Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

มธ.ระดมสมองผุดเครือข่ายอาเซียนศึกษา

22 มีนาคม 2556

มธ.ระดมสมองผุดเครือข่ายอาเซียนศึกษา

โพสต์ทูเดย์ ระดมสมองสร้างเครือข่ายด้านอาเซียนศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เตรียมพร้อมสู่ปี 2558   นายประภัสสร์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานประชุมเชิงวิชาการเพื่อสร้างเครือข่ายด้านอาเซียนศึกษาว่า ความท้าทายในการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียน ส่วนหนึ่งคือความเข้าใจที่ไม่ถ่องแท้ นำไปสู่ความตระหนก และหวาดกลัวเกินความเป็นจริง ดังนั้นมหาวิทยาลัยต่างๆ จึงจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายด้านอาเซียนศึกษาระหว่างกันในภูมิภาค
เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนเป็นกลไกความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะช่วยเสริมรากฐานการศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของภูมิภาคและสร้างความรู้ความเข้าใจในความเป็นคนอาเซียน
ศูนย์อาเซียนศึกษายังทำหน้าที่เป็นแหล่งอ้างอิงด้านอาเซียนในภูมิภาค โดยประสานงานเชื่อมโยงเครือข่ายกับฐานข้อมูลต่างๆ และการเป็นคลังสมองในประเด็นเกี่ยวกับอาเซียนเชิงลึกอีกด้วย
“การสร้างเครือข่ายด้านอาเซียนศึกษาให้สำเร็จ ต้องเริ่มจากสร้างเครือข่ายภายในประเทศเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ก่อนขยายความร่วมมือสู่ระดับภูมิภาคและนอกภูมิภาคต่อไป” นายประภัสสร์ กล่าว
น.ส.ชฎารัตน์ สิงหเดชากุล ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์อุดมศึกษาต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า สิ้นเดือน มี.ค.นี้ จะมีการประชุมเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนขึ้น คาดว่าจะหารือเรื่องการโอนหน่วยกิตระหว่างกันในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้เริ่มนำร่องใช้บ้างแล้วในกลุ่มสมาชิกผ่านโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน
ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายทั้งหมด 26 แห่ง จากทั้งหมด 10 ประเทศ โดยประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม 4 แห่ง ได้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยบูรพา

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32191&Key=hotnews

 

แห่สมัครมรภ.สุราษฎร์ กว่า 4 พัน คณะ ’ครุศาสตร์’ ฮิตสุด – สอบข้อเขียน 25 มี.ค.

22 มีนาคม 2556

แห่สมัครมรภ.สุราษฎร์ กว่า 4 พัน คณะ ‘ครุศาสตร์’ ฮิตสุด – สอบข้อเขียน 25 มี.ค.

นายประโยชน์ คุปต์กาญจนากุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มภาคีมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคใต้ ประกอบด้วย มรส. มรภ.นครศรีธรรมราช มรภ.สงขลา และ มรภ.ยะลา ได้เปิดรับสมัครนักศึกษาภาคปกติ ประจำปีการศึกษา 2556 ระหว่างวันที่ 11-15 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้สมัครเรียน มรส.จำนวน 4,007 คน โดยคณะครุศาสตร์ได้รับความนิยมสูงสุด มีผู้สมัครถึง 1,474 คน รองลงมา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 1,029 คน คณะวิทยาการจัดการ 805 คน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 296 คน คณะพยาบาลศาสตร์ 144 คน คณะนิติศาสตร์ 141 คน และวิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว 118 คน
อธิการบดี มรส.กล่าวต่อว่า ส่วนสาขาวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ รัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มีผู้สมัคร 455 คน รับได้เพียง 200 คน ตามด้วยสาขาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ 343 คน รับได้เพียง 32 คน และสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ 296 คน รับได้เพียง 32 คน
“ในปีการศึกษา 2556 ตั้งเป้าว่า จะรับนักศึกษาใหม่จำนวน 2,284 คน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับนักศึกษาบางส่วนผ่านระบบโควตา และผ่านโครงการโรดโชว์การศึกษาแล้ว แต่ปรากฏว่ามียอดผู้สมัครเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งผู้สมัครทั้งหมดจะต้องสอบคัดเลือกด้วยการสอบข้อเขียนในวันที่ 25 มีนาคม” อธิการบดี มรส.กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32192&Key=hotnews

