Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

สช.แจงเบิกสวัสดิการครู ร.ร.เอกชน

11 กรกฎาคม 2556

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวถึงระเบียบและอัตราค่ารักษาพยาบาลของครูสังกัดร.ร.เอกชน ว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการสงเคราะห์ครูใหญ่และครูร.ร.เอกชน กรณีเจ็บป่วยและคลอดบุตรปี 2549 ซึ่งผู้มีสิทธิ ได้แก่ ผอ. ครู โดยเบิกได้ปีละ 100,000 บาท ต่อคนต่อปี นับระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทิน ทั้งนี้ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับ ขึ้นอยู่กับดอกผลที่กองทุนสงเคราะห์หามาได้ ส่วนหนึ่งมาจากครูส่งเงินสมทบ 3 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน และการลงทุนของกองทุน กรณีที่ครูเอกชนบรรจุ และส่งเงินสมทบเข้ากองทุนนั้น ตามพ.ร.บ. ร.ร.เอกชน ปี’50 ครูต้องใช้สวัสดิการที่กองทุนจัดให้ ปัจจุบันดอกผลที่ได้รับไม่เพียงพอที่จะปรับค่ารักษาพยาบาลเพิ่มได้ ในอนาคตถ้าจะปรับให้มากขึ้น ก็จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนก่อน

เลขาธิการ กช. กล่าวต่อว่า มีข้อสอบถามมายังสช. ว่าปีนี้เบิกค่ารักษาไปแล้วเต็มวงเงิน และอาจมีค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม จากการสอบถามไปยังสำนักงานกองทุน ได้คำตอบว่า กรณีปีนี้ได้ใช้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเต็มวงเงินและมีค่ารักษาเพิ่มเติม ให้เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ เพื่อใช้เบิกในปีถัดไป แต่ต้องมายื่นก่อนใบเสร็จหมดอายุก่อนวันจริง 1 วัน เช่น ไปหาหมอวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้เก็บใบเสร็จไว้เบิกในปีถัดไปได้แต่ต้องไม่เกินวันที่ 19 มิ.ย. 2557

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 12 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33331&Key=hotnews

กมธ.ดันตั้ง ‘กองทุนอาชีวะ’ หวังเพิ่มเด็กเรียนสายอาชีพ

11 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมสัญจรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดการอาชีวศึกษาร่วมกับผู้บริหาร สอศ.ว่า จากการติดตามการจัดการศึกษาในภาพรวมของประเทศ พบว่ายังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แม้ทุกรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาให้ใกล้เคียงสายสามัญศึกษา แต่ไม่มีมาตรการสนับสนุน กมธ.การศึกษา มองว่าควรมีระบบจูงใจเพื่อให้เด็กมาเรียนสายอาชีพมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรจัดตั้งกองทุนผู้สำเร็จอาชีวศึกษา เพื่อให้ผู้สำเร็จอาชีวศึกษากู้ยืมเงินไปประกอบอาชีพหรือเป็นเถ้าแก่ใหม่ โดยได้มอบให้ สอศ.ไป ยกร่าง พ.ร.บ.กองทุน ส่วนที่มาของกองทุนจะมาจากงบประมาณของรัฐบาลและสถานประกอบการสนับสนุน

ประธาน กมธ.การศึกษากล่าวต่อว่า กมธ.การศึกษาได้เน้นย้ำเรื่องคุณภาพของผู้จบอาชีวศึกษาว่าไม่ใช่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศเท่านั้น แต่ต้องเป็นแรงานส่งออกด้วย ดังนั้น ต้องเน้นเรื่องภาษาอังกฤษ โดยควรกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องงบประมาณของ สอศ.ที่รอบ 3 ปีที่ผ่านมางบลดลงอย่างต่อเนื่อง ตนรับปากว่าจะไปทวงถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการแปรญัตติงบประมาณปี 2557 มีโครงการที่เห็นควรให้การสนับสนุน อาทิ การเพิ่มเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับผู้จบปริญญาตรี เงินวิทยฐานะครู เงินภัยพิบัติ การเพิ่มอัตราครูจ้าง เป็นต้น

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สอศ.กำลังเร่งปรับภาพลักษณ์เพื่อ จูงใจให้เด็กเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น ปัจจุบันมีผู้จบ ม.3 มาเรียนสายอาชีวะ 2.8 แสนคน จากทั้งหมด 900,000 คน หากต้องการ เพิ่มเป็น 400,000 คน ต้องมียุทธศาสตร์ สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง ซึ่ง สอศ.จะเปิดสอนสาขาใหม่ๆ เช่น หุ่นยนต์โรโบ ติค พลังงาน ที่ตลาดแรงงานต้องการ และกำลังหาแรงจูงใจเพื่อให้เด็กเก่งที่ชอบปฏิบัติ รวมถึงเด็กผู้หญิง หันมาเรียนสายอาชีพ เพิ่มขึ้น
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า สอศ.จะยกร่าง พ.ร.บ.กองทุนผู้สำเร็จอาชีวศึกษา แยกส่วนจากกองทุนตั้งตัวได้ของรัฐบาล เบื้องต้นจะให้กู้ยืมตั้งแต่ผู้ที่จบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ พ.ร.บ.กองทุนตั้งตัวได้ยังครอบคลุมไม่ถึง

