‘สุรยุทธ์’ เผย ‘ในหลวง’ ทรงห่วงช่องว่างการศึกษา

26 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ  “ความซื่อตรง…กับทางรอดประเทศไทย”  ระหว่างงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ตอนหนึ่งว่า ไม่ใช่นักวิชาการ และไม่คิดว่ามีคุณธรรมสูงส่ง แต่อยากนำเสนอเรื่องราวในฐานะผู้ปฏิบัติและมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างชาติ สร้างไทย สร้างใจซื่อตรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสกับองคมนตรี เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมา    เรื่องการแก้ไขปัญหาการศึกษาของไทย ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ แนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินการต่อเนื่องคือการพัฒนาคนอย่างมาก  โครงการอันสืบเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เป็นปัจจัยช่วยเสริมให้คนมีความพร้อม” ในหลวงทรงห่วงใยเป็นอย่างมาก มีรับสั่งโดยสรุปว่า

1. รับสั่งให้องคมนตรีดูแลโรงเรียนในพื้นที่ชายขอบ ที่มีมาตรฐานการศึกษาต่ำกว่าในชุมชนหรือเขตเมือง จะทำอย่างไรให้ลดช่องว่างความแตกต่างลง

2. ทรงเน้นว่าจะสร้างเด็กอย่างไรให้เป็นคนดีก่อน และให้คนเก่งมาทีหลังก็ได้

3. การจะสร้างเด็กให้เป็นคนดีได้นั้น ความสำคัญอยู่ที่ครู ต้องมีความพร้อม ทำอย่างไรจะให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้เกิดความผูกพัน มีการอบรมสั่งสอน คุณธรรม จริยธรรม และความรู้ให้เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งพระองค์ท่านพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่รับสั่งว่า เป็นเงินของประชาชน และพระองค์ทรงเก็บไว้และพระราชทานคืนผ่านองคมนตรี เพื่อนำไปปรับปรุงระบบการศึกษา

จากนั้นได้พระราชทานแนวทางต่อคณะองคมนตรีจึงได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงเป็นที่ปรึกษาในกองทุนนี้ ดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางก่อน 8 จังหวัด”  พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว และว่าจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องการให้โรงเรียนมีความสำคัญ ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกันก็จะทำให้เกิดสังคมคุณภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะจะมีคนดีและมีความรู้ นำมาปรับใช้ในโรงเรียนต่างๆ นอกจากนี้ต้องสอนให้เด็กเยาวชน รู้จักความหมายของคุณธรรมและจริยธรรมอย่างถูกต้อง ซึ่งหมายถึง คิดดี พูดดี ทำดี ขณะเดียวกัน คือ 3 สถาบันหลักคือ ครอบครัว โรงเรียน และวัด ต้องร่วมมือกันปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่ไปด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33479&Key=hotnews

คอลัมน์: แวดวงการศึกษา: สช.ระดม น.ศ.ทำความดี

25 กรกฎาคม 2556

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เป็นหน่วยงานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาเอกชนได้จัด “กิจกรรมการพัฒนาจิตอาสานักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาโรงเรียนเอกชน”  ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการทะเลาะวิวาท และเพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดี ด้านคุณธรรม จริยธรรมของนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดนักเรียน นักศึกษาจำนวน 400 คน จาก 41 สถาบัน ใน 4 กลุ่ม ไปทำกิจกรรมจิตอาสาซ่อมสร้างและพัฒนาที่สถานสงเคราะห์เด็กพิการบ้านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม โรงเรียนบ้านหนองจาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม โรงเรียนมารดาดรุณีรักษ์ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม และโรงเรียนบ้านหนองไม้งาม จ.นครปฐม ระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคม ทั้งนี้ การจัดทำโครงการนี้ขึ้นจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนได้

–มติชน ฉบับวันที่ 26 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33472&Key=hotnews

