23 เมษายน 2556
ต้องยอมรับสิงคโปร์ประเทศเล็กๆ นั้น เหมือน “เล็กพริกขี้หนู” เพราะเจริญไปทุกด้าน มีฐานะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง พัฒนาไม่หยุดในทุกด้าน รวมทั้งการศึกษาก็ถือว่าสิงคโปร์ก้าวหน้ากว่าไทยมาก เป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียน และติดอันด้บท้ายแถวในระดับโลกด้วย เหตุนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) จึงไปดูงานด้านอาชีวะที่เมืองลอดช่อง
แต่อาชีวศึกษาของสิงคโปร์ที่สำเร็จได้นั้น มีหลายปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง ทั้งการทุ่มงบประมาณมหาศาลของรัฐบาล การเอาจริงเอาจัง และระบบการศึกษาทุกส่วนต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทั้งที่กว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ สิงคโปร์ก็เคยมีปัญหาด้านอาชีวศึกษาไม่ต่างกับไทย
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ปูพื้นให้ฟังว่า แต่ก่อนสิงคโปร์ก็เคยมีวิทยาลัยอาชีวศึกษากระจายตัวกว่า 10 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีนักเรียน/นักศึกษาตั้งแต่ 100-1,000 คน สุดท้ายมีการสั่งยุบรวมให้เป็นวิทยาลัยใหญ่ 3 แห่ง มาเป็นสถาบันเทคนิคการศึกษา หรือไอทีอี (Institute of Technical Education : ITE) ซึ่งมีนักเรียน/นักศึกษามาเรียนแต่ละแห่งตั้งแต่ 8,000-10,000 คน ขณะที่สถาบันไอทีอีเป็นสถาบันที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ต้องการทักษะทางช่างและช่างผีมือ มี 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันไอทีอีตะวันตก สถาบันไอทีอีกลาง และสถาบันไอทีอีตะวันออก โดยหลักสูตรที่ 3 สถาบันสอนเหมือนกัน คือ หลักสูตรธุรกิจและบริการ หลักสูตรวิศวกรรม หลักสูตรอิเล็กทรอนิกส์ และหลักสูตรสารสนเทศและการสื่อสารเทคโนโลยี
รัฐบาลได้กำหนดให้แต่ละสถาบันมีหลักสูตรเก่งเฉพาะด้าน ได้แก่ สถาบันไอทีอีตะวันออก จะถนัดด้านการอาหารและการบริการโรงแรม หลักสูตรบริการนวัตกรรม หลักสูตรขนส่งระบบราง และหลักสูตรเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัย สถาบันไอทีอีกลาง จะถนัดหลักสูตรเทคโนโลยีอากาศยานและการเดินทะเล หลักสูตรบริหารธุรกิจและการจัดการ และหลักสูตรวิศวกรรมดีไซน์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และสถาบันไอทีอีตะวันตก จะถนัดด้านหลักสูตรเคมีและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต หลักสูตรพยาบาลและบริการสุขภาพ หลักสูตรความงามและสุขภาพ และหลักสูตรเพื่อเป็นผู้ประกอบการ
