจาก 10 ประเทศจากอาเซียน โดยมาจากทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น บัณฑิตไทยอาจต้องเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้การส่งเสริมการศึกษาให้นิสิต นักศึกษา ต้องเริ่มจากเปิดโอกาสให้เด็กไทยได้เรียนจากประสบการณ์จริงจากการเดินทางไปต่างประเทศให้เห็นบ้านเมืองเขาด้วยตนเอง ไม่ใช่อ่านหนังสือเท่านั้น การแลกเปลี่ยนนิสิตนักศึกษามากกว่า 1 เทอม ไปในประเทศต่างๆ ประเทศละ 1 เทอม เพราะในอนาคตหากเราจะลงทุนในประเทศนั้น ต้องมีเพื่อน มีเครือข่าย และยังต้องเคยเดินทางไปประเทศนั้นๆ ก่อน

“การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี 2558 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เราต้องสร้างคนของเราให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมทำงานกับต่างชาติซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและทำงานเป็นทีมเป็น อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ พบว่า ปัญหาทรัพยากรมนุษย์ ยังเป็นปัญหาหลักสำคัญที่สุดของอาเซียน”

–คมชัดลึก ฉบับวันที่ 14 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)-

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33680&Key=hotnews

สกสค. เตรียมเดินสายรับฟังเสียงครูรวบรวมปัญหาเร่งแก้ไขสถานการณ์

13 สิงหาคม 2556

นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนสิงหาคม นี้ ตนพร้อมคณะผู้บริหาร สกสค. จากส่วนกลาง จะเดินสายไปรับฟังปัญหาและเก็บข้อมูลการทำงานเรื่องการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ในภูมิภาคต่างๆ ตามโครงการติดตามยุทธศาสตร์การบริหารงานของสกสค. โดยขณะนี้ได้มีการรับฟังปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางและ ภาคใต้แล้ว ส่วนที่เหลือจะทยอยลงไปให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ จากนั้น จะมารวบรวมปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขให้การทำงานของสกสค.สามารถเดินไปข้างหน้าได้ และเพื่อให้สามารถดูแลครูได้อย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ สำหรับพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา 5 อำเภอ ซึ่งมีสถานการณ์ความ ไม่สงบอยู่นั้น สกสค.จะถือให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีการปลดล็อกเงื่อนไขการดูแลครู โดยตนจะมอบอำนาจให้ผอ.สกสค.จังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือครูที่ประสบเหตุ เมื่อเกิดกรณีความ ไม่สงบในทันทีโดยไม่ต้องรอเสนอเรื่องตามขั้นตอนมาถึงส่วนกลาง และหากมีครูที่เป็นสมาชิก ชพค. เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ ให้ ผอ.สกสค.จังหวัด สามารถนำเงินช่วยเหลือ ค่าจัดการศพละ 2 แสนบาท ไปมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ทันทีภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้น จะได้รับเงินอีก 7 แสนบาท และเงินช่วยเหลือพิเศษอีก 5 แสนบาท ส่วนครูที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ชพค. จะได้เฉพาะเงินช่วยเหลือ พิเศษ 5 แสนบาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33672&Key=hotnews

สกอ.เตรียมปล่อยกู้กองทุนตั้งตัวได้

13 สิงหาคม 2556

สกอ.เตรียมปล่อยกู้กองทุนตั้งตัวได้ 400 กว่าราย เริ่มคัดเลือกกลางเดือนส.ค.นี้…

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการกองทุนตั้งตัวได้ว่า ตนได้รายงานความคืบหน้าให้นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ รับทราบว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ฝึกอบรมวิทยากรศูนย์บ่มเพาะ จำนวน 100 คน และจะฝึกเพิ่มอีก 100 คน ทำหน้าที่พัฒนาศักยภาพให้กับนักศึกษา เพื่อเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีความเข้มแข็งทางธุรกิจ โดยวิทยากร 1 คนจะดูแลนักศึกษา 50 คน โดย สกอ.ได้หาผู้เข้าโครงการกองทุนตั้งตัวได้แล้ว 305 ราย

รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งตัวได้ ลงพื้นที่เพื่อดูในส่วนของนักศึกษาที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่จะเข้าร่วมประมาณ 100 ราย และหลังจากที่ได้โครงการต่างๆ มาแล้วจะต้องให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งว่า จะมีโครงการใดบ้างที่จะปล่อยกู้ได้บ้าง ซึ่งจะประเมินว่าจะสามารถเดินได้ในระดับหนึ่ง ไม่ล้มกลางคัน คาดว่ากลางเดือน ส.ค.นี้จะเริ่มคัดเลือกโครงการต่างๆ ได้ และต้นเดือน ก.ย.นี้จะปล่อยให้กู้ และในรุ่นแรกน่าจะปล่อยกู้ได้ 400 กว่าราย.