คอลัมน์: อาชีวะ…สร้างสรรค์: 5 ให้ 5 ได้ อาชีวะสร้างชาติ

25 กรกฎาคม 2556

จากเสียงสะท้อนอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการไทยในหลายๆ ภาคส่วน ฉายให้เห็นภาพภาวะการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และกำลังเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากอัตราการเกิดของประชากรไทยมีแนวโน้มลดลง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศ และภูมิภาค ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ่นอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้รายงานภาวการณ์ขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ยังไม่นับรวมภาคอื่นๆ พบว่า ตัวเลขขาดแคลนแรงงานในปี 2556 และ 2557 เท่ากับ 3.8 แสนคน และ 3.95 แสนคน ตามลำดับ ในจำนวนนี้เป็นแรงงานฝีมือ และแรงงานฝีมือชั้นสูง ระดับ ปวช., ปวส.และแรงงานระดับเทคนิค หรือเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีมากกว่าครึ่ง ไม่นับรวมแรงงานไร้ฝีมือที่ต้องนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

อดีตซีอีโอจากองค์กรเอกชนยักษ์ใหญ่ และประธานกรรมการการอาชีวศึกษา อย่าง ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ระบุว่า การกำหนดเป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมจะเกิดไม่ได้ หากไม่สร้างแรงจูงใจให้เด็กสนใจ และแก้ภาพลักษณ์ โดยต้องให้เด็ก และผู้ปกครอง มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าการเรียนอาชีวศึกษา จะมีรายได้ระหว่างเรียน เงินเดือนสูง มีโอกาสก้าวหน้า และเติบโตในสายอาชีพ ซึ่งสถานศึกษาจะต้องเชิญชวนสถานประกอบการมาร่วมมือจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้มากขึ้น ทั้งใน และต่างประเทศ โดยมีกลยุทธ์ดึงดูดเด็กเก่งที่ชอบเรียนด้านปฏิบัติมาเรียนอาชีวศึกษา และส่งเสริมให้นักเรียนหญิงมาเรียนสายช่าง โดยเฉพาะสาขาที่มีงานรองรับในอนาคต โดยต้องสร้างจุดขายของแต่ละวิทยาลัยให้มีความโดดเด่น

“จุดขาย” แรกทางการตลาด ที่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นำมาใช้เพื่อหวังเพิ่มปริมาณ และคุณภาพผู้เรียนอาชีวศึกษา โดยผลักดันผ่านกลยุทธ์ “5 ให้ 5 ได้ อาชีวะสร้างชาติ” คือรณรงค์เชิญชวนให้ผู้ประกอบการในฐานะของผู้ใช้กำลังคน เข้ามามีส่วนร่วมจัดการอาชีวศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การผลิตกำลังคนสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ สร้างความเชื่อมั่น และศรัทธาต่อผู้ที่เรียน ผู้ปกครอง และดึงดูดเยาวชนให้สนใจเรียนอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น
หลักการของ 5 ให้… เพื่อเชิญชวนสถานประกอบการร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรในการจัดการอาชีวศึกษา ร่วมกับ สอศ.ดังนี้

1.ให้การสนับสนุนด้านผู้เชี่ยวชาญของสถานประกอบการ เพื่อเป็นครูฝึกหรือวิทยากรถ่ายทอดความรู้ ทั้งด้านทฤษฎี และปฏิบัติให้กับนักศึกษา (Man)

2.ให้การสนับสนุนด้านการเงินในรูปของทุนการศึกษา มอบให้แก่ผู้เรียน หรือบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ (Money)

3.ให้การสนับสนุนวัสดุฝึก เพื่อการเรียนการสอน และการปฏิบัติงาน (Material)

4.ให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือ เครื่องจักร เพื่อใช้ในการฝึกทักษะภาคปฏิบัติของนักศึกษา (Machine) และ

5.ให้การสนับสนุน ร่วมมือ ในการจัดทำหลักสูตร ออกแบบระบบการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น (Management)

ส่วน 5 ได้… สถานประกอบการจะได้รับประโยชน์จากการมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษา ดังนี้ 1.ได้กำลังคนที่มีมาตรฐาน มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานตรงความความต้องการของสถานประกอบการ 2.ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ 3.ได้ภาพลักษณ์ที่ดี ในฐานะเป็นองค์กรที่มิได้มุ่งแสวงหาผลกำไรแต่เพียงด้านเดียว 4.ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี และ 5.ได้รับการเชิดชูเกียรติ และประกาศยกย่องในฐานะองค์กรที่ทำประโยชน์เพื่อการศึกษา