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ การผลิตนักวิทยาศาสตร์ จะต้องเริ่มวางพื้นฐานความรู้ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา

22 มีนาคม 2556

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ การผลิตนักวิทยาศาสตร์ จะต้องเริ่มวางพื้นฐานความรู้ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ การผลิตนักวิทยาศาสตร์ เพื่อมาพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับประเทศ จะต้องเริ่มวางพื้นฐานความรู้ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาให้คลอบคุม
นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเยาวชนครั้งที่ 8 ภายใต้แนวคิดวิทยาศาสตร์และการสร้างสรรค์ ว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากรจัดขึ้น เพื่อเป็นการนำเสนอผลงานของผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ และเพื่อกระตุ้นให้เด็กและเยาวชน กลับมาสนใจที่จะเรียนสายวิทยาศาสตร์มากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างนักวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา สสวท. ได้สร้างนักวิทยาศาสตร์มาแล้วกว่า 2,000 คน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ และประเทศไทยยังต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมาพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ โดยต้องเริ่มปูพื้นฐานความรู้ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาให้คลอบคุม อีกทั้งในขณะนี้ประเทศต่าง ๆ มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก
ขณะที่ภายในงาน ประกอบด้วยกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมงานมากมาย เช่น การนำเสนอผลงานวิจัย ทั้งแบบการบรรยายและแบบโปสเตอร์ การจัดนิทรรศการแสดงผลงานวิจัย และโครงงานของนักเรียนนักศึกษาอีกกว่า 400 ผลงาน

ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32202&Key=hotnews

ดัน ดิเรก นั่งประธานคุรุสภา

8 กรกฎาคม 2551

นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษา ธิการ เปิดเผยความคืบหน้าการแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการคุรุสภา ว่า หลังจากที่คณะกรรมการสรรหาประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา ได้เสนอรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาในตำแหน่งประธาน และ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านกฎหมาย ด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ การศึกษาพิเศษ อาชีวศึกษา และบริหารการศึกษา โดยเสนอมาตำแหน่งละ 4 รายชื่อเพื่อให้คัดเลือกเหลือเพียงตำแหน่งละ 1 รายชื่อนั้น ขณะนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. ศึกษาธิการและตน ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือก รายชื่อประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 ด้าน และได้นำรายชื่อบอร์ดคุรุสภาดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ทราบว่าขณะนี้เลขาธิการ ครม.กำลังตรวจสอบรายชื่อและคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่มองว่าการเสนอรายชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากมีเด็กฝากนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องของเด็กฝากแน่นอน แต่สาเหตุที่ทำให้การเสนอชื่อล่าช้าเป็นเพราะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อมาทั้งหมด ซึ่งมีถึง 32 คน แต่ต้องเลือกเหลือเพียง 8 คนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งประธานคณะกรรมการคุรุสภาคนใหม่ ที่ได้รับการสรรหามา 4 รายชื่อ ได้แก่ ดร.ดิเรก พรสีมา อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายปริญญา กุลกรวยทอง อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ นายสงขลา วิชัยขัทคะ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ศ.ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภาซึ่งรายชื่อที่ รมว. ศึกษาธิการและ รมช.ศึกษาธิการคัดเลือก และ  นำเสนอ ครม. คือ ดร.ดิเรก พรสีมา อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ.