ที่มา: http://www.thairath.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33670&Key=hotnews

ชง ‘จาตุรนต์’ เซ็นเลื่อนเปิดเทอม ร.ร.สพฐ. 10 มิ.ย.

13 สิงหาคม 2556

นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เสนอเรื่องการปรับปรุงระเบียบ ศธ.ว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดการศึกษา พ.ศ.2549 เพื่อแก้ไขกำหนดการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัด สพฐ.จากเดิมวันที่ 16 พฤษภาคม เป็นวันที่ 10 มิถุนายน ให้สอดคล้องกับกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น สำนักงานปลัด ศธ.ได้ปรับปรุงระเบียบดังกล่าว และเสนอนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณา และลงนามในประกาศแล้ว เมื่อลงนามจะมีผลให้สถานศึกษาสังกัด สพฐ.ทุกแห่งปรับเลื่อนเวลาเปิดเรียนเป็นวันที่ 10 มิถุนายน เริ่มภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไป

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สอศ.ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ แต่โดยหลักถ้า สพฐ.เลื่อนเวลาเปิดภาคเรียน สอศ.ต้องปรับด้วย เพราะการรับนักศึกษาของ สอศ.ต้องล้อกับการรับนักเรียนของ สพฐ.เพราะต้องรอรับเด็กที่จบชั้น ม.3 เข้าเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ขณะเดียวกันสถาบันการอาชีวศึกษาที่สอนระดับปริญญาตรี อาจต้องเลื่อนเปิดภาคเรียนให้สอดคล้องกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ คือช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน โดยน่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2558 เป็นต้นไป เพราะปีการศึกษา 2557 กำหนดเวลาเปิดภาคเรียนไปแล้ว วันที่ 10 มิถุนายน
นางจำนงค์ แจ่มจันทรวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวว่า ถ้าเป็นนโยบาย ศธ.โรงเรียนต้องปฏิบัติตาม แต่อยากให้เร่งสรุปเรื่องเงื่อนเวลาที่แน่นอนโดยเร็ว เพราะหากเลื่อนเป็นวันที่ 10 มิถุนายน เท่ากับห่างจากเดิมถึง 3 สัปดาห์ โรงเรียนต้องมีเวลาเตรียมตัว ทั้งปรับตารางเรียน และกิจกรรมต่างๆ ของนักเรียน และครู ขณะเดียวกันยังไม่แน่ใจว่า หากเลื่อนเปิดแล้ว จะต้องเลื่อนปีการศึกษาด้วยหรือไม่ เพราะเดิมปีการศึกษาจะเริ่มตั้งวันที่ 15 พฤษภาคม-31 มีนาคม หากโรงเรียนทราบแต่เนิ่นๆ จะได้ปรับกิจกรรมต่างๆ ทัน

–มติชน ฉบับวันที่ 13 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33669&Key=hotnews

 

โวยรอง ผอ.อาชีวะถูกรอนสิทธิชิง ผอ.

13 สิงหาคม 2556

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้เปิดสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีบัตรสนเท่ห์ส่งถึงรองผู้อำนวยการวิทยาลัยในสังกัด สอศ.ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องในหลายประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะมีสิทธิสอบคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัด สอศ. เริ่มตั้งแต่การประกาศรับสมัครสอบวันที่ 23 พ.ค. 2556 ลงนามโดย นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งตามประกาศได้ระบุถึงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการสรรหา กลุ่มทั่วไปที่ต้องดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง โดยข้อ 1 รองผู้อำนวยการสถานศึกษาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ขณะที่ข้อ 6 คือ ครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าทำไมรอง ผอ.จึงต้องมีเงื่อนเวลาในการดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ขณะที่ครูไม่ต้องมีเงื่อนเวลา นอกจากนี้ยังเปิดให้รองผอ.เขตพื้นที่การศึกษาและเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานมีสิทธิสมัครสอบคัดเลือกได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับวันสอบคัดเลือกรองผอ.และผอ.ว่าทำไมจึงไม่สอบในวันเดียวกัน เพราะครูที่สมัครสอบทั้ง 2 ตำแหน่ง จะมีโอกาสได้เห็นข้อสอบรอง ผอ.ก่อนที่จะได้ทำข้อสอบ ผอ.ในวันถัดมา ถึงแม้จะอ้างว่ากรรมการออกข้อสอบเป็นคนละชุด แต่ก็ออกข้อสอบในสถานที่เดียวกันภายใต้นโยบายเดียวกัน ซึ่งทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบและไม่เป็นธรรมกับคนที่สมัครสอบเพียงตำแหน่งเดียว.

