Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

เล็งผุดแผนแม่บทไอซีทีการศึกษา

12 พฤศจิกายน 2556

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษนโยบาย Smart Education เพื่อคุณภาพการศึกษา ณ ศูนย์การประชุมวายุภักษ์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่า กำลังให้ช่วยกัน คิดว่าควรจะมีอัตราครูด้านเทคโนโลยีการศึกษาให้เพียงพอได้อย่างไร โรงเรียนหนึ่ง จะมีครูด้านนี้หนึ่งคนได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะรับจากผู้ที่จบการศึกษาด้านนี้อยู่แล้วหรืออาจใช้วิธีการอบรมพัฒนาครูที่มีอยู่ แต่เรื่องใหญ่มากของประเทศไทย คือ การคิดวางแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการที่จะทำให้คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ต้องเป็นเรื่องการพัฒนาเนื้อหาสาระ แบบเรียน บทเรียน แบบฝึกหัดและบททดสอบที่จะนำมาใช้ในลักษณะของแอพพลิเคชั่น ที่จะใช้ในการเรียนการสอน โดยการวางแผนนี้ ต้องรีบทำ จะทำให้มีการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาในการเรียนการสอนสมัยใหม่ได้เร็วขึ้น เป็นระบบและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34743&Key=hotnews

คอลัมน์: สถานีก.ค.ศ. : เงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2556 และ ปี 2557

11 พฤศจิกายน 2556

ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
สวัสดีค่ะเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน หลายท่านคงได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับมติการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 กันไปบ้างแล้วว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรอง (การกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ) ปี 2556 และปี 2557 และเห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนและจำนวนเงิน ที่ได้ปรับตามคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรอง (การปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ) ปี 2556 และปี 2557 ตามที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอ โดยมีหลักการที่สำคัญในการปรับอัตราเงินเดือนดังกล่าวคือ

1.) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท

2.) การกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องกำหนดให้ใกล้เคียงกับข้าราชการพลเรือนสามัญ และ

3.) การกำหนดอัตราเงินเดือนนั้นจะต้องยึดโยงตามบัญชีเงินเดือนชั่วคราวของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

ซึ่งจากมติ ครม.ที่เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ และการปรับอัตราเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในปี 2556 และปี 2557 นี้ จะส่งผลให้

1.ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุที่สูงขึ้น เช่น คุณวุฒิปริญญาตรี 4 ปี เดิม ในวันที่ 1 มกราคม 2555 ได้รับเงินเดือนในอัตรา 11,920 บาท เงินเดือนใหม่ในปี 2556 จะได้รับในอัตรา 13,470 บาท และปี 2557 จะได้รับในอัตรา 15,050 บาท คุณวุฒิปริญญาโททั่วไป จากเดิมในวันที่ 1 มกราคม 2555 ได้รับเงินเดือนในอัตรา 15,430 บาท เงินเดือนใหม่ในปี 2556 จะได้รับในอัตรา 16,570 บาท และปี 2557 จะได้รับในอัตรา 17,690 บาท เป็นต้น

2.สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในครั้งนี้ คือผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2556 ก็จะได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น ในวันที่ 1 มกราคม 2556 เช่น คุณวุฒิปริญญาตรี 4 ปี อันดับครูผู้ช่วย ช่วงอัตราเงินเดือนที่จะได้รับการปรับชดเชย คือ อัตรา 11,920-17,690 บาท อันดับ คศ 1 ช่วง 11,920-23,360 บาท และปี 2557 ในวันที่ 1 มกราคม 2557 คุณวุฒิปริญญาตรี 4 ปี อันดับครูผู้ช่วย ช่วงอัตราเงินเดือนที่จะได้รับการปรับชดเชย คือ อัตรา 13,470-17,690 บาท อันดับ คศ 1 ช่วง 13,860-25,240 บาท เป็นต้น

ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการปรับอัตราเงินเดือนทั้ง 2 กรณีดังกล่าวข้างต้น ให้ใช้เงินเหลือจ่ายจากส่วนราชการก่อน หากไม่พอให้ใช้จ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ สำนักงาน ก.ค.ศ.จะได้มีหนังสือแจ้งไปยังส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้ นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น สำนักงาน ก.ค.ศ.จะเร่งดำเนินงานด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้เกิดผลอย่างต่อเนื่องต่อไป และพบกันใหม่ในวันจันทร์หน้าค่ะ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34727&Key=hotnews