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33328&Key=hotnews

สอศ.เข้มสอบ ‘รอง-ผอ.อาชีวะ’ ‘กักตัวกก.-ใช้พิมพ์ดีด-ตัดเน็ต’ สกัดรั่ว

11 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยถึงการสอบคัดเลือกสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา และรองผู้อำนวยการสถาน ศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคมนี้ ว่า ขณะนี้มีผู้สมัครสอบตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 1,045 คน จากตำแหน่งรองรับที่ สอศ.ขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี 68 ตำแหน่ง ส่วนตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา สมัคร 297 คน จากตำแหน่งที่รองรับ 148 ตำแหน่ง โดยในปีนี้ สอศ.ได้เตรียมการจัดสอบอย่างรัดกุมมาก ตั้งแต่การออกข้อสอบ การดูแลระหว่างการสอบ การตรวจข้อสอบ และประกาศผล พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการสืบสวนสอบสวน เชิงลึกว่ามีประเด็นปัญหาอะไรที่ส่อไปในเชิงทุจริตหรือไม่ เพื่อความโปร่งใส และเป็นธรรม แก่ผู้เข้าสอบทุกคน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ สอศ.ยังไม่พบเรื่องทุจริตแต่อย่างใด มีเพียงการจัดติวเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอบ ซึ่งไม่เข้าข่ายทุจริต เนื่องจากเป็นการติวก่อนการออกข้อสอบที่เพิ่งดำเนินการในวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

“ตัวแทนผู้ออกข้อสอบของ สอศ.จะต้องเก็บตัวขณะเริ่มออกข้อสอบไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม เมื่อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ที่สำคัญ สอศ.ยังมีระบบป้องกันข้อสอบรั่ว โดยขณะออกข้อสอบจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งใช้เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าจัดพิมพ์ข้อสอบแทนคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันข้อสอบรั่วได้ 100% นอกจากนี้ ในวันสอบจะตัดสัญญาณทุกช่องทาง โดยกรรมการคุมสอบ และผู้สอบ จะต้องเซ็นชื่อที่กระดาษคำตอบ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนกระดาษคำตอบ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจข้อสอบ โดยจ้างมหาวิทยาลัยดำเนินการ ซึ่งมั่นใจว่าจะประกาศผลสอบได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์หลังจากสอบเสร็จ” นายชัยพฤกษ์กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33327&Key=hotnews

สพร.เร่งวิเคราะห์เหตุครู ผช.ตกเพียบ ก่อนชง ก.ค.ศ.สอบเพิ่ม-ถกใช้บัญชีข้ามพื้นที่ฯ การศึกษา ชี้ สพม.1 ผ่านมากสุด 538 – ตามด้วย’ตากเขต2′

11 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี 2556 ที่มีเขตพื้นที่การศึกษา 79 เขต เปิดสอบ และขณะนี้ได้ประกาศผลการสอบคัดเลือกครบทุกเขตพื้นที่ฯ แล้ว ว่าจากรายงานผลการสอบคัดเลือกที่มีการเปิดสอบ 34 สาขาวิชาเอก มีผู้สมัครสอบ 84,584 คน และเป็นผู้มีสิทธิสอบ 83,930 คน แต่มีผู้ที่สอบผ่านเพียง 5,074 คน คิดเป็นร้อยละ 6.05 ของผู้มีสิทธิสอบนั้น เมื่อพิจารณาเป็นรายเขตพื้นที่ฯ พบว่าแต่ละแห่งมีผู้ที่สอบผ่าน ดังนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นนทบุรี เขต 1 สอบผ่าน 5 คน สพป.นนบุรี เขต 2 ผ่าน 1 คน สพป.ปทุมธานี เขต 1 ผ่าน 24 คน สพป.ปทุมธานี เขต 2 ผ่าน 6 คน สพป.สมุทรปราการ เขต 1 ผ่าน 68 คน

สพป.นราธิวาส เขต 2 ผ่าน 72 คน สพป.นราธิวาส เขต 3 ผ่าน 13 คน สพป.ปัตตานี เขต 1 ผ่าน 26 คน สพป.ยะลา เขต 3 ผ่าน 37 คน สพป.ชุมพร เขต 1 ผ่าน 2 คน สพป.ชุมพร เขต 2 ผ่าน 36 คน สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 3 ผ่าน 10 คน สพป.กระบี่ ผ่าน 187 คน สพป.พังงา ผ่าน 11 คน สพป.ระนอง ผ่าน 5 คน สพป.กาญจนบุรี เขต 2 ผ่าน 5 คน สพป.กาญจนบุรี เขต 3 ผ่าน 48 คน

