อ่านเรื่องนี้แล้ว นึกไปถึงหัวข้อคุณธรรม จริยธรรมในวิชาชีพ
ว่าทุกสาขา ทุกหลักสูตร ในทุกสถาบันการศึกษาก็มีกัน
ข้อห้ามเหล่านี้ ถ้าหยิบนำมาพิจารณา อาจทำให้สังคมสงบขึ้น
อาทิ เป็นนักศึกษาไทยต้องทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ใครทำผิดวัฒนธรรมไทย .. มีความผิด พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา
อะไรทำนองนี้
เมื่อฝ่าฝันสอบคัดเลือกเข้ามาเป็น นศพ. เต็มตัวแล้ว
จะทำสิ่งใด.. ต้องรับผิดชอบต่อสังคม
HOT สุดในบอร์ดแอดมิชชั่นเว็บเด็กดีตอนนี้ คงหนีไม่พ้นกระทู้ “ใครจะสอบหมออ่านด่วน ไม่สนใจมีสิทธิ์โดนไล่ออกก่อนได้เรียน” ที่ภายในกระทู้มีเนื้อหาอธิบายว่า ขณะนี้อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาฯ ศิริราช รามาฯ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ต่างออกมาแสดงจุดยืน ห้ามนิสิตนักศึกษาแพทย์ ไปรับเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาให้กับเครื่องดื่ม หรือสินค้าที่โฆษณาเกินจริง หลังจากล่าสุดมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งที่สื่อความหมายในภาพยนตร์โฆษณาว่า “ดื่มแล้วสามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ได้” ซึ่งอาจจะก่อให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดตามมา
16 ก.ค. 56 พี่ลาเต้ ได้นำประเด็นดังกล่าวสอบถามไปยังแหล่งข่าววงในซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการเปิดเผยว่า “ทางคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เรียกนิสิตแพทย์รายหนึ่งมาทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวจริง ซึ่งไม่ใช่เป็นการตำหนิหรือลงโทษ เพียงแต่เป็นการพูดคุยชี้แจงให้นิสิตได้ทราบว่า เมื่อฝ่าฝันสอบคัดเลือกเข้ามาเป็น นศพ.เต็มตัวแล้ว จะทำสิ่งใดต้องรับผิดชอบต่อสังคม เช่นกรณีการไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเครื่องดื่มบำรุงสมองรายหนึ่งที่อ้างว่า ดื่มแล้วสามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ได้ อาจทำให้รุ่นน้องที่ยึดเป็นไอดอล หรือสังคมเกิดความเข้าใจผิดตามมา เพราะโฆษณาดังกล่าวมีการสร้างความเชื่อที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ และมีดึงชื่อของคณะแพทยศาสตร์ไปเกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ทางคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ทางคณะไม่มีการออกกฎระเบียบหรือคำสั่งห้ามนิสิตรับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ได้ย้ำเตือนกับนิสิตทุกคนให้ใช้วิจารณญาณ โดยยึดมั่นในการทำงานรับใช้สังคมตามหลักปฎิบัติของนิสิตแพทย์”
ทางด้าน รศ.พญ.นันทนา ศิริทรัพย์ รองกรรมการอนุกรรมการสอบคัดเลือก กสพท. (หน่วยงานที่ดูแลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ) ได้แสดงความเห็นผ่านทางทีมข่าวการศึกษาเว็บไซต์เด็กดีดอทคอมว่า “ในโฆษณาดังกล่าวที่สื่อความหมายว่า ดื่มแล้วจะสอบติดคณะแพทยศาสตร์ได้นั้น ไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะมองว่าการสอบติดคณะแพทยศาสตร์ กับการดื่มเครื่องดื่มนั้นไม่มีความสัมพันธ์กัน การที่นักเรียนจะสอบติดคณะแพทยศาสตร์ได้ อยู่ที่การฝึกฝน และพยายามของแต่ละบุคคล จึงอยากให้สังคม และนักเรียนที่อยากสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์โปรดใช้วิจารณญาณต่อภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าว และทำความเข้าใจใหม่ในความเชื่อที่ผิด”
ตอบข้อซักถามที่ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะร่วมกัน ออกกฏห้าม นศพ.ไปเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าโฆษณาเกินจริงหรือไม่? ทาง รศ.พญ.นันทนา ได้เปิดเผยต่อว่า “ในอนาคตทางกลุ่มของคณะแพทยศาสตร์เห็นพ้องร่วมกันว่า เตรียมที่จะมีนโยบายให้คณาจารย์คณะแพทยศาสตร์ทุกสถาบัน ทำความเข้าใจกับ นศพ.ชั้นปีที่ 1 ในงานปฐมนิเทศก่อนเข้ารับการศึกษา โดยยึดหลักจรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์ ที่จะต้องรับใช้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจากข้อมูลที่ได้มาของปี 2556 พบว่า นศพ.ปี 1 จะถูกผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าว นัดให้ไปถ่ายเป็นพรีเซนเตอร์ในช่วงก่อนกำหนดรายงานตัวเข้าศึกษา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหนือการควบคุมของคณะแพทยศาสตร์นั้นเอง”
ทั้งหมดนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่ทางพี่ ๆ ทีมข่าวการศึกษา เว็บไซต์เด็กดีดอทคอมไปสัมภาษณ์มานะครับ คงจะสยบข่าวลือได้ในระดับนึง แต่จะว่าไปแล้วทั้งหมดก็เป็นเรื่องภายในของคณะแพทยศาสตร์ ที่มองว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร แต่ในฐานะคนนอกอย่างพวกเราก็ต้องอย่าลืมว่า ให้ใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารด้วยเช่นกันครับ พี่ลาเต้ เชื่อว่าเด็กไทยไม่มีใครสามารถมาหลอกได้ง่ายๆ จริงไหมครับ ?