 

นำผลประเมินคณะขึ้นเว็บครั้งแรก สมศ.ชี้เป็นข้อมูลให้น.ร.เลือกสถาบัน

11 พฤศจิกายน 2556

นายมณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ (สมศ.) เปิดเผยกรณีที่ สมศ.พัฒนาตัวบ่งชี้การประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 (พ.ศ.2559-2563) โดยอิงการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ให้น้ำหนักกับการประเมินผลผลิต ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์มากกว่าเอกสาร ว่า เกณฑ์การประเมินดังกล่าว ได้ระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายรอบ ไม่ใช่ สมศ.คิดเอง และการประเมินรอบสี่ สมศ.จะให้ความสำคัญกับผู้ประเมิน โดยจะคัดกรองแบบเข้มข้น และอนาคตอาจจะเพิ่มการสอบและออกใบประกาศนียบัตรรับรองการเป็นผู้ประเมินคุณภาพภายนอกให้ จากปัจจุบันที่จะมีเฉพาะบัตรประจำตัวผู้ประเมินคุณภาพภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเกี่ยวกับผู้ประเมินคุณภาพภายนอก เมื่อตรวจสอบและพบว่าผิดจริง ก็จะปลดพร้อมทั้งปิดศูนย์ของผู้ประเมินนั้นๆ

“การประเมินรอบสี่ สมศ.จะประกาศให้สาธารณชนรับทราบผ่านเว็บไซต์ของ สมศ. ว่า สถาบันการศึกษาแห่งใดได้รับการรับรองหรือไม่ได้รับการรับรอง พร้อมทั้งประกาศแบบเจาะลึกเป็นรายคณะและโปรแกรมวิชา ไม่ใช่ประกาศเหมารวมเป็นรายมหาวิทยาลัย ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ จากปัจจุบันที่จะเข้าไปดูได้เฉพาะสถานศึกษาเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ปกครอง และนักเรียนมีข้อมูลในการเลือกที่จะเข้าศึกษาในทุกระดับการศึกษา” ประธานกรรมการบริหาร สมศ. กล่าว และว่า สมศ.อยากให้สถานศึกษา รวมถึงต้นสังกัด นำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาสถานศึกษา เพราะ สมศ.เปรียบเหมือนหมอวิชาการ แต่ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหรือไม่ ก็อยู่ที่คนไข้ดูแลรักษาตัวเอง

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34729&Key=hotnews

‘มศว’ เผยสาระประชุมอธิการบดีทวีปเอเชีย

8 พฤศจิกายน 2556

‘มศว’ เผยสาระประชุมอธิการบดีทวีปเอเชีย

ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากที่ตนเดินทางไปร่วมประชุมอธิการบดีของมหาวิทยาลัยทวีปเอเชีย 22 ประเทศ ครั้งที่ 12 ณ มหาวิทยาลัยปะลิส ประเทศมาเลเซีย นั้น การประชุมดังกล่าวมีต่อเนื่องกันมาทุกปี โดยมหาวิทยาลัยผู้ริเริ่มประกอบด้วย มศว มหาวิทยาลัยสยามและอีก 2 มหาวิทยาลัยของประเทศจีน ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกเกือบ 30 ประเทศ ประมาณ 100 มหาวิทยาลัย เป็นเวทีการประชุมวิชาการการบริหารมหาวิทยาลัยในระดับอธิการบดี ซึ่งปีนี้กิจกรรมเริ่มด้วยปาฐกถาของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ การศึกษาดูงานวิทยาเขตใหม่ของมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ การเรื่องวิสัยทัศน์การศึกษาของยุโรปปี 2020 ตามด้วยการบรรยายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้เรื่องการบริหารมหาวิทยาลัยในยุคของการเปลี่ยนแปลง การนำเสนอเรื่องราวของมหาวิทยาลัยของประเทศจีน ญี่ปุ่น อิหร่าน ไทย อินเดีย อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศ มีสาระด้านการบริหารสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นประโยชน์มาก ทำให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยไทย หมายรวมถึงผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน และนิสิต จะต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อวงการอุดมศึกษาของเอเชียในอนาคต