สพป.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ผ่าน 99 คน สพป.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ผ่าน 55 คน

สพป.ราชบุรี เขต 2 ผ่าน 5 คน สพป.สุพรรณบุรี เขต 2 ผ่าน 5 คน สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 ผ่าน 8 คน

สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 ผ่าน 20 คน สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ผ่าน 6 คน สพป.ลพบุรี เขต 2 ผ่าน 108 คน สพป.สระบุรี เขต 2 ผ่าน 12 คน สพป.กำแพงเพชร เขต 1 ผ่าน 104 คน

สพป.กำแพงเพชร เขต 2 ผ่าน 19 คน สพป.ตาก เขต 2 ผ่าน 429 คน สพป.นครสวรรค์ เขต 2 ผ่าน 45 คน สพป.เพชรบูรณ์ เขต 3 ผ่าน 9 คน สพป.เชียงราย เขต 2 ผ่าน 225 คน สพป.เชียงราย เขต 3 ผ่าน 232 คน

สพป.เชียงใหม่ เขต 3 ผ่าน 36 คน สพป.เชียงใหม่ เขต 5 ผ่าน 79 คน สพป.เชียงใหม่ เขต 6 ผ่าน 47 คน สพป.ลำปาง เขต 3 ผ่าน 72 คน สพป.เลย เขต 3 ผ่าน 26 คน สพป.สกลนคร เขต 1 ผ่าน 8 คน

สพป.บึงกาฬ ผ่าน 78 คน สพป.อุดรธานี เขต 4 ผ่าน 84 คน สพป.อุบลราชธานี เขต 3 ผ่าน 75 คน สพป.นครราชสีมา เขต 3 ผ่าน 117 คน สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 ผ่าน 169 คน สพป.สุรินทร์ เขต 3 ผ่าน 13 คน สพป.จันทบุรี เขต 1 ผ่าน 21 คน สพป.จันทบุรี เขต 2 ไม่มีผู้สอบผ่าน สพป.ชลบุรี เขต 2 ผ่าน 38 คน สพป.ชลบุรี เขต 3 ผ่าน 2 คน สพป.ตราด ผ่าน 38 คน สพป.ระยอง เขต 1 ผ่าน 32 คน

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 1 ผ่าน 538 คน สพม.2 ผ่าน 113 คน สพม.3 ผ่าน 5 คน สพม.4 ผ่าน 18 คน สพม.5 ผ่าน 14 คน สพม.6 ผ่าน 34 คน สพม.7 ผ่าน 1 คน สพม.8 ผ่าน 200 คน สพม.9 ผ่าน 67 คน สพม.10 ผ่าน 105 คน สพม.13 ผ่าน 118 คน สพม.14 ผ่าน 50 คน สพม.15 ผ่าน 16 คน สพม.17 ผ่าน 12 คน สพม.18 ผ่าน 17 คน สพม.20 ผ่าน 125 คน สพม.25 ผ่าน 10 คน สพม.29 ผ่าน 19 คน สพม.30 ผ่าน 104 คน สพม.31 ผ่าน 120 คน สพม.32 ผ่าน 25 คน สพม.33 ผ่าน 27 คน สพม.36 ผ่าน 110 คน สพม.39 ผ่าน 4 คน สพม.40 ผ่าน 66 คน สพม.41 ผ่าน 111 คน สพม.42 ผ่าน 121 คน และสำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ ผ่าน 52 คน

นายชินภัทรกล่าวอีกว่า เมื่อแยกเป็นรายวิชาเอก มีผู้ผ่านการคัดเลือกขึ้นบัญชีดังนี้ ภาษาไทย 328 คน ภาษาอังกฤษ 417 คน ภาษาจีน 27 คน ฝรั่งเศส 25 คน ภาษาญี่ปุ่น 14 คน ภาษาเกาหลี ไม่มีผู้สอบผ่าน คณิตศาสตร์ 353 คน วิทยาศาสตร์ 340 คน วิทยาศาสตร์ทั่วไป 178 คน ชีววิทยา 114 คน ฟิสิกส์ 71 คน เคมี 144 คน สังคมศึกษา 617 คน พลศึกษา 171 คน สุขศึกษา 64 คน นาฏศิลป์ 35 คน ดนตรี 44 คน ดนตรีไทย 8 คน ดนตรีสากล 23 คน ศิลปะ 60 คน ศิลปะศึกษา (ทัศนศิลป์) 7 คน วิจิตรศิลป์ 7 คน คอมพิวเตอร์ 810 คน อุตสาหกรรมศิลป์ 161 คน เกษตรกรรม 170 คน คหกรรมทั่วไป 94 คน บรรณารักษ์ 39 คน การเงิน/บัญชี 58 คน เทคโนโลยีทางการศึกษา 37 คน จิตวิทยาและการแนะแนว 86 คน ประถมศึกษา/การประถมศึกษา 304 คน ปฐมวัยศึกษา/อนุบาลศึกษา 265 คน กายภาพบำบัด ไม่มีผู้สอบผ่าน กิจกรรมบำบัด 3 คน