ที่ผ่านมา ดร.อนุสรณ์ และ นายประดิษฐ์ ระสิตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เดินสายนำทีมออกโรดโชว์ นำเสนอโครงการ “5 ให้ 5 ได้ อาชีวะสร้างชาติ” เชิญชวนสถานประกอบการชั้นนำเข้าร่วมสนับสนุน ซึ่งหลายองค์กรตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง
“5 ให้ 5 ได้ อาชีวะสร้างชาติ” จึงเป็น “จุดขาย” ที่น่าจะโดนใจทุกฝ่ายจริงๆwww.vec.go.th

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33470&Key=hotnews

หวั่น สกอ.สะดุดฝันดันฮับการศึกษาภูมิภาค

25 กรกฎาคม 2556

โพสต์ทูเดย์
ห่วงอุดมศึกษาไทยไกลเกินเอื้อมฮับอาเซียน กมธ.ฝากการบ้านเร่งผลักสู่วาระแห่งชาติ

นายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ที่ประชุมสัญจรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาการศึกษาของชาติร่วมกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมนโยบายที่จะขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียน (Education Hub) ซึ่งพบว่าการดำเนินการต่างๆ ของ สกอ. ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และอาจส่งผลให้นโยบายดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่วางไว้เพราะการที่ไทยจะเป็นฮับการศึกษาของอาเซียน อุดมศึกษาจะต้องมีบทบาทสำคัญ

กมธ.การศึกษาจึงได้เสนอแนะ สกอ.ว่า ควรเร่งจัดทำแผนงานรองรับการเตรียมความพร้อมเป็นศูนย์กลางการศึกษาอาเซียนให้เป็นวาระแห่งชาติ โดย กมธ.การศึกษาจะรับหน้าที่เป็นตัวกลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อมาหารือรายละเอียดในเชิงลึกร่วมกัน

ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยอาจไปไม่ถึงเป้าหมายในการเป็นฮับการศึกษาของอาเซียน เป็นเพราะยังไม่มีแผนจัดการการศึกษาที่ชัดเจน ซึ่ง กมธ.การศึกษาได้แนะให้มีหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งจัดการปัญหาเรื่องวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งไทยให้วีซ่านักศึกษาแค่ 5-6 เดือน ขณะที่หลายประเทศให้วีซ่าระยะยาวแก่นักศึกษาเหล่านี้ จึงต้องเชิญกระทรวงการต่างประเทศมาหารือร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรได้บ้าง

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ สกอ.ในเรื่องคุณภาพการศึกษา หลังจากปัจจุบันเกิดปัญหาจากหลักสูตรแบบจ่ายครบจบแน่ ทำให้การศึกษาไทยไม่มีคุณภาพ รวมทั้งทบทวนเรื่องการดำเนินงานโครงการครูพันธุ์ใหม่ ซึ่ง สกอ. เป็นเจ้าภาพดูแลเรื่องนี้จึงอยากให้เดินตามเป้าหมาย เพื่อให้มีคนเก่งและคนดีมาเป็นครูมากขึ้น รวมทั้งมีอัตรารองรับ โดยให้หลักประกันการมีงานทำเพื่อจูงใจโดยในการประชุมครั้งถัดไปจะเชิญ รมว.ศึกษาธิการ มาร่วมหารือด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33469&Key=hotnews

‘ศธ.-สกอ.’ลั่นล้วงลูก’แก้เกรด’ไม่ได้ เหตุ ‘สจล.’ ออกนอกระบบไปแล้วต้องปล่อยให้สภาสถาบันสืบสวนกันเอง