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34718&Key=hotnews

มรภ.สงขลา-นิวซีแลนด์สานต่อ ป.เอก เปิดวงวิชาการความร่วมมือด้านพัฒนาอาจารย์

8 พฤศจิกายน 2556

ดร.พิพัฒน์ ลิมปนะพิทยาธร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงโครงการสัมมนาแนะแนวการศึกษาต่อระดับปริญญาเอกและทุนการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ มรภ.สงขลา ว่า จากการสำรวจความต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาเอกของอาจารย์และบุคลากรภายในคณะวิทยาศาสตร์ฯ ที่เข้าร่วมอบรมโครงการแนะแนวการศึกษาต่อระดับปริญญาเอกทั้งในและต่างประเทศ พบว่าอาจารย์และบุคลากรมีความสนใจจะศึกษาต่อระดับปริญญาเอกเพิ่มมากขึ้น จึงมอบนโยบายให้ ผศ.ดร.พลพัฒน์ รวมเจริญ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ จัดสัมมนาแนะแนวการศึกษาต่อระดับปริญญาเอกและทุนการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัยแคนเทอร์บิวรี่ มหาวิทยาลัยเวลลิงตัน เป็นต้น มาบรรยาย ซึ่งการสัมมนาดังกล่าวทำให้อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ฯ และอาจารย์ผู้สนใจจากภายนอก ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก และทุนการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ รวมทั้งการเตรียมตัวเพื่อการศึกษาต่อ ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งหวังในการพัฒนาบุคลากร อันเป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์ฯ และมรภ.สงขลา

ด้าน ผศ.ดร.พลพัฒน์กล่าวว่า เป้าหมายในการสัมมนาครั้งนี้ เพื่อแนะนำระบบการศึกษา มหาวิทยาลัย และข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก ซึ่งนอกจากจะสัมมนาให้ความรู้แก่อาจารย์และบุคลากรแล้ว ยังมีการประชุมปรึกษาหารือระหว่างตัวแทนของมหาวิทยาลัยดังกล่าวกับคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ฯ และผู้บริหาร มรภ.สงขลา นำโดย รศ.ดร.สุนทร โสตถิพันธุ์ อธิการบดี เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาอาจารย์ในอนาคตอีกด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ฯ คณะวิทยาการจัดการ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะศิลปกรรม คณะเทคโนโลยีการเกษตร มรภ.สงขลา และมหาวิทยาลัยอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ผศ.ดร.พลพัฒน์ กล่าวว่า ผลจากการสัมมนานอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้อาจารย์สนใจศึกษาต่อระดับปริญญาเอกมากขึ้น และเห็นถึงแนวทางในการวางแผนการพัฒนาตนเองแล้ว การเจรจาความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยจากทั้ง 2 ประเทศ ในการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน โดยเบื้องต้นเป็นการทำความรู้จักกันก่อน และจะมีกิจกรรมร่วมกันต่อไป

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34720&Key=hotnews

แนะ สมศ.ประเมินสถานศึกษาเน้นความร่วมมือ-ไม่ใช่ชิงเด่น

8 พฤศจิกายน 2556

ASTVผู้จัดการรายวัน – “พงศ์เทพ”แนะ สมศ.พัฒนาระบบประเมิน เน้นสร้างความร่วมมือของสถานศึกษามากกว่าให้เกิดการชิงดีชิงเด่นกัน