“ส่วนที่กรรมการในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ระบุว่าที่มีผู้สอบผ่านน้อย มาจากหลายปัจจัย ทั้งผู้สอบไม่มีคุณภาพ หรืออาจเป็นเพราะข้อสอบยาก หรือสถาบันอุดมศึกษาที่ออกข้อสอบต้องให้เปิดสอบใหม่ จะได้รับงบประมาณเพิ่ม ส่วนการแก้ปัญหาโดยการดึงบัญชีของเขตพื้นที่ฯข้างเคียงมานั้น ไม่สามารถทำได้ หรือหากมีก็ต้องเก็บไว้เมื่อมีอัตราว่างในอนาคตนั้น ขณะนี้กำลังรอข้อมูลการวิเคราะห์ในภาพรวมของสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร (สพร.) จากนั้นจะนำเรื่องการจัดสอบเพิ่ม และการขอใช้บัญชีข้ามเขตพื้นที่ฯเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)” นายชินภัทรกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33326&Key=hotnews

 

สกอ.แจ้งเอาผิด ม.สันติภาพ ชง ‘ดีเอสไอ’ ฟันอีก 2 มหา’ลัย

11 กรกฎาคม 2556

‘รองเลขาฯ กกอ.’ เข้ากล่าวโทษ ม.สันติภาพโลก อย่างเป็นทางการ ก่อนตามเอาผิด’ม.โรชวิลล์- อดัมสัน’ไม่ขออนุญาตผิด กม.

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามแก้ปัญหามหาวิทยาลัยเถื่อน ซึ่งไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งและเปิดการเรียนการสอนจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และไม่ได้รับการรับรองปริญญาจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า ในกรณีของมหาวิทยาลัยอดัมสัน ประเทศฟิลิปปินส์ ที่นายจุฑาพงษ์ รัตนโชติ ผู้ประสานงานศูนย์พบกลุ่มที่ปรึกษานักศึกษา ม.อดัมสัน ประจำศูนย์ จ.สมุทรปราการ ชี้แจงว่ามีหลักฐานการรับรองจาก ม.อดัมสัน ประเทศฟิลิปปินส์ ให้เปิดศูนย์ดังกล่าวในลักษณะโครงการความร่วมมือการจัดโครงการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา (Doctor of philosophy in Education) พร้อมระบุว่ามีการอนุญาตจากสำนักงานการอุดมศึกษาแห่งประเทศฟิลิปปินส์ (COMMISSION ON HIGHER EDUCATION) อย่างถูกต้อง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ของไทยมีการรับรอง ม.อดัมสัน ประเทศฟิลิปปินส์อย่างถูกต้องนั้น แม้ว่าสำนักงาน ก.พ.จะให้การรับรอง ม.อดัมสัน ของประเทศฟิลิปปินส์ แต่ถ้ามาเปิดศูนย์จัดการเรียนการสอนในไทยก็ต้องขออนุญาตจาก สกอ.ก่อน ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย

รองเลขาธิการ กกอ.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมหาวิทยาลัยโรชวิลล์ (Rochville University) จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ สกอ.กำลังตรวจสอบอยู่ด้วยนั้น พบว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่มีการจัดการเรียนการสอน และเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และเท่าที่ทราบมีคนใช้วุฒิปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปใช้เป็นอาจารย์แล้วจำนวนมาก สกอ.จึงจะขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตรวจสอบวุฒิการศึกษาของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่อไป หากพบว่ามีใครใช้วุฒิจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจาก สกอ.เป็นอาจารย์ ถือว่าไม่ถูกต้อง

“ปัญหาของ ม.อดัมสัน และ ม.โรชวิลล์ จะแตกต่างจากกรณีของ ม.สันติภาพโลก ที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ดำเนินการที่ชัดเจน ขณะนี้มีเพียงแต่ผู้ประสานงานประจำศูนย์เท่านั้น ซึ่ง สกอ.จะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ จากนั้นจะเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับไปตรวจสอบเช่นเดียวกับ ม.สันติภาพโลก” นพ.กำจรกล่าว