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2439&Key=hotnews

กยศ.อึ้งจำนวนผู้ขอกู้เรียนเกินเป้า 1 แสนราย

8 กรกฎาคม 2551
หลังจากที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ขยายเวลาในการชำระเงินกู้คืน กยศ. จากเดิมวันที่ 5 กรกฎาคม 2551 เป็นวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการชำระเงินกู้ กยศ. ปรากฏว่าที่ธนาคารกรุงไทยสาขาต่าง ๆ ได้มีผู้กู้จำนวนมากที่ครบกำหนดต้องชำระเงินคืนได้ไปติดต่อขอชำระเงินกู้ แต่กลับไม่สามารถชำระได้ เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคารเกิดขัดข้อง

ซึ่ง นายบุญชัย ศศิวงศ์   ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการภาครัฐ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าระบบของธนาคารกรุงไทยมีปัญหาขัดข้องจริง แต่หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถรับชำระได้ตามปกติ และหลังจากนี้ผู้ที่มาชำระล่าช้ากว่าที่กำหนดจะต้องจ่ายเบี้ยปรับด้วย โดยกรณีค้างชำระไม่เกิน 12 เดือนจะมีเบี้ยปรับ 12% ถ้าค้างเกิน 12 เดือน เบี้ยปรับ 18% ของยอดที่ค้างชำระ ทั้งนี้คงไม่สามารถยืดเวลาการชำระหนี้ออกไปได้อีกแล้ว  เนื่องจากเป็นระเบียบของ กยศ. ที่กำหนดให้ชำระได้ถึงแค่วันที่ 7 กรกฎาคม 2551

รศ. นพ. ธาดา มาร์ติน
รศ. นพ. ธาดา มาร์ติน

ด้าน รศ.นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยถึงจำนวนผู้ที่ยื่นขอกู้ยืมประจำปีการศึกษา 2551 ซึ่งหมดเขตยื่นขอกู้ไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมาว่า จากข้อมูลพบว่ามีผู้มายื่นขอกู้กยศ.ผ่านระบบออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต รวมประมาณ 9 แสนราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเป้าหมายที่ กยศ. คาดการณ์ไว้มาก เพราะ กยศ. ตั้งเป้าไว้แค่ 8 แสนรายเท่านั้น ซึ่งการที่มีผู้ยื่นขอกู้เพิ่มขึ้นจำนวนมากนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีการขยายเพดานรายได้ครอบครัวของผู้ที่มีสิทธิกู้ กยศ. จากเดิมรายได้ครอบครัวต้องไม่เกิน 1.5 แสนบาทต่อปี ได้ขยายเป็นไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี จึงทำให้ผู้มีสิทธิขอกู้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

ขณะนี้ กยศ.กำลังเร่งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอกู้ว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ตลอดจนตรวจสอบข้อเท็จจริง ความจำเป็นของผู้กู้ และงบประมาณที่จะต้องใช้ เนื่องจากเกินกว่าวงเงินที่ กยศ. ได้รับจากสำนักงบประมาณ ดังนั้นขณะนี้จึงยังสรุปไม่ได้ว่าจะให้กู้ได้ตามวงเงินที่กำหนดหรือไม่ หรือจะต้องเสนอของบประมาณเพิ่มเติม แต่ กยศ.จะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด” ผจก.กยศ.กล่าว.

 

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.dailynews.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2438&Key=hotnews

เยี่ยมร.ร.”สามเสนวิทยาลัย”ปั้นนักเรียน เติมความรู้คู่ประสบการณ์ชีวิต

8 กรกฎาคม 2551

“สิ่งที่นักเรียนโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้รับ ไม่ใช่ความรู้ด้านวิชาการอย่างเดียว แต่ทุกคนได้รับความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งการเรียน กิจกรรมเสริมประสบการณ์ชีวิต คุณธรรม จริยธรรม ความมีระเบียบวินัย การมีน้ำใจ และความสุข

เพราะโรงเรียนแห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 มอบความอบอุ่นความรัก ความรู้ และประสบการณ์ชีวิตมากมายแก่นักเรียน” น้องโบว์น.ส.ทรรทิราทรสุนทรินทร์ นักเรียนชั้นม.6 และกรรมการนักเรียนฝ่ายประชาสัมพันธ์ ร.ร.สามเสนวิทยาลัยเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

          โรงเรียนแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี2498 นับถึงปัจจุบันย่างเข้า53 ปีบนพื้นที่กว่า 22 ไร่จัดการเรียนการสอน 2 รูปแบบคือ ภาคปกติกับภาคอินเตอร์ มีนักเรียนทั้งหมด 3,000-4,000 คนภายใต้การดูแลของ “นายวิศรุต สนธิชัย” ผอ.ร.ร.สามเสนวิทยาลัยคนปัจจุบันได้เน้นการเรียนการสอนด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับการให้นักเรียนทำกิจกรรม ทั้งกีฬา ดนตรี ปลูกผัก ฯลฯ เพื่อให้นำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตและอยู่ในสังคม

อาคารทั้ง10 อาคารทุกๆ ห้องล้วนอัดแน่นไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ชีวิตมากมายให้นักเรียนเลือกเรียนรู้ได้ตามความชอบ ความถนัด เช่น ห้องไอซีที หรือห้องแล็บภาษาอังกฤษ ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องดนตรี ฯลฯ เว้นแต่ห้องคุณธรรมจริยธรรม แปลงเกษตรที่โรงเรียนให้ทุกคนเข้าร่วม เพื่อให้รู้ถึงอาชีพหลักของคนไทย ไม่ลืมอาชีพบรรพบุรุษ รู้จักปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และสัมผัสธรรมชาติ พร้อมปลูกฝังให้เป็นคนดี มีคุณธรรม น้องโบว์บอกถึงกิจกรรมของโรงเรียน

          น้องโบว์บอกด้วยว่าโรงเรียนยังมีโครงการให้รุ่นพี่รุ่นน้องได้เรียนรู้ เสริมสร้างความรัก สามัคคี และแบ่งปันความรู้ เช่น โครงการพี่ม.6 สอนการบ้านน้องม.1 ทุกเช้าก่อนเข้าเรียน, Chat วิชาการ ปรึกษาตอบปัญหาการเรียน, สามเสนคัพสามเสนสตรีทบาส แข่งกีฬากระชับมิตร โดยเฉพาะโครงการพี่ ม.6 สอนการบ้านน้อง ม.1 นอกจากช่วยเชื่อมสัมพันธ์น้องพี่แล้ว ทำให้น้อง ม.1 ได้ความรู้และพี่ๆ ม.6 ก็ได้ทบทวนความรู้รวมถึงโรงเรียนได้เสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิชาการเพิ่มเติม ล่าสุดห้องไอซีทีได้นำโปรแกรม English Discoveries มาใช้ในการเรียนรู้เพิ่มทักษะการฟังพูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ ด้วยตนเองควบคู่กับการเรียนในห้องเรียน

“English Discoveries เป็นการเรียนรู้ที่ชอบมากทำให้ได้ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษา การทดสอบสำเนียงการพูดของตัวเรากับเจ้าของภาษา การฟังบทสนทนา ทุกเรื่องสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาตัวเอง ทำให้อยากเรียนรู้มากกว่าการบังคับเรียน” น้องโบว์บอกเล่าประสบการณ์

อ.สมสุขไวยพุฒ หัวหน้ากลุ่มสาระภาษาต่างประเทศร.ร.สามเสนวิทยาลัย เล่าเสริมว่า โรงเรียนมีห้องไอซีที 1 ห้อง มีคอมพิวเตอร์ 58 เครื่องให้เด็กได้เข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติมและพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ โดยมีโปรแกรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากมายให้เด็กเลือก เช่น โปรแกรม English Discoveries ซึ่งเด็กเรียนรู้ได้ด้วยตนเองพร้อมกับการฝึกฝนพัฒนาเพราะจะมีคะแนนให้เด็กได้รู้ว่าตอนนี้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว

ห้องไอซีทีจะเปิดให้บริการนักเรียนตั้งแต่07.30-17.00 น. เข้ามาใช้ได้ในช่วงพักเที่ยง และหลังเลิกเรียนส่วนเวลาเรียนได้จัดแบ่งเวลาให้แต่ละห้อง เพื่อให้เด็กทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ เพราะภาษาอังกฤษมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคต อ.สมสุขแจกแจง