25 กรกฎาคม 2556

ศึกษาธิการ * “เสริมศักดิ์” เผยทั้ง ศธ.และ สกอ.ไม่มีอำนาจสืบสวนหาข้อเท็จจริงอธิการ สจล.สั่งแก้เกรดลูกชาย เพราะเป็น ม.ออกนอกระบบไปแล้ว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่สภาสถาบันฯ จัดการกันเอง ด้าน กมธ.ศึกษาเตรียมนำเรื่อง ม.จ่ายครบจบแน่-ม.เถื่อน และแก้เกรดเข้าที่ประชุมสภาฯ 1 ส.ค.
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงข้อร้องเรียนต่อ ศ.ถวิล พึ่งมา อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กรณีสั่งแก้ไขเกรดของนักศึกษาที่เป็นลูกชายของตัวเองอย่างไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เพื่อให้ดีขึ้นจากความเป็นจริง ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจที่ทางสภาสถาบัน สจล.ต้องไปตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลก็ต้องสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกันต่อ ซึ่งเรื่องนี้แม้จะมีการร้องเรียนมาที่ ศธ. และส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แต่ไม่มีอำนาจจะสอบได้ เนื่องจาก สจล.เป็นมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีหน้าที่กำกับดูแลเท่านั้น โดยทราบว่าทาง สกอ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่นิติกรเข้าไปช่วยดูในเรื่องนี้ด้วย
“เท่าที่ฟังดูคนที่ร้องเรียนเป็นเหมือนคู่แข่งกัน ฉะนั้นทุกขั้นตอนต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย ใครผิดใครถูกให้ว่ากันไป โดยสภาสถาบันฯ ต้องไปสอบสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว” นายเสริมศักดิ์กล่าว

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้เสนอเข้ามาสมัยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งนายพงศ์เทพได้สั่งการให้ สกอ.ไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งสภาสถาบัน สจล.จะต้องดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง หากมีประเด็นใดเพิ่มเติมก็เป็นหน้าที่ สกอ.ไปกำกับดูแล ตอนนี้จึงยังไม่ถึงขั้นที่ รมว.ศธ.จะต้องลงไปใช้ดุลยพินิจด้วยตนเอง
ทางด้านนายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้หารือกับ สกอ.ถึงปัญหาต่างๆ ของอุดมศึกษา โดยเฉพาะกรณีมหาวิทยาลัยเปิดสอนโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ. หรือมหาวิทยาลัยเถื่อน โดยในวันที่ 1 ส.ค. เป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ ตนจะนำปัญหาดังกล่าวหารือต่อสภาฯ รวมถึงภาพรวมของปัญหาอุดมศึกษา ทั้งเรื่องจ่ายครบจบแน่ ซึ่งมีปัญหาทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน เพราะไม่มีกฎหมายกำกับดูแล โดยขณะนี้ทาง สกอ.กำลังร่าง พ.ร.บ.อุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… ขึ้นมาเพื่อมากำกับดูแลจัดการปัญหาต่างๆ
สำหรับที่มีข่าวอธิการบดีของ สจล.แก้เกรดให้ลูกชายนั้น นายประกอบกล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ทางสภาสถาบันฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยได้ขอความร่วมมือจาก สกอ. เพื่อส่งนิติกรสืบสวนข้อเท็นจริง หากเป็นเรื่องจริง คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้อุดมศึกษาเกิดความเสียหาย ซึ่งทางฝ่ายนิติบัญญัติคงไม่ยอม.

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33468&Key=hotnews

กศน.หนองคายเปิดศูนย์อาเซียนแลกเปลี่ยนครูลาว

25 กรกฎาคม 2556

น.ส.อัจฉรา สากระจาย ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย เปิดเผยถึงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษาของจังหวัดหนองคาย ว่า กศน.หนองคายได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หนองคาย ในการจัดตั้งศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์เบื้องต้น จนครบทั้ง 62 ตำบล เพื่อจัดอบรมความรู้ทางด้านภาษาและคอมพิวเตอร์ให้แก่ประชาชน ซึ่งจัดอบรมรุ่นแรกจบไปแล้วกว่า 2,800 คน และขณะนี้กำลังจะเปิดสอนรุ่นที่ 2 ซึ่งมีทั้งผู้นำชุมชนและสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มาเรียนรวมกันทุกตำบลจำนวนกว่า 2,000 คน โดยนายก อบจ.หนองคาย มีเป้าหมายที่จะเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนอย่างน้อย 40,000 คน ก่อนเปิดประชาคมอาเซียนในปี2558 นอกจากนี้ ยังได้ตั้งงบประมาณสำหรับครูผู้สอนภาษาอาเซียน ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยภาษาอังกฤษจะเป็นครู กศน.ที่จบเอกภาษาอังกฤษโดยตรง ส่วนภาษาจีนนั้นได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลจีน ส่งครูอาสาสมัครมาอยู่ประจำ