–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 13 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33668&Key=hotnews

‘อ๋อย’ จี้มหาวิทยาลัยติดอันดับโลก แนะ2แนวทางขยายแรงกิ้ง-ตั้งเป้าขยับผลพิซ่า

13 สิงหาคม 2556

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เข้ารายงานความคืบหน้าเรื่องแนวทางการขับเคลื่อน 8 นโยบายการศึกษากับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมหารือความคืบหน้าเรื่องยุทธศาสตร์การศึกษา 2556-2558 และแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2556-2559 ซึ่งภาพรวมทั้งสองเรื่องนี้คล้ายคลึงกัน โดยในส่วนของการยกระดับและการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ในโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติหรือพิซ่า ที่เคยวางเป้าหมายผลักดันให้ผลการประเมินจากอันดับที่ 50 มาอยู่ในอันดับที่ 20 ภายใน 6 ปีนั้น รมว.ศธ.ได้เสนอให้กำหนดเป้าหมายใหม่ โดยมุ่งเน้นให้มาดูว่าเมื่อประกาศผลแต่ละครั้ง เด็กไทยมีคะแนนสอบสูงกว่าผลการทดสอบครั้งที่ผ่านมากี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปลายปีนี้ สกศ.จะนำผลคะแนนรอบล่าสุดมาเปรียบเทียบว่าสูงขึ้นหรือไม่
เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังหารือถึงการจัดอันดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการพยายามทำให้มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับโลกให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดอันดับทั่วโลกใช้หลักเกณฑ์แตกต่างกัน ดังนั้น การจัดอันดับของบางสำนักจึงทำให้มหาวิทยาลัยไทยอยู่ในอันดับท้ายๆ แต่มีอยู่ 4 แห่ง ที่มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับมากที่สุด คือ

1.Time Higher Education World University Rankings

2.Webometrics Ranking of World Universities

3.Green Metric World University Ranking และ

4.QS World University Rankings

โดย จุฬาฯ และ ม.มหิดล ติดอันดับทั้ง 4 แห่ง ขณะที่ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ติด 2 แห่ง โดย รมว.ศธ. ได้เสนอ 2 แนวทางที่มากำหนดการติดอันดับโลกให้มากขึ้น

1.หากมีการจัดอันดับ เช่น ทั้ง 4 แห่งข้างต้น มหาวิทยาลัยไทยควรติดทั้ง 4 แห่ง และ

2.จากเดิมที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับอยู่ 3 แห่ง ในอนาคตต้องมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และควรขยายไปติดอันดับใน สำนักอื่นๆ มากกว่านี้

“สำหรับยุทธศาสตร์การศึกษา สกศ.จะกลับไปแก้ไขเพื่อเสนอ รมว.ศธ.นำเข้า ครม. ส่วนแผนการศึกษาแห่งชาติ เมื่อแก้ไขแล้วจะต้องนำเข้าที่ประชุมบอร์ด สกศ.ในวันที่ 28 ส.ค.ก่อนนำเข้า ครม.ต่อไป” น.ส.ศศิธารากล่าว

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 13 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33667&Key=hotnews

สกสค.ลดขั้นตอนเยียวยาครูใต้

13 สิงหาคม 2556

นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ตนพร้อมด้วยผู้บริหารสกสค.จากส่วนกลางจะออกเดินสายรับฟังปัญหาและเก็บข้อมูลการทำงานด้านการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามโครงการติดตามยุทธศาสตร์การบริหารงานของสกสค. โดยที่ผ่านมาได้มีการรับฟังปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะทยอยลงไปให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ จากนั้นจะรวบรวมปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่เพื่อเร่งแก้ไขให้การทำงานของสกสค.สามารถเดินไปข้างหน้าได้ และเพื่อให้สามารถดูแลครูได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

เลขาธิการ สกสค.กล่าวต่อไปว่า สำหรับพื้นที่พิเศษโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา 5 อำเภอ ซึ่งมีสถานการณ์ความไม่สงบอยู่นั้น สกสค.จะถือให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีการปลดล็อกเงื่อนไขการดูแลครู โดยตนจะมอบอำนาจให้ ผอ.สกสค.จังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือครูที่ประสบเหตุเมื่อเกิดกรณีความไม่สงบในทันที ไม่ต้องรอเสนอเรื่องตามขั้นตอนมาถึงส่วนกลาง และหากมีครูที่เป็นสมาชิก ชพค. เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ ผอ. สกสค.จังหวัด สามารถนำเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพ 2 แสนบาทไปมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ทันทีภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้นจะได้รับเงินอีก 7 แสนบาท และเงินช่วยเหลือพิเศษอีก 5 แสนบาท ส่วนครูที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ชพค.จะได้เฉพาะเงินช่วยเหลือพิเศษ 5 แสนบาท.

–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 13 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33666&Key=hotnews