เชื่อว่าการเติมความรู้และประสบการณ์ชีวิตของร.ร.สามเสนวิทยาลัยจะช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมก้าวสู่โลกภายนอกได้เป็นอย่างดี สนใจเยี่ยมชมโรงเรียนติดต่อโทร.0-2279-1992, 0-2279-2429, 0-2278-2997, www.samsenwit.ac.th

0 ชุลีพร อร่ามเนตร /เรื่อง-ภาพ

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.komchadluek.net

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2437&Key=hotnews

ศธ.สั่ง5องค์กรหลักคัด10หนังสือดีเด่น

8 กรกฎาคม 2551

นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานของคณะกรรมการคัดสื่อสิ่งพิมพ์ที่ดี มีประโยชน์และสร้างสรรค์สังคม ของ ศธ.ว่า เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับงานของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่จัดระดับความเหมาะสมของสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยการศึกษาวิจัยสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภท จัดระดับความเหมาะสม การคัดเลือกสื่อที่ดี การตีความข้อความหรือภาพที่นำเสนอของสื่อสิ่งพิมพ์ การหามาตรการลดภาษี เป็นต้น ศธ.จึงปรับรูปแบบการทำงานโดยให้หน่วยงานใน ศธ. ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) คัดเลือกหนังสือดีเด่นและสร้างสรรค์สำหรับเด็ก เยาวชน ครอบครัว และหนังสือที่เหมาะสมกับสังคม อาทิ หนังสือระดับอนุบาล หนังสือระดับประถมศึกษา หนังสือระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หนังสือระดับมัธยมตอนปลาย เป็นต้น หน่วยงานละ 10 เรื่อง เพื่อจะนำหนังสือดังกล่าวมาประกาศให้ผู้ปกครองและบุคคลทั่วไปได้ทราบว่าเป็นหนังสือที่ผ่านการตรวจสอบจาก ศธ.แล้ว

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.matichon.co.th/khaosod

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2436&Key=hotnews

สพฐ.เล็งช่วยเด็กจนเพิ่ม

8 กรกฎาคม 2551

นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดูแลโรงเรียนที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มได้ รวมถึงดูแลผู้ปกครองที่ไม่ใช่ข้าราชการซึ่งจะไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายเหมือนกับข้าราชการนั้นว่า ปกติ ศธ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ดูแลเด็กยากจนอยู่แล้ว ด้วยการจัดงบฯปัจจัยพื้นฐานให้แก่เด็กที่ยากจน โดยปีนี้จัดให้เด็กระดับประถมศึกษาคนละ 1,000 บาทต่อปี จำนวนร้อยละ 30 ของนักเรียนทั้งหมด ขณะที่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นให้คนละ 3,000 บาทต่อปี จำนวนร้อยละ 20 ของนักเรียนทั้งหมด อีกทั้งยังมีทุนการศึกษาและทุนช่วยเหลือต่างๆ อาทิ ทุนภูมิทายาทที่ให้แก่เด็กยากจนในจังหวัดทางภาคใต้ จำนวนกว่า 900 ทุน เป็นต้น

“เงินที่เด็กยากจนได้รับนี้ ถ้าเด็กใช้อย่างประหยัดก็สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ ซึ่งคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ. ได้ให้แนวทางไว้ว่าจะต้องขยายการช่วยเหลือปัจจัยพื้นฐานแก่เด็กยากจนเพิ่มขึ้นเป็นเฟสๆ โดยปีหน้าจะขอขยายการช่วยเหลือระดับประถมศึกษา จากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 และในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 เพื่อที่ต่อไปจะสามารถเรียนฟรีได้ทั้ง 100% ซึ่งจะเห็นว่า สพฐ.ไม่ได้ทอดทิ้งเด็กยากจน ยังให้การดูแลเหมือนเดิม” รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าว