“สิ่งที่ผมประทับใจการจัดการศึกษาของสถาบันไอทีอี คือ การวางหลักสูตร และการลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์การสอนรวมถึงจัดหาอาจารย์ผู้สอน เริ่มจากหลักสูตรมีการแบ่งสัดส่วนเรียนวิชาแกน 80% วิชาเลือก 5% วิชาทักษะชีวิต 15% ซึ่งที่นี่ไม่มีการเรียนวิชาสามัญ เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย เป็นต้น แต่เขาจะใช้เป็นวิชาทักษะต่างๆ เช่น วิชาทักษะการสื่อสาร ก็จะมีเนื้อหาภาษาเพื่อการสื่อสาร การสื่อสารเพื่อการพัฒนาบุคคล ที่ไม่จำกัดแค่ภาษาใดภาษาหนึ่ง ทั้งนี้ ไอทีอีให้เหตุผลว่า เพราะเด็กแต่ละคนได้เรียนวิชาสามัญมาตั้งแต่ระดับประถมและมัธยมแล้ว” นายชัยพฤกษ์กล่าว
นอกจากหลักสูตรที่ออกแบบเพื่อให้การเรียนการสอนเน้นการปฏิบัติแล้ว ความพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ฝึกภาคปฏิบัติ รัฐบาลให้ความสำคัญทุ่มงบประมาณมหาศาล เช่น สถาบันไอทีอีกลาง ที่ถนัดหลักสูตรเทคโนโลยีอากาศยานและการเดินทะเล รัฐบาลได้ให้งบจัดซื้อเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินเล็กส่วนบุคคล เรือเดินทะเล และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ปลดประจำการแล้ว รวมถึงจำลองอู่ซ่อมเครื่องบินให้นักเรียน/นักศึกษาให้ลองฝึกปฏิบัติ
ส่วนสถาบันไอทีอีตะวันตก ที่ถนัดหลักสูตรพยาบาลและบริการสุขภาพ ภาครัฐได้ให้งบประมาณสนับสนุนจัดซื้อหุ่นผู้ป่วยมีชีวิต ที่มีอาการเจ็บป่วยรูปแบบต่างๆ ตกราคาตัวละ 5 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณกว่า 11 ล้านบาท หลายสิบตัว รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ พยาบาล ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์โรงพยาบาลมาไว้ที่สถาบัน ซึ่งการลงทุนมหาศาลอย่างนี้ไม่ลำบากในบ้านเขา แต่ลำบากที่บ้านเราแน่
เลขาธิการ กอศ.สะท้อนว่า สอศ.ก็มุ่งหวังให้อาชีวศึกษาไทยมีความเข้มแข็งเช่นเดียวกับอาชีวศึกษาสิงคโปร์ ทำให้ที่ผ่านมามีความร่วมมือระหว่าง สอศ.กับสถาบันไอทีอีหลายประการ ทั้งการส่งครูอาจารย์หลายรุ่น หลายสาขาวิชาจากวิทยาลัยไปอบรมกับสถาบันไอทีอี ทั้งเรื่องการออกแบบหลักสูตร ออกแบบการสอน และออกแบบการประเมินผล เพื่อนำกลับมาปรับใช้กับหลักสูตรระดับ ปวช. และ ปวส. โดยเฉพาะหลักสูตรระดับ ปวส.นั้น ขณะนี้ สอศ.อยู่ในช่วงจัดทำใหม่ ตั้งเป้าจะออกแบบให้คล้ายกับหลักสูตรของสถาบันไอทีอี คือ ให้มีการเรียนวิชาทักษะชีวิตสัดส่วน 15% แบ่งเป็นรายวิชาและวิชาทักษะวิชาชีพและวิชาเลือก 85% นอกจากนี้ในอนาคตก็มีแผนจะยกระดับวิทยาลัยไทยประมาณ 4-5 แห่ง ที่มีความพร้อมให้ร่วมจัดการศึกษาให้มีรูปแบบเดียวกันกับสถาบันไอทีอี
“การเปลี่ยนอาชีวศึกษาครั้งนี้ไม่ง่าย แต่ก็ดีกว่าไม่ทำ วันนี้เราทำหลายอย่าง ทั้งการแลกเปลี่ยนนักเรียนและครูอาจารย์กับประเทศที่เข้มแข็งด้านอาชีวศึกษากับหลายประเทศที่เข้มแข็ง อย่างอิสราเอล เดนมาร์ก ญี่ปุ่น เยอรมนี ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการเปิดช่องทางให้การจัดการศึกษาอาชีวศึกษาของแต่ละวิทยาลัย สามารถเหมือนประเทศอื่นได้” นายชัยพฤกษ์กล่าว.
ที่มา: http://www.thaipost.net
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32485&Key=hotnews