น.ส.อัจฉรา กล่าวต่อไปว่า หนองคายเป็นจังหวัดที่อยู่ติดเวียงจันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเรากำลังสำรวจว่ามีคนสนใจที่จะมาเรียนภาษาลาวที่เป็นภาษาพื้นฐานจริงๆ ตลอดจนวัฒนธรรมพื้นถิ่นหรือไม่เพราะจากการรับฟังนโยบายของนางพวงเพชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีศธ. อยากให้มีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและครูกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกศน.หนองคาย จะหารือกับ กศน.ลาวถึงโครงการแลกเปลี่ยนครูและนักศึกษาเพื่อให้ผู้ที่มาเรียน กศน.มีความรู้ด้านไวยากรณ์มากกว่าการสื่อสารด้วยภาษาพูดเท่านั้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33467&Key=hotnews

อาชีวะผุด 5 ให้ 5 ได้ทวิภาคีสร้างช่างฝีมือ

25 กรกฎาคม 2556

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้จบการศึกษาระดับ ม.ต้น ประมาณ8-9 แสนคนต่อปี ในจำนวนนี้เลือกเรียนต่อสายสามัญศึกษา ประมาณ4 แสนคน และเลือกเรียนสายอาชีวะในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนประมาณ 2.8 แสนคน โดยที่เหลืออีกประมาณ 1 แสนคน เป็นกลุ่มที่ไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) อย่างไรก็ดี สอศ.ยังเล็งกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็กเรียนดีและชอบการปฏิบัติ กลุ่มเรียนไม่ดีและกลุ่มเด็กผู้หญิงควบคู่ด้วย ทั้งนี้ในฐานะประธานบอร์ด กอศ.ได้เดินสายหารือความร่วมมือกับผู้ประกอบการ เพื่อผลิตแรงงานมืออาชีพได้ตรงความต้องการที่แท้จริง และจากการหารือพบว่าส่วนใหญ่ต้องการรับผู้จบ ปวส.เข้าทำงานจำนวนมาก

“จากนี้ สอศ.และผู้ประกอบการจะร่วมกันทำงานตั้งแต่คิดหลักสูตร ส่งผู้เชี่ยวชาญมาสอนในสถานศึกษา และให้เด็กไปฝึกงานในสถานประกอบการ ภายใต้หลักการ “5 ให้ 5 ได้” ทั้งสองฝ่าย อาทิสถานศึกษาได้รับบุคลากร เครื่องจักรกล และเงินทุน ขณะที่สถานประกอบการได้กำลังคนที่มีมาตรฐาน และการลดหย่อนภาษี เป็นต้นสำหรับหลักสูตรใหม่ที่เตรียมดำเนินการ เช่นหลักสูตรสาขาหุ่นยนต์(Robotics) หลักสูตรสาขา พลังงาน (Energy) ระดับ ปวส.และปริญญาตรี โดยมีวิทยาลัย 12 แห่ง พร้อมเปิดสอน ซึ่งคาดว่าร่างหลักสูตรจะแล้วเสร็จในปีการศึกษา นี้” นายอนุสรณ์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33466&Key=hotnews

‘จาตุรนต์’ ให้การบ้าน สกศ.เร่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐ

25 กรกฎาคม 2556

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาการศึกษา วันที่ 24 ก.ค.ว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางการติดตามและประเมินผล รวมถึงการขับเคลื่อนงานยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีในสถานศึกษา พ.ศ. 2556-2559 และแผนการติดตามดำเนินงานแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (แรกเกิดถึงก่อนเข้า ป.1) ตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ.2555-2559 นอกจากนี้ยังมอบให้ สกศ.กลับไปทบทวนพร้อมหาแนวทางว่า จะนำนโยบายรัฐบาลมาขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างไร