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.matichon.co.th/matichon

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2435&Key=hotnews

สช.ดิ้นอุ้ม ร.ร.เอกชนงัดมาตรา 6 สู้-ต่ออายุประกันสังคม (

8 กรกฎาคม 2551

สช.ดิ้นช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ร.ร.เอกชน ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาวินิจฉัยหาทางรับมือมาตรา 86 ของ พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน ชง 2 ทางเลือก ระหว่างให้ รมต.ศธ.ใช้มาตรา 6 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ ร.ร.เอกชนไม่ต้องออกจากประกันสังคม หรืออาศัยมติ ครม.ต่ออายุประกันสังคม

นายสำรวม พฤกษเสถียร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า สช.สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเจ้าหน้าที่โรงเรียนเอกชนที่ถูกมาตรา 86 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 บังคับให้ออกจากกฎหมายประกันสังคม ด้วยวิธีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการใช้อำนาจตามมาตรา 6 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ยกเว้นให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเอกชนไม่ต้องออกจากกฎหมายประกันสังคม หรือสามารถใช้มติคณะรัฐมนตรีคุ้มครองชั่วคราวให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนเอกชนไม่ต้องออกจากกฎหมายประกันสังคมได้หรือไม่

“คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทราบปัญหาตามที่ผมเป็นตัวแทนของ สช.และรับทราบข้อมูลจากตัวแทนโรงเรียนเอกชน เป็นผู้ชี้แจ้งไปว่าเจ้าหน้าที่โรงเรียนเอกชนได้รับความเดือดร้อนจาก พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนจริงๆ เวลานี้ สช.รอคำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ หลังจากกฤษฎีกาตอบกลับมาแล้ว สช.จะทำเรื่องเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณา หากได้รับความเห็นชอบ สช.จะดำเนินการตามนั้น เพื่อเร่งแก้ปัญหา” นายสำรวมกล่าว

น.ส.จินตนา ธรรมวานิช นายกสมาคมโรงเรียนอนุบาลแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น ได้ข้อสรุปว่าจะมีการช่วยเหลือลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 86 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนแน่นอน กฤษฎีการายหนึ่งซึ่งเคยร่วมในการพิจารณา พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ระบุด้วยว่า ไม่เคยคิดว่า พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนที่กฤษฎีกาผ่านร่างกฎหมายไปนั้นจะทำร้าย ทำให้ลูกจ้างโรงเรียนเอกชนต้องเสียสิทธิ์ แต่ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อยุติว่าวิธีช่วยเหลือลูกจ้างโรงเรียนเอกชนจะเป็นอย่างไร

อนึ่ง มาตรา 6 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ระบุว่า กรณีมีเหตุจำเป็นรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการจะประกาศให้โรงเรียนใดได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้ในเรื่องใดก็ได้ ส่วนมาตรา 86 กำหนดให้ผู้อำนวยการ ครู เจ้าหน้าที่โรงเรียนเอกชนออกจากกฎหมายคุ้มครองแรงงานกฎหมายแรงงานสัมพันธ์และกฎหมายประกันสังคม–
จบ–แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.komchadluek.net

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2432&Key=hotnews

ร้องเว็บสกอ.ถูกละเมิดทางเพศขณะฝึกงานกว่า20ราย

8 กรกฎาคม 2551

“สุเมธ” เผย นศ.ร้องถูกล่วงละเมิดทางเพศขณะฝึกงาน เตรียมสอบสวนข้อเท็จจริง วอนมหาวิทยาลัยช่วยสอดส่องคุ้มครองนศ. ชี้มีกว่า 20 ราย ร้องอาจารย์ประพฤติผิดทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย เดินหน้าเก็บข้อมูลผ่านเว็บ หวังจัดทำนโยบายคุมเข้ม