นายบัญชา เกิดมณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยธนบุรี ในฐานะนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) กล่าวว่า เคยส่งรายชื่ออาจารย์ที่จบปริญญาเอกจาก ม.อดัมสันไปให้ สกอ.รับรองวุฒิการศึกษาในฐานะอาจารย์ประจำหลักสูตร แต่ สกอ.รับรองวุฒิต่ำกว่าปริญญาเอก ดังนั้น จึงให้ออกจากการเป็นอาจารย์ทันที เพราะถือว่ามีคุณสมบัติไม่ครบ ซึ่งเชื่อว่ามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งอื่นๆ ก็จะให้ออกเช่นกัน ที่ผ่านมายอมรับว่ามีอาจารย์และข้าราชการจำนวนมากที่จบมาจากมหาวิทยาลัยเหล่านี้ และไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยในประเทศฟิลิปปินส์เท่านั้นที่มีปัญหาลักษณะดังกล่าว ยังมีมหาวิทยาลัยจากประเทศอินเดียอีกหลายแห่งที่ สกอ.ไม่รับรอง แต่ใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อ ใช้ระบบการตลาดดึงดูดคนเข้าเรียน โดยไม่ได้จัดการศึกษาจริง ทั้งนี้ เท่าที่ทราบ ม.อดัมสันไปเปิดศูนย์เรียนในจังหวัดทางภาคใต้ด้วย และมีคนสนใจเรียนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าราชการที่อยากได้วุฒิการศึกษาสูงขึ้น เพื่อนำไปปรับตำแหน่ง ฉะนั้น อยากให้ สกอ.ตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะทำให้การศึกษาไทยตกต่ำไปด้วย จะเห็นได้จากปัจจุบันมีคนจบปริญญาเอกจำนวนมาก แต่คุณภาพการศึกษากลับแย่ลง

ที่ จ.ยโสธร นายไตรสรณ์ สุวพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกุดชุมวิทยา อ.กุดชุม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นประธานบัณฑิตรุ่นที่ 1 ของ ม.อดัมสัน ประเทศฟิลิปปินส์ ที่มาเปิดศูนย์เรียนที่โรงแรมปทุมรัตน์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ในหลักสูตรปริญญาเอก สาขาบริหารการศึกษา หลักสูตร 2 ปี 60 หน่วยกิต เสียค่าใช้จ่ายการเรียนประมาณ 450,000 บาท เริ่มเรียนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เหลือเวลาอีก 7 เดือน หรือ 3 ภาคเรียนก็จะจบหลักสูตร โดยรุ่นแรกมีผู้เรียนทั้งห้อง 27 คน มีทั้งผู้บริหารการศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน และครูในเขต จ.ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ ครั้งแรกเปิดสอนที่โรงเรียนกันทรารมณ์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ แต่เนื่องจากอาจารย์ที่เดินทางมาสอนจากฟิลิปินส์ไม่สะดวก จึงย้ายไปเปิดสอนที่ จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ ในรุ่นที่ 2 มีผู้มาสมัครเรียนแล้วกือบ 20 คน เป็นคนในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่สมัครเรียนเพราะเห็นว่า ก.พ.รับรองแล้ว จะเรียนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ หรือจะเป็นวันที่อาจารย์ฟิลิปปินส์สะดวกมาสอน โดยจะลงเครื่องบินที่ จ.อุบลราชธานี

ที่ จ.สุรินทร์ นายสงวน ศาลางาม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังปลัด ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ลงเรียนระดับปริญญาเอกของ ม.อดัมสัน ที่ศูนย์เรียน จ.อุบลราชธานี เรียนมาได้ปีกว่าแล้ว เป็นรุ่นแรก จะจบในปี 2557 เสียค่าเรียนไปแล้ว 446,000 บาท มีผู้อำนวยการโรงเรียนจาก จ.สุรินทร์ สมัครเรียน 3 คน คือ นางญาณี สืบสันต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาสนวนกลาโหม ต.จรัส อ.บัวเชด และ น.ส.พรทิพย์ วิเศษวุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบัวขุนจง (กรป.กลางอุปภัมถ์) ที่สมัครเรียนเพราะเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแจ้งว่า ก.พ.รับรองแล้ว ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังไม่รับรองก็ไม่เป็นไร จะว่าหลอกลวงก็ไม่น่าจะใช่ แต่อะไรจะเกิดก็ให้เกิดไป เพราะไม่ได้คิดว่าจะเอามาใช้ประโยชน์ในการยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น

น.ส.พรทิพย์กล่าวว่า ตนพร้อมเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนใน จ.สุรินทร์ สมัครเข้าเรียนจริง เสียค่าเทอม 430,000 บาท เคยไปศึกษาดูงานที่ประเทศลาว และนักศึกษาต้องให้ที่ปรึกษาตรวจสอบผลงานวิจัยว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ดังนั้น ในฐานะนักศึกษายืนยันว่ายังมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในสถาบันแห่งนี้ เพราะนอกจากเรียนที่ สาขาอุบลราชธานีแล้ว ยังจะได้ไปเรียนที่ ม.อดัมสัน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงใกล้จบในปี 2557 ด้วย

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การนำวุฒิการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งไม่ถูกต้องมาใช้ประโยชน์ต่างๆ เป็นเรื่องที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาในฐานะที่เป็นสถาบันด้านมาตรฐานวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องเข้าไปควบคุมคุณวุฒิต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะหน่วยงานที่ใช้บุคลากรครู ทำได้แค่เพียงว่าเมื่อพบความไม่ถูกต้องก็จะรายงานให้คุรุสภาดำเนินการต่อไป

