สอศ.เปิดช่องมัธยมสะสมหน่วยกิต นำผลโอนเรียน’ระยะสั้น-ปวช.-ปวส.’ คาดกระตุ้นยอดอาชีวะเพิ่ม 2 หมื่นคน

4 มิถุนายน 2556

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการมอบนโยบายให้กับผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า อาชีวศึกษาถือเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศไทย ที่สำคัญผลิตบุคลากรมารองรับการพัฒนาประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการบุคลากรจำนวนมาก จนทำให้ขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจเอกชน และด้านเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเพิ่มสัดส่วนให้คนมาเรียนสายอาชีวะกับสายสามัญเป็น 50 : 50 แต่ผลปรากฏว่าปีนี้มีเด็กมาเรียนสายอาชีวะเพียง 34% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายมาก ฉะนั้น คิดว่าการจะให้เด็กมาเรียนสายอาชีวะเพิ่มขึ้น จะเปิดโอกาสให้คนที่จบชั้น ม.3 แต่ไม่ได้เรียนต่อ หรือผู้ที่จบชั้น ม.4-6 แต่ไม่ได้เรียนต่อ เป็นเป้าหมายที่จะให้มาเรียนต่อในสายอาชีวะได้

“เรื่องของภาพลักษณ์ คุณภาพ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะดึงคนมาเรียนอาชีวะ ความจริงมีสถานศึกษาอาชีวะส่วนน้อยที่มีปัญหา แต่ทำให้คนรู้สึกว่าเอาลูกมาเรียนแล้วจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้น จำเป็นต้องสร้างภาพพจน์ใหม่ อย่างการส่งเด็กอาชีวะไปช่วยซ่อม สร้าง อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ แก่ชาวบ้าน นอกจากนี้ ผู้บริหารทุกคนจะต้องทำให้เด็กเห็นว่าการมาเรียนสายอาชีวะมีอนาคตที่ดีอย่างไร โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์เรื่องสถาบันอาชีวะ หรือการเรียนแบบทวิภาคี มีความน่าสนใจอย่างไรด้วย นอกจากนี้ โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ตนเห็นว่าเป็นโครงการใหญ่ที่จะสามารถเชื่อมโยงการผลิตบุคลากรสายอาชีวะมารองรับโครงการต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ผู้บริหารทุกคนทำงานเชิงรุก และดึงเด็กให้มาเรียนสายอาชีวะเพิ่มขึ้นให้ได้” นายพงศ์เทพกล่าว

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ตนได้ลงนามคำสั่งเรื่องแนวปฏิบัติการเรียนรายวิชาสะสมหน่วยกิตเตรียมอาชีวศึกษา (Per-VEd.) ถึงผู้อำนวยการสถานศึกษาสังกัด สอศ.ทั่วประเทศแล้ว โดยแนวปฏิบัติดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสขยายวิธีการ และกลุ่มเป้าหมาย ซึ่ง สอศ.ได้กำหนดให้มีการเรียนรายวิชาสะสมหน่วยกิตเตรียมอาชีวศึกษารายวิชาชีพระยะสั้น รายวิชาเตรียมระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และรายวิชาเตรียมระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนมาขอโอนเพื่อนับจำนวนหน่วยกิตสะสมภายหลังจากสมัครเข้าเรียน และขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนนักศึกษาตามหลักสูตรอาชีวศึกษา ทั้งนี้ แนวปฏิบัติดังกล่าวคาดว่าจะมีนักเรียนเข้าเรียนประมาณ 15,000-20,000 คน ซึ่งจะทำให้ยอดการรับนักเรียนในระดับ ปวช.เป็นไปตามเป้าหมายที่จำนวน 186,873 คน

“แนวปฏิบัติดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมต้น และมัธยมปลาย ที่มีความประสงค์จะเพิ่มพูน หรือสะสมความรู้ ทักษะ และเตรียมตัวที่จะเข้าศึกษาในระดับอาชีวะ มาเรียนสะสมหน่วยกิตไว้ก่อนได้ใน และเมื่อเรียนจบในระดับมัธยมศึกษา ก็เข้ามาเรียนต่อในสายอาชีวะ สามารถนำผลการเรียนจากรายวิชาดังกล่าวมาขอ เพื่อนับโอนหน่วยกิตสะสมได้ จะทำให้ใช้เวลาเรียนจบเร็วกว่าผู้ที่เรียนปกติ” นายชัยพฤกษ์กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32900&Key=hotnews