จากกรณีที่ ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (มอบ.) ถูกนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน แจ้งความกรณีกระทำอนาจารเพื่อแลกเกรด ซึ่งล่าสุดถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง สั่งพักราชการและถูกแจ้งดำเนินคดีอาญาแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดเว็บ www.mua.go.th./clean  หรือ www.mua.go.th  “นิสิตนักศึกษาร่วมใจ สร้างความสดใสให้สถาบัน” รับเรื่องร้องเรียนกรณีการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ของอาจารย์ ที่ปฏิบัติต่อนักศึกษา หรือพฤติกรรมของอาจารย์ที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม ว่าขณะนี้มีนักศึกษา อาจารย์ หรือบุคคลที่พบเห็นเหตุการณ์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของอาจารย์ ร้องเรียนมากว่า 20 คน ซึ่งส่วนมากเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาทิ ถูกลวนลามทางสายตา ถูกล่วงละเมิดทางเพศนอกมหาวิทยาลัย หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศระหว่างออกไปฝึกงาน เป็นต้น แต่ทั้งหมดไม่ได้มีการรายงานชื่ออาจารย์ ตำแหน่ง หรือมหาวิทยาลัยที่ชัดเจน มีอาจารย์เพียง 4 คนเท่านั้น ที่ถูกร้องเรียน มีชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง และมหาวิทยาลัยที่ชัดเจน

ดร.สุเมธกล่าวต่อว่า หลังจากได้ข้อมูลจากผู้ที่เข้ามาร้องเรียนแล้ว ทำให้เห็นได้ว่า มีกรณีที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะสกอ.ยังสอบสวนข้อเท็จจริงไม่เสร็จสิ้น ซึ่งหลังจากทราบข้อเท็จจริง ก็จะประสานไปยังมหาวิทยาลัยให้เป็นผู้รับผิดชอบลงโทษต่อไป เนื่องจากข้อมูลทุกอย่าง สกอ.เก็บเป็นความลับ และดำเนินการสอบสวนอย่างลับๆ ไม่เปิดเผย จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้ ดูจากจำนวนนักศึกษาที่เข้ามาร้องเห็นได้ว่าเป็นเพียงอาจารย์ส่วนน้อยเท่านั้น ไม่ใช่อาจารย์ทั้งหมด

เลขาธิการ กกอ.กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่มีผู้เข้ามาร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นกับนักศึกษา โดยเฉพาะกรณีการล่วงละเมิดทางเพศนักศึกษาระหว่างไปฝึกปฏิบัติงาน ทั้งในสถานประกอบการ และสถานที่ราชการ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน จึงขอให้นักศึกษาที่ถูกกระทำ แจ้งข้อมูลแก่ สกอ. เพื่อนำมาวิเคราะห์ และกำหนดเป็นนโยบาย กฎ ระเบียบเรื่องนี้อย่างชัดเจนมากขึ้น และฝากมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญ ดูแลตรวจสอบเรื่องนี้ รวมไปถึงคุ้มครองนักศึกษาขณะไปฝึกปฏิบัติงานอีกด้วย ส่วนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวคาดว่า ต้องใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ จึงจะสามารถตรวจสอบได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีอาจารย์ล่วงละเมิดทางเพศนักศึกษาหรือไม่

“ผมได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อ กกอ. ซึ่งคณะกรรมการเห็นด้วยว่าการแก้ไขปัญหาไม่ใช่หน้าที่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกมหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ขั้นตอนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยต้องมีกลไกในการคัดกรองคนอย่างไร และเมื่อรับมาแล้วต้องดูแลให้ครูอาจารย์มีความรู้เรื่องคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู เป็นต้น” ดร.สุเมธกล่าว

เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่มีผู้ปกครองเตรียมยื่นฟ้องร้อง ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดี มอบ. กรณีเพิกเฉย ไม่ลงโทษวินัย ผศ.จักรฤทธิ์ เมื่อครั้งมีผู้ปกครองร้องเรียนว่าลูกสาวถูก ผศ.จักรฤทธิ์ทำอนาจารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับ ศ.ดร.ประกอบแล้ว ถ้าเป็นกรณีเด็กคนเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยได้ลงโทษภาคทัณฑ์อาจารย์คนดังกล่าวแล้ว และไม่ให้อยู่กับนักศึกษาสองต่อสองในห้องพัก อีกทั้งขณะนั้นไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่สามารถทำอะไรได้

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง http://www.komchadluek.net

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2431&Key=hotnews