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาของชาติ นั้น จะต้องมีการรับฟังอีกครั้งหนึ่ง โดยจะขอให้ สกศ.นำนโยบายด้านการศึกษาที่ตนมอบไปนั้น มาเป็นกลไกการขับเคลื่อนเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การปฏิรูปการเรียนการสอนจะต้องเชื่อมโยงกับการสอบวัดผลและประเมินผล เป็นต้น สำหรับปัญหาการขาดคุณธรรมจริยธรรมในวงการศึกษานั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อมีเรื่องคนในวงการศึกษาเกิดขึ้นก็ต้องเป็นที่สนใจของสังคม ดังนั้นจะมีการรวบรวมปัญหาจากทุกองค์กรหลัก เพื่อมาหาทางออกหรือแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบให้มากขึ้น.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33465&Key=hotnews

ดึงเด็กนอกระบบเรียนสายอาชีพ กอศ.ร่วมถกผู้ประกอบการ-ผุดหลักสูตรใหม่

25 กรกฎาคม 2556

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (ปธ.บอร์ด กอศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้จบการศึกษาระดับม.ต้น ประมาณ 8-9 แสนคนต่อปี ในจำนวนนี้เลือกเรียนต่อสายสามัญศึกษาประมาณ 4 แสนคน และเลือกเรียนสายอาชีวะในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน ประมาณ 2.8 แสนคน โดยที่เหลืออีกประมาณ 1 แสนคน เป็นกลุ่มที่ไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) อย่างไรก็ดี สอศ.ยังเล็งกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็กเรียนดี และชอบการปฏิบัติ กลุ่มเรียนไม่ดี และกลุ่มเด็กผู้หญิงควบคู่ด้วย

ทั้งนี้ในฐานะประธานบอร์ด กอศ.ได้เดินสายหารือด้านความร่วมมือกับผู้ประกอบการ อาทิ บ.ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด บ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปิเรชั่น จำกัด และบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ เป็นต้น เพื่อผลิตเด็กได้ตรงความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการ จากการหารือที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกอบการต้องการรับเด็กอาชีวะเข้าทำงานจำนวนมาก โดยเฉพาะระดับ ปวส.

ปธ.บอร์ด กอศ.กล่าวต่อว่า จากนี้ สอศ.และผู้ประกอบการจะต้องร่วมกันทำงาน ตั้งแต่คิดหลักสูตร ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสอน และให้เด็กเข้าไปฝึกงานในสถานประกอบการ โดย 5 ให้ 5 ได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประกอบด้วย สถานศึกษาได้รับ บุคลากร การบริหารจัดการ เครื่อง จักรกล วัตถุดิบ และเงินทุน สถานประกอบการได้กำลังคนมีมาตรฐาน ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ภาพลักษณ์ที่ดี ได้ลดหย่อนภาษี และได้รับการเชิดชูเกียรติ หลักสูตรใหม่ๆ ที่เตรียมทำเร็วๆ นี้คือ หลักสูตรสาขาหุ่นยนต์ (Robotics) และเครื่องมือบังคับอัตโนมัติ และหลักสูตรสาขาพลังงาน (Energy) ระดับ ปวส.และป.ตรี ขณะนี้มีวิทยาลัย 12 แห่ง พร้อมเปิดสอน โดยร่างหลักสูตรจะแล้วเสร็จในปีการศึกษานี้ ก่อนนำร่องจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2557 ต่อไป

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33464&Key=hotnews

‘กมธ.ศึกษา’ จี้ สกอ.สางปัญหามหา’ลัย ‘เถื่อน-นายหน้าค้ากศ.-จ่ายครบจบแน่’