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การประกันคุณภาพการศึกษา” ในการประชุมวิชาการนานาชาติ ประจำปี 2556 ภายใต้แนวคิด “คุณภาพ ศิษย์สะท้อนคุณภาพครู” ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันมาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญในทุกแวดวง ซึ่งรวมถึงสถาบันการศึกษาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถูกประเมินคุณภาพได้ ดังนั้น สิ่งที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งรับภาระหน้าที่เป็นผู้ประเมิน จึงมีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยขณะนี้ตนเชื่อว่ามีหลายคนที่อยากถามสมศ.ว่า การที่ สมศ.เข้าไปประเมิน และรับรองคุณภาพมาตรฐานของสถาบันการศึกษานั้น มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนคิดว่าเมื่อไหร่ที่ผลการประเมินของ สมศ.สามารถทำให้ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สถานศึกษา ครู ผู้ปกครองและนักเรียนนำไปใช้ประโยชน์ ก็จะทำให้ภาระหน้าที่ของ สมศ.ที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ เพราะผลการประเมินเป็นที่เชื่อถือได้

“ที่ผ่านมา สมศ.จะถูกบ่นเสมอว่าการประกันคุณภาพภายนอกทำให้สถานศึกษาต้องมาเสียเวลา และทำงานซ้ำซ้อนเพราะมีการประกันคุณภาพภายในแล้วผมจึงได้บอกกับประธานบอร์ด สมศ.ว่าในฐานะที่เราเป็นผู้ประเมินคุณภาพภายนอกจะต้องจัดระบบใหม่ร่วมกับการประเมินคุณภาพภายใน โดยให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกและลดภาระให้มากที่สุดได้ความจริงมากที่สุด ไม่มีการจัดฉากเพราะไม่มีใครอยากเห็นผักชีโรยหน้า”นายพงศ์เทพ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เมื่อ สมศ.จะเข้าไปประเมินก็เกิดผลกระทบข้างเคียง คือการแข่งขันระหว่างสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงหน่วยงานในสถาบันการศึกษาเดียวกัน ทำให้ต่างคนต่างรู้สึกว่า

อยากทำงานของตนเองให้ดีกว่าคนอื่น จึงทำให้ขาดความร่วมมือกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะถ้าร่วมกันทำจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดย สมศ.ต้องไปพัฒนาระบบการประเมินให้เกิดความร่วมมือ มากกว่าการแข่งขัน

ด้าน ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ผอ.สมศ. กล่าวว่า จากการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. ได้สะท้อนภาพความจริงให้แก่สถานศึกษาได้ทราบถึงระดับคุณภาพของตนเอง และจากการประเมินก็พบว่าครูเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาคุณภาพศิษย์ในมิติ คุณธรรม จริยธรรมความรู้ ความคิด ทักษะการทำงาน ซึ่งคุณภาพครูและคุณภาพศิษย์เชื่อมโยงส่งต่อกัน ไม่สามารถแยกออกได้ ดังนั้นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพศิษย์จึงต้องเกิดจากหัวใจที่มีจิตวิญญาณของครูที่มีความปรารถนาดีต่อศิษย์

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34719&Key=hotnews

พระบรมฯ พระราชทานทุนศึกษาเพิ่ม ขยายจังหวัดละ 4 คน – เครือข่าย ร.ร.พระราชูปถัมภ์

7 พฤศจิกายน 2556

นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอุดมศึกษา โดยเริ่มในปี 2552 เด็กจะได้รับทุนตั้งแต่ชั้น ม.4-6 สายสามัญและสายอาชีพ ต่อเนื่องไปจนจบป.ตรี จังหวัดละ 2 ทุน ขณะนี้มีนักเรียนทุนรวม 750 คน กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี 288 คน ศึกษาชั้น ม.ปลาย 462 คน เงินทุนพระราชทาน คนละ 18,000 บาท/คน/ปี

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ต่อมา นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และมีพระราชดำริว่า จะพระราชทานทุนการศึกษาให้แก่เด็กเพิ่มเติม โดยจะจัดงบฯเพิ่ม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จึงรับสนองพระราชดำริ เบื้องต้นจะเพิ่มเป็นจังหวัดละ 4 ทุน ชาย 2 ทุน หญิง 2 ทุน ให้กับร.ร.ในเครือข่ายพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 14 โรงเรียน

