ต่อไปไม่มีตัง แม้อยากเรียน ถ้าไม่เก่ง ไม่จิตอาสา ก็ไม่ได้เรียนแล้ว

ต่อไปไม่มีตัง แม้อยากเรียน ถ้าไม่เก่ง ไม่จิตอาสา ก็ไม่ได้เรียนแล้ว
ต่อไปไม่มีตัง แม้อยากเรียน ถ้าไม่เก่ง ไม่จิตอาสา ก็ไม่ได้เรียนแล้ว

ตีความตามข่าวเรื่อง กยศ. ว่า
ในอดีต ไม่เก่ง ไม่จิตอาสา ถ้าอยากเรียนย่อมได้เรียน
ในอนาคต แม้อยากเรียน ถ้าไม่เก่ง และไม่จิตอาสา ก็ไม่ได้เรียนนะครับ
สถาบันไหน รุ่นพี่เบี้ยวหนี้เยอะ ก็จะได้วงเงินกู้ปีต่อไปลดลง
สถาบันไหนเปิดหลักสูตรใหม่ ก็จะกู้ กยศ. ไม่ได้

2 ก.ย.57 นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายเกี่ยวกับการปล่อยกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้น
ให้เน้นกู้ให้ยาก จ่ายคืนง่าย โดยในการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9570000100630

เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบกำหนดมาตรการการและปรับหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมกองทุน กยศ. ประกอบด้วย
1. หลักเกณฑ์การคัดกรองสถานศึกษา ที่จะจัดสรรเงิน กยศ. ให้นักเรียนกู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค
ต้องเปิดการเรียนการสอนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา
มีผลการรับรองคุณภาพจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพศึกษา (สมศ.)
และต้องมีโครงการที่มุ่งจิตอาสาที่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ
ส่วนระดับอนุปริญญาตรี และปริญญาตรี นอกจากจะต้องเปิดสอนมาอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา
และมีโครงการที่มุ่งจิตอาสา แล้วหลักสูตรที่เปิดสอนต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ผ่านการประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ตลอดจนมีผลการรับรองจาก สมศ. ด้วย

2. หลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืมเงินในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ผู้ที่จะยื่นกู้จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นไม่น้อยกว่า 2.00
ระดับ ปวช. ปวท. และ ปวส. ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว
เพราะต้องการส่งเสริมให้มีการเรียนสายอาชีพมากขึ้น
ส่วนระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไม่น้อยกว่า 2.00
รวมทั้งต้องมีหลักฐานแสดงถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาด้วย
ส่วนผู้กู้รายเก่าที่จะเลื่อนชั้นปีหากจะกู้ต่อได้ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00 เช่นกันทุกภาคเรียน
และยังต้องมีหลักฐานการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาอย่างน้อย 1 กิจกรรมต่อภาคการศึกษา
โดยต้องเข้าร่วมโครงการจิตอาสาไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมงต่อ 1 ภาคการศึกษา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาในส่วนของผู้ที่กู้ยืมนั้นจะดูเฉพาะเรื่องรายได้เท่านั้น
แต่ส่วนอื่นไม่ได้กำหนด เช่น เรื่องผลการเรียนเฉลี่ยสะสม เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์สัดส่วนวงเงินให้กู้ยืมแก่สถานศึกษา ไว้ 4 ส่วน
อาทิ กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ที่มาชำระหนี้คืนไว้ 40% ซึ่งต่อไปหากสถานศึกษาใดมีการค้างชำระหนี้ของผู้กู้มาก
จะได้รับจัดสรรวงเงินให้กู้ยืมน้อยลงด้วย
อีกทั้งยังได้กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ต่อสายอาชีพ ไว้ในสัดส่วน 50 : 50
และระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ต่อสายสังคมในสัดส่วน 50 : 50 เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม กยศ. จะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวในปีการศึกษา 2558 เป็นต้นไป