ที่ จ.เชียงใหม่ นายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข ผู้ก่อตั้งและอธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนได้เชิญดีเอสไอมาสอบปากคำที่ จ.เชียงใหม่ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นบ้านส่วนตัว โดยทางดีเอสไอได้ตอบรับมาสอบปากคำในวันเวลาดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ อยากให้ดีเอสไอสอบพยาน 1,200 คนตามที่กล่าวหาว่าได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จาก ม.สันติภาพโลก ทั้งที่ได้มอบปริญญาไปเพียง 300 คนเท่านั้น และหลังให้ปากคำกับดีเอสไอแล้วอาจขอลี้ภัยทางการศึกษาไปต่างประเทศชั่วคราว เพื่อไปพักผ่อน แต่ไม่ได้หนีคดี เพราะไม่ใช่อาชญากรร้ายแรง หากดีเอสไอและ สกอ.อยากสอบปากคำเพิ่มเติม ก็จะเดินทางกลับมาตามกำหนดแน่นอน
นายสุธรรม เลิศพงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม กล่าวว่า ตนได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก ม.สันติภาพโลกจริง แต่ไม่ได้นำไปใช้ โดยเหตุที่รับเพราะเห็นว่าเป็นการประกาศเกียรติคุณในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา และคิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย จึงยอมรับและยืนยันว่าไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนจะคืนปริญญาหรือไม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูก ดังนั้น จะรอให้เรื่องนี้มีความชัดเจนก่อน ทั้งนี้ ตนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจาก Sardar Patel University ประเทศอินเดีย ซึ่ง สกอ.ให้การรับรอง

วันเดียวกัน ที่ดีเอสไอ พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของ ม.สันติภาพโลก และการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ. เปิดเผยว่า นพ.กำจร รองเลขาธิการ กกอ. ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานะผู้เสียหายอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นมีความชัดเจนว่าการดำเนินการของ ม.สันติภาพโลกไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ. ไม่มีสถานที่ตั้ง ไม่มีหลักสูตรหรือจัดการเรียนการสอน แต่กล่าวอ้างว่าตั้งมหาวิทยาลัยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพยานหลายปากไม่มีผู้ใดได้เห็นใบอนุญาตของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และปากีสถาน หรือเอกสารการทำข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศตามที่มีการกล่าวอ้าง และจากการตรวจสอบกับรัฐปัญจาบ ประเทศปากีสถาน พบว่าเอกสารที่ ม.สันติภาพโลกนำมากล่าว อ้างเป็นมหาวิทยาลัยสาขา ที่จริงเป็นเพียงสถาบันอาชีวศึกษาเท่านั้น นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังพบว่า นายสวัสดิ์และคนอื่นๆ ที่อ้างว่ามีการไปทำข้อตกลงกับต่างประเทศนั้น แต่จากข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศครั้งสุดท้าย คือปี 2007 ดังนั้น ไม่น่ามีการติดต่อทำข้อตกลงกับต่างประเทศจริง
นายธนันท์พงศ์ ปิยะวรรณะกูล ผู้อำนวยการส่วนสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย ดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากข้อมูลพบว่า ม.สันติภาพโลกมีการจัดพิธีแจกปริญญาไปแล้ว 18 ครั้ง มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายคนเป็นที่ปรึกษา เช่น นายสมบัติ เมทะนี เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นพ.ธนัท ฤกษ์อาษา เป็นรองประธานที่ปรึกษา นายสมบัติ ฤกษ์สมุทร เป็นประธานอาวุโส นางผ่องศรี วรนุช นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นายศรเทพศรทอง กองทองมณีโรจน์ นายศุภรณัฐ และนายจิระ ฐานิสสะ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
นพ.กำจรกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับ ม.สันติภาพโลกมีการใช้ตำแหน่งทางวิชาการที่ได้มาไม่ถูกต้อง หากไม่ยุติการใช้ จะถูกดำเนินคดีด้วย ที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่หยุดพฤติการณ์ ทั้งนี้ ยืนยันว่า สกอ.จะตรวจสอบเข้มงวดทั้งสถานที่ตั้ง เงินทุน เครือข่าย รวมทั้งศูนย์การเรียนการสอนหรือให้คำปรึกษาทางการศึกษา หรือไซเบอร์ยู ซึ่งจะดำเนินคดีทั้งหมด

“หลังดำเนินคดีกับ ม.สันติภาพโลกแล้ว จะขยายผลไปอีก 2 สถาบันที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน คือ ม.โรชวิลล์ จากสหรัฐ และ ม.อดัมสัน จากฟิลิปปินส์ โดยในส่วนของ ม.โรชวิลล์ตรวจสอบพบผู้ดำเนินการเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่ดำเนินการ ม.สันติภาพโลก ทั้งนี้ ขอเตือนไปยังสถานศึกษาที่อนุญาตให้ ม.สันติภาพโลกใช้สถานที่แจกปริญญาจะถูก สกอ.ดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วย” นพ.กำจรกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33325&Key=hotnews