คือ ร.ร.อนุราชประสิทธิ์, ร.ร.มกุฎเมืองราชวิทยาลัย, ร.ร.มัธยมพัชรกิติยาภา 1 นครพนม, ร.ร.มัธยมพัชรกิติยาภา 2 กำแพงเพชร, ร.ร.มัธยมพัชรกิติยาภา 3 สุราษฎร์ธานี, ร.ร.มัธยมสิริวัณวรี 1 อุดรธานี, ร.ร.มัธยมสิริวัณวรี 2 สงขลา, ร.ร.มัธยมสิริวัณวรี 3 ฉะเชิงเทรา, ร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดโบสถ์), ร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน), ร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (ทวีวัฒนา), ร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดประดู่), ร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร), และร.ร.ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดสุนทรสถิต)

ร.ร.ประถมฯ 3 โรง มัธยมฯ 11 โรง ระดับประถมฯ เริ่ม ป.4-6 จำนวน 4 ทุน ต่อเนื่อง 3 ปี 3 โรง รวม 12 ทุน ทุนละ 18,000 บาท/คน/ปี รวมเงินปีละ 216,000 บาท รวม 3 ปี 648,000 บาท ระดับมัธยม เริ่มตั้งแต่ม.1-6 จำนวน 4 ทุน ต่อเนื่อง 3 ปี 11 โรง รวม 44 ทุน ทุนละ 18,000 บาท/คน/ปี รวมเงินปีละ 792,000 บาท รวม 3 ปี 2,376,000 บาท รวม 56 ทุน ใช้งบฯทั้งสิ้น 1,008,000 บาท ต่อปี รวม 3 ปี เป็นเงิน 3,024,000 บาท

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 8 พ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34710&Key=hotnews

สอศ.ฝันเพิ่ม น.ศ.เกษตร 100 % ปี’58 ผุดโรดแมป-ยกเครื่องการสอนทั้งระบบ หลังยอดเรียน’ปวช.-ปวส.’แค่ 2.9 หมื่น

7 พฤศจิกายน 2556

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า จากสภาวการณ์เด็กเรียนด้านการเกษตรในวิทยาลัยสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สอศ.ได้จัดงบประมาณลงไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) รวมถึงวิทยาลัยประมง พร้อมทั้ง พัฒนาครูและรับปรุงหลักสูตรต่างๆ ให้ทันสมัยและ เหมาะสม แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดเด็กเข้าเรียนด้านการเกษตรให้เพิ่มมากขึ้นได้ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนนักเรียนที่เรียนใน วษท. 47 แห่ง ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 17,974 คน และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 11,752 คน รวม 29,726 คน และเมื่อเทียบสัดส่วนระหว่างผู้เรียนสาขาด้านการเกษตรกับสาขาอื่นๆ ที่ สอศ.จัดการเรียนการสอนอยู่ พบว่าผู้เรียนสาขาด้านการเกษตรมีสัดส่วนน้อยมาก โดยระดับ ปวช.อยู่ที่ 4:96 และ ปวส.อยู่ที่ 5.6:94.4

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กมาเรียนด้านการเกษตรมากขึ้น สอศ.จึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การอาชีวศึกษาเกษตร พ.ศ.2557-2558 ฉบับเร่งด่วนขึ้น โดยมีเป้าหมายคือ เพิ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาเกษตรขึ้นเป็น 100% เมื่อเทียบกับปีการศึกษา 2556, จัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี และหลักสูตรเฉพาะทางเพิ่มขึ้น, จัดทำกรอบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพอาชีวศึกษาเกษตรแห่งชาติ เทียบได้กับระดับสากล และให้เกษตรกรในชุมชนได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการทางวิชาการและวิชาชีพมากขึ้น ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2556 ภาควิชาเกษตรมีนักเรียน ปวช.ชั้นปีที่ 1 จำนวน 4,682 คน และนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 จำนวน 3,657 คน รวม 8,339 คน ดังนั้น ในปีการศึกษา 2557 ภาพรวมจะต้องเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% หรือ 12,509 คน และปีการศึกษา 2558 ต้องเพิ่มขึ้นเป็น 100% หรือ 16,678 คน