25 กรกฎาคม 2556

AST Vผู้จัดการรายวัน – กมธ.ศึกษาเร่งสางปัญหามหา’ลัยเถื่อน นายหน้าค้าการศึกษาต่างประเทศ การแก้เกรด เข้าที่ประชุมสภา 1 ส.ค.นี้จ่อฟันวลี “จ่ายครบจบแน่” หลังหมักหมมมานานไม่มีข้อกฎหมายกำกับดูแล เผย สกอ.เร่งผุด พ.ร.บ.อุดมศึกษาคุมค่าเทอม หวั่นผู้ปกครองเดือดร้อน

วานนี้ (24 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) นายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ว่า ในการหารือเรื่องการพัฒนาการศึกษาร่วมกับผู้บริหาร สกอ. ซึ่งที่ประชุมหารือถึงปัญหาต่างๆ ของอุดมศึกษาโดยเฉพาะกรณีมหาวิทยาลัยเปิดสอนโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ. หรือมหาวิทยาลัยเถื่อนรวมถึงปัญหาคนไทยไปเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก สกอ.และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ทำให้เมื่อได้วุฒิมาก็ไม่สามารถนำไปใช้ในการสมัครงาน หรือเข้ารับราชการหรือปรับวุฒิเงินเดือนได้ ทำให้เสียเวลา เสียเงิน และเสียโอกาส เป็นการสร้างความเสียหาย ดังนั้น กมธ.ขอให้ สกอ.ประชาสัมพันธ์ว่า มหาวิทยาลัยใดหรือหลักสูตรใดบ้างที่ สกอ.รับรอง ทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ผู้ที่จะสมัครเข้าเรียนได้รู้ และไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของนายหน้าค้าการศึกษาโดย สกอ.จะต้องปรับตัวมาทำงานในเชิงรุกมากขึ้นไม่ใช่ทำงานเชิงรับอย่างเดียว

ส่วนกรณีอธิการบดีของสจล.แก้เกรดให้ลูกชาย นั้น นายประกอบ กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ทางสภาสถาบันฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ โดยได้ขอความร่วมมือ จาก สกอ.เพื่อส่งนิติกรเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้เพิ่มเติมแต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรยังไม่ชัดเจน แต่หากเป็นเรื่องจริง คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายมากไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้อุดมศึกษาเกิดความเสียหาย ซึ่งทางฝ่ายนิติบัญญัติ คงไม่ยอม อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญวันที่ 1 ส.ค.นี้ ตนจะนำปัญหาดังกล่าวหารือต่อสภาฯ รวมถึงภาพรวมของปัญหาอุดมศึกษา ทั้งเรื่องจ่ายครบ จบแน่ ซึ่งมีปัญหาทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชนเพราะไม่มีกฎหมายกำกับดูแล โดยขณะนี้ทางสกอ.กำลังร่าง พ.ร.บ.อุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาพรวม โดยเฉพาะกรณีค่าหน่วยกิตของมหาวิทยาลัยทั้งรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับและมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งแพงขึ้นกว่าเดิมมาก

“สิ่งที่น่ากังวล คือ มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐไม่ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ภาครัฐตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับและ สกอ. เองก็ออกมายอมรับแล้วว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการควบคุมเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต้องถือว่ามหาวิทยาลัยได้เปรียบมาก เพราะนอกจากไม่ต้องนำรายได้เข้ากระทรวงการคลัง แล้วยังมีอิสระในการบริหารจัดการและมีอิสระในการขึ้นค่าเล่าเรียน โดยจะเห็นว่าสภามหาวิทยาลัยเองมักจะมีความเห็นสอดคล้องไปกับฝ่ายบริหารเสมอ และขณะนี้ไม่ใช่แต่ ม.ในกำกับเท่านั้นแม้แต่ ม.รัฐเองก็ขึ้นค่าเล่าเรียนเช่นกัน โดยถึงแม้จะมีเหตุผลเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจที่สูงขึ้นแต่ก็ไม่ควรไปเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครองมากนักดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายกลางขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ไม่ปล่อยให้ขึ้นค่าเทอมได้อย่างเสรี เพราะขณะนี้ผู้ปกครองเดือดร้อนมาก” นายประกอบกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33462&Key=hotnews