สั่งเข้มสินค้าเป็นภัยขายรอบ ร.ร. สช. แฉของเล่น-อาหารต้องห้ามระบาด-จี้คุม

10 กรกฎาคม 2556

นายบัณฑิต ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทำหนังสือถึงผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเอกชนให้กวดขันการจำหน่ายสินค้าอันตรายบริเวณหน้าโรงเรียน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พบว่ามีการขายสินค้าบริเวณหน้าโรงเรียน ซึ่งเป็นสินค้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มีคำสั่งห้ามขายได้เริ่มกลับมา ระบาดอีก เช่น ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำ หรือ ตัวดูดน้ำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต หากเด็กกินหรือกลืนเข้าไป ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกกฎหมายห้ามไม่ให้ขายของเล่นชนิดนี้แล้วตั้งแต่ปี 2527 แต่ยังมีผู้ลักลอบเข้ามาขายอยู่

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีลูกโป่งวิทยาศาสตร์ หรือ ลูกโป่งพลาสติก อุปกรณ์ไฟฟ้าชอร์ตสำหรับแกล้งคน และสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก เช่น ของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมกำหนด ไม่มีฉลากคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งอาหารทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำลูกชิ้น ไส้กรอก และขนมที่มีสีสันสวยงาม ซึ่งอาจใส่สีสังเคราะห์ที่ไม่เหมาะสม

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวต่อว่า สช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนได้รับอันตรายจากของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ และการบริโภคอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หรือขนม จึงขอความร่วมมือผู้บริหาร อาจารย์ร.ร.เอกชนช่วยรณรงค์ดูแลการขายสินค้าที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เด็กบริเวณรอบร.ร. เชื่อว่าหากให้ร.ร.เข้ามาร่วมดูแลแจ้งเบาะแส จะเป็นช่องทางช่วยควบคุมไม่ให้ของเล่นอันตรายแพร่ระบาดได้

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 11 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33318&Key=hotnews

‘1.3 พัน’ ครู-ลูกจ้างอาชีวะ เฮ! เพิ่มเงินค่าครองชีพ 1.5 พัน บ.

10 กรกฎาคม 2556

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ทำหนังสือแจ้งหัวหน้าสถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัด สอศ.ทั่วประเทศ เพื่อให้ดำเนินการเรื่องให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำส่วนราชการฉบับที่ 5 พ.ศ.2555 โดยได้เพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวฯ พ.ศ.2548 เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553 และวันที่ 20 กันยายน 2554 ที่เห็นชอบให้ปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ที่บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่กำหนดไว้

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ในกรณีที่กำหนดให้คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น ต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งบรรจุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวที่มีเงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนจนครบ 15,000 บาท และ

2.กรณีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ที่มีเงินเดือนค่าจ้างไม่ถึง 12,285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ 1,500 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 12,285 บาท และกรณีจำนวนเงินที่ได้รับดังกล่าวรวมกันไม่ถึงเดือนละ 9,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นอีกจนถึงเดือนละ 9,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับข้าราชการ ลูกจ้างประจำของ สอศ. อาทิ ครูผู้ช่วย ครู พนักงานธุรการ พนักงานบัญชี เป็นต้น ที่จะได้รับการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวครั้งนี้ มีจำนวน 1,398 คน ส่วนใหญ่จะเป็นครูผู้ช่วย ครู ในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยการอาชีพ วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 กันยายนนี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33316&Key=hotnews

ก.ค.ศ.อนุมัติ 14 วิทยฐานะ

10 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ. ได้มีมติอนุมัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย ได้แก่ นางสาวเรวดี ด่านกิตติไกรลาศ ร.ร.สุโขทัยวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 38 นายธนิด ภัคธนาเดชานนท์ วิทยาลัยเทคนิคพะเยา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นางอุทัยวรรณ แกมคำ ร.ร.บ้านเขว้าวิทยายน สพม. เขต 30 นายสมัคร น้อยประไพ ร.ร.ชุมชนวัดม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สิงห์บุรี นางปราณี วิจิตรโชติ ร.ร.เทิงวิทยาคม สพม. เขต 36 นางสุลีกาญธิแจ้ ร.ร.วัดช่างเคี่ยน สพป. เชียงใหม่ เขต 1 นางจุรีวรรณ อาจกมล ร.ร.เบ็ญจะมะมหาราช สพม. เขต 29 นางสุวรรณี พรหมประสิทธิ์ ร.ร.ตาคลีประชาสรรค์ สพม. เขต 42, วิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายสามารถ กอนอยู่ ร.ร.วัดกระบังมังคลาราม (พิศาลประชาสรรค์) สพป. พิษณุโลก เขต 3