“หลังจากนี้จะมีการปฏิรูปการเรียนการสอนด้านการเกษตร โดยให้เด็กได้เรียนรู้จากโครงงานเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์ และจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน รวมทั้งประสานกับสถานประกอบการ เพื่อให้เด็กได้เข้าไปฝึกปฏิบัติงาน เมื่อจบแล้วเด็กจะสามารถเลือกได้ว่าจะไปทำงานในสถานประกอบการ หรือจะไปประกอบอาชีพของตนเอง และในปีนี้จะมอบให้ วษท.จัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยให้ วษท.แต่ละแห่งระบุชนิดของพืชที่จะทำการอนุรักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของตนเอง ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดหน่วยเคลื่อนที่อบรมวิชาชีพเกษตรระยะสั้นให้แก่เกษตรกรในชุมชนต่างๆ ด้วย” เลขาธิการ กอศ.กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34708&Key=hotnews

สช.ปรับเกณฑ์อุดหนุน รร.เอกชน

6 พฤศจิกายน 2556

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศนโยบายปีแห่งการรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งมี นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาเอกชนในหลายประการ อาทิ นโยบายเร่งปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบให้สัมพันธ์เชื่อมโยงกัน นโยบายปฏิรูประบบผลิตและพัฒนาครู นโยบายพัฒนาคุณภาพการอาชีวศึกษาให้มีมาตรฐานระดับสากล และนโยบายส่งเสริมให้เอกชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมจัดและสนับสนุนการศึกษาในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ละนโยบายนั้น ถือว่ามีความสำคัญต่อการจัดการศึกษาเอกชนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง สช.ได้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมให้เอกชนและทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมจัดและสนับสนุนการศึกษา เช่น การยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาเอกชน การปรับปรุงกฎ

ระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ และขั้นตอนการดำเนินงานที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการจัดการศึกษาเอกชน รวมถึงการปรับปรุงการให้เงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง นายบัณฑิตย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเงินค่าอาหารกลางวันนักเรียนต่อหัวจากเดิม 13 บาท เป็น 20 บาท นั้น สช.จะดำเนินการปรับเกณฑ์การอุดหนุน เพื่อให้สอดคล้องกับมติ ครม. ที่ว่างบประมาณค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นจำนวน 659 ล้านบาท นั้น ให้ขอรับการสนับสนุนจากดอกผลของเงินกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา และทาง สช.เองก็จะมีการกำหนดเกณฑ์การปรับปรุงการให้เงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ต่อไป.

–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 7 พ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34701&Key=hotnews

แจงยกเลิกวิชานาฏศิลป์

6 พฤศจิกายน 2556

นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำวงโยธวาทิต ที่ได้รับรางวัลชิงแชมป์โลก เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพื่อขอบคุณที่ให้การสนับสนุน โดยนายกฯ อยากให้สพฐ.นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสอนศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ให้กับเด็กในร.ร. และจัดประกวดในระดับภูมิภาค เพื่อที่จะได้มีการแสดงที่มีมาตรฐาน สพฐ.จึงกำหนดกรอบไว้ว่าจะส่งเสริมอย่างน้อย 4 ภูมิภาค โดยภาคเหนือจะจัดการประกวดวงสะล้อซอซึง กลองสะบัดชัย ภาคใต้จัดประกวดการแสดงโนรา ลิเกฮูลู ภาคกลางและภาคตะวันออก จัดประกวดเพลงอีแซว เพลงเรือ กลองยาว เพลงฉ่อย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดประกวดวงโปงลาง เพลงกันตรึม

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า การประกวดจะมีคณะกรรมการดำเนินงาน มีตนเป็นประธาน จะเชิญผอ.เขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ผู้แทน วธ. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยมอบหมายให้ผู้ที่เป็นเจ้าภาพจัดในปีนี้ คือ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น สุพรรณบุรี สงขลา ไปดำเนินการร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัด คัดเลือกว่าจะประกวดอะไร กำหนดเกณฑ์การประกวด โดยแบ่งเป็นระดับประถมฯ และมัธยมฯ ตนยังให้ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุพรรณบุรี เขต 1 จัดทำคู่มือแจกร.ร.ต่างๆ ให้ส่งเสริมเรื่องนี้ และแก้ข้อหาที่หลายคนเข้าใจผิดว่า สพฐ.จะยกเลิกวิชานาฏศิลป์

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=34696&Key=hotnews