24 กรกฎาคม 2556
จากกรณี ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภา เตรียมขอความร่วมมือคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ และสถาบันฝ่ายผลิตครู ในการควบคุมจำนวนรับนักศึกษาครูในปีการศึกษา 2557 นั้น ผศ.นันทกา ปรีดาศักดิ์ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (มร.นม.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เพื่อควบคุมจำนวนบัณฑิตครูให้เหมาะสมกับความต้องการ แต่คุรุสภาก็ควรมีจำนวนความต้องการที่ชัดเจน และแจ้งให้สถาบันทราบเพื่อให้สามารถวางแผนการรับนักศึกษาได้ หรืออย่างน้อยจะต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ เพราะมหาวิทยาลัยจะต้องมีแผนการรับนักศึกษาล่วงหน้า ที่สำคัญการรับนักศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับคณะ แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลมีกรอบที่ชัดเจนก็จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยได้
“อย่างไรก็ตามอยากให้คุรุสภาคำนึงถึงสภาพพื้นที่และความต้องการของผู้เรียนด้วย เพราะนักศึกษาแถบอีสานหากไม่สามารถเข้าเรียนที่ส่วนกลางได้ก็มักเลือกเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งในปีการศึกษา 2556 เรามีแผนรับนักศึกษา 19 สาขาวิชา จำนวน 1,000 คน แต่รับจริง 1,800 คน เนื่องจากความต้องการของเด็กในพื้นที่มีมาก” ผศ.นันทกา กล่าว
ผศ.ประเสริฐ ลิ้มสุขวัฒน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) กล่าวว่า ตั้งแต่ตนรับตำแหน่งคณบดีฯ ในปี 2555 ได้หารืออธิการบดีเพื่อขอให้เริ่มจำกัดจำนวนรับนักศึกษาครู ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวเพราะน่าจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาจำนวนครูล้นได้ แต่ตนก็คาดหวังว่าคุรุสภาจะใช้อำนาจอย่างมีขอบเขต ไม่มาล้วงลูกเรื่องหลักสูตรการสอนเหมือนที่เกิดปัญหากับสภาวิชาชีพอื่น
ผศ.ละออง ภู่เงิน อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ (มรภ.บร.) กล่าวว่า ในความเป็นจริงอาจารย์ผู้สอนและคณะไม่ต้องการรับนักศึกษาเข้ามามาก เพราะการจำกัดจำนวนจะทำให้ควบคุมคุณภาพการเรียนการสอนได้ดี แต่เนื่องจากจำนวนการรับนักศึกษาใหม่จะเป็นไปตามนโยบายของมหาวิทยาลัย ดังนั้นหากผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คุรุสภา และสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.) เอาจริงเอาจังและกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจนลงมา น่าจะทำให้การจำกัดจำนวนครูให้เหมาะสมมีความเป็นไปได้มากขึ้น อีกทั้งจากการสอบถามนักศึกษาครูที่เข้าใหม่ส่วนใหญ่ก็ต้องการให้มีการจำกัดการเข้าสู่วิชาชีพเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นวิชาชีพชั้นสูง และยังจะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถคัดเด็กที่มีคุณภาพและมีความตั้งใจเป็นครูอย่างแท้จริงได้
“หากเรามีระบบการคัดเลือกเพื่อให้ได้คนที่อยากเป็นครูจริง ๆ เข้ามาเป็นครู ไม่ใช่ใครก็มาเป็นครูได้เหมือนปัจจุบันจะสามารถยกระดับวิชาชีพครูให้สูงขึ้นได้ เพราะคนที่สอบบรรจุเป็นครูได้อาจเป็นคนสอบเก่ง คือ ติวแล้วสอบ แต่เราก็มั่นใจเรื่องคุณภาพคุณธรรมไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราจำกัดจำนวนคนที่จะมาเรียนครูและจำนวนตำแหน่งครูที่จะบรรจุ เมื่อเด็กจบมาก็จะเป็นครูไม่ต้องออกจากวิชาชีพนี้เช่นเดียวกับคนที่เรียนแพทย์ได้จะเป็นการดี” ผศ.ละออง กล่าว.
–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33446&Key=hotnews