6 มีนาคม 2556
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ จะมีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ ซึ่งมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เตรียมเสนอจุดยืนที่จะให้มีการปรับกระบวนการมากกว่าการรื้อโครงสร้างหลักสูตรการเรียนการสอน เพราะมองว่าโครงสร้างหลักสูตรของ สพฐ.ยังมีความเหมาะสมสามารถใช้ได้อยู่ ดังนั้น จึงแค่นำจุดอ่อนมาปรับปรุงให้ดีขึ้นจะดีกว่า เช่น เรื่องสมรรถนะการคิดของนักเรียน และการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ายังมีน้อยมาก จำเป็นต้องเร่งให้มีการเรียนรู้ผ่าน การปฏิบัติให้มากขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้เกิดจินตนาการ โดยเพิ่มสัดส่วนเวลาเรียนในส่วนนี้ให้มากขึ้น
“การเพิ่มสัดส่วนเวลาเรียนได้จะต้องเกิดการบูรณาการ โดยช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) และช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6)จะต้องให้สัดส่วนของเวลาเรียนด้านเครื่องมือพื้นฐานอย่างเต็มที่ ส่วนช่วงชั้นที่สูงกว่าระดับประถมศึกษาต้องเป็นเรื่องของการแสวงหาความรู้ การสรุปองค์ความรู้ และการประยุกต์ความรู้ให้มากขึ้น นอกจากการปรับลดจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาการลงแล้ว จะมีการปรับสัดส่วนการเรียนวิชาต่าง ๆ ของนักเรียนแต่ละระดับชั้น จากเดิมที่ให้สัดส่วนเวลาเรียนทุกวิชาเท่า ๆ กัน จะเปลี่ยนเป็นให้มีจุดเน้นตรงตามวัย โดยระดับประถมฯ ต้นจะเน้นการเรียนรู้ทักษะด้านภาษาเป็นหลัก จนถึงระดับประถมฯปลายจึงจะเพิ่มเติมทักษะด้านการคิดคำนวณ ส่วนระดับมัธยมฯต้น จะเพิ่มเติมทักษะในการแสวงหาความรู้ให้แก่เด็ก และระดับมัธยมฯปลาย จะเน้นให้เด็กนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ได้ โดยการปรับดังกล่าวจะทำให้แล้วเสร็จ เพื่อนำไปใช้ในปีการศึกษา 2556” ดร.ชินภัทร กล่าวและว่า ในการประชุมดังกล่าว สพฐ.จะนำผลวิจัยของต่างประเทศเกี่ยวกับสัดส่วนเวลาเรียนของนักเรียน เช่น ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา เป็นต้น มานำเสนอต่อที่ประชุมด้วย
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอก จากนี้จะเสนอเรื่องการลดการบ้านนักเรียน ซึ่ง สพฐ.จะเดินหน้าให้ทุกโรงเรียนมีการบูรณาการการให้การบ้านเด็กของทุกวิชา เพราะการบ้านยังถือว่ามีความสำคัญอยู่ ซึ่งเด็กจะต้องทบทวนและเพิ่มความชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นการคิดเลข ภาษา แต่ทั้งนี้ตนไม่อยากให้เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาต้องเป็นการบ้านที่เด็กนำกลับไปทำที่บ้าน เพราะเป็นเรื่องซับซ้อนและยากเกินไป ซึ่งจะสร้างความเครียดให้เด็กเพิ่มมากขึ้นและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้วย ดังนั้น ต้องมีการทบทวนเรื่องการให้การบ้าน ว่าต้องมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในเรื่องการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนและการลดการบ้านนักเรียน สพฐ.จะจัดอบรมครูในเดือน เม.ย.นี้ พร้อมแจกคู่มือการบูรณาการการเรียนการสอนครบวงจร เพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียนการสอนด้วย.
–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 7 มี.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=31933&Key=hotnews