“ก.ค.ศ. ยังได้อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชำนาญการพิเศษ จำนวน 5 ราย คือ นายมนัส เจียมภูเขียว สพป. ชัยภูมิ เขต 2 นายเกียรติวัช ทุมมารักษ์ สพป. สกลนคร เขต 1 นายดาลัน นุงอาหลี สพป. สตูล นายวสันต์ ศรีประดู่ สพป. พิษณุโลก เขต 1 และนายอภิพรรธ์ หนูโส๊ะ สพป. พัทลุง เขต 2” เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33315&Key=hotnews

องค์กรครูชงปรับโครงสร้าง ศธ. ยืนยันต้องแยกประถม-มัธยม

10 กรกฎาคม 2556

นายธนารัชต์ สมคเณ นายกสมาคมนักพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ทางสมาคมฯ จะประชุมหารือร่วมกับผู้นำองค์กรเครือข่ายทั้งสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย สหภาพครูแห่งชาติ ผู้แทนคุรุสภา ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ผู้แทน

องค์กรเครือข่ายครูประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เพื่อยกร่างเสนอแนวทางพัฒนาการศึกษาต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ โดยร่างดังกล่าวจะรวมไปถึงการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้มีการแยกการจัดการศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษาออกจากกันแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และวิชาการ เพราะการบริหารจัดการศึกษาในสองระดับมีความแตกต่างกัน

“ในการแยกประถมฯ กับมัธยมฯ ออกจากกันนั้น อาจแยกเป็นแท่งของแต่ละระดับหรืออยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่การบริหารจัดการทุกอย่างจะต้องแยกจากกันอย่างเด็ดขาด เพราะขณะนี้มัธยมฯ ก็มองว่าตัวเองอยู่แบบขอทาน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านายจาตุรนต์เคยพูดว่า ยังไม่คิดถึงเรื่องการปรับโครงสร้าง ศธ.แต่ก็เชื่อว่านายจาตุรนต์เป็นคนมีเหตุผล เพราะจากการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาเป็นเหมือนกับการเดินทางที่ใกล้ปากเหวเข้าไปทุกที หากเดินต่อไปอาจเกิดความเสียหายต่อชาติอย่างรุนแรงได้ จึงต้องรีบหันหลังกลับมาทบทวนก่อน” นายธนารัชต์ กล่าว.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33314&Key=hotnews

สพฐ.ให้ ก.ค.ศ.ชี้ขาดสอบครูอีกรอบหรือไม่

10 กรกฎาคม 2556

ศึกษาธิการ * สพฐ.ให้ ก.ค.ศ.ชี้ขาดจัดสอบครูผู้ช่วยใหม่อีกหรือไม่ เพราะมีตำแหน่งว่าง 1,070 อัตรา แต่สอบผ่านถึง 5 พันคน ยอมรับสอบครั้งผ่านๆ มามีคนสอบผ่านระดับหลักหมื่น เพราะ สพฐ.ออกข้อสอบง่าย

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีผลสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี 2556 ทั้งเขตพื้นที่การศึกษา 79 เขตเปิดสอบ มีผู้สอบผ่านทั้งสิ้น 5,074 คน จากผู้มีสิทธิ์สอบ 83,930 คน หรือคิดเป็นผู้สอบผ่านร้อยละ 6.05 ว่า ถึงแม้จะมียอดผู้สอบผ่านต่ำเทียบกับการสอบครูผู้ช่วยที่ผ่านมา แต่ก็ยังสูงกว่าตำแหน่งเปิดบรรจุและแต่งตั้งที่จำนวน 1,070 อัตรา ทั้งนี้ หลังจากนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะมอบให้เขตพื้นที่ที่จัดสอบไปวิเคราะห์และจำแนกมาว่ามียอดผู้สอบผ่านเพียงพอความต้องการหรือไม่ หากไม่พอให้จำแนกส่วนที่ขาดเป็นรายวิชาเอก รวมถึงวิเคราะห์ความยากง่ายของข้อสอบแล้วส่งกลับมา เพื่อจะได้เก็บเป็นข้อมูลไปกำหนดแนวทางการจัดสอบบรรจุรอบต่อไป

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้สอบบรรจุและแต่งตั้งตามสาขาวิชาเอกไม่เพียงพอ แล้วจะต้องจัดสอบใหม่ หรือใช้วิธีใดนั้น เรื่องนี้คงต้องให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นผู้พิจารณาชี้ขาด อย่างไรก็ดี การสอบครูผู้ช่วยก่อนหน้านี้ที่มีจำนวนผู้สอบผ่านจำนวนมากเป็นหลักหมื่นคนนั้น เนื่องจาก สพฐ.เป็นผู้ออกข้อสอบเอง โดยกำหนดค่าความยากง่ายของข้อสอบอยู่ที่ค่อนข้างง่ายและปานกลางที่ 70% และยาก 30% ขณะที่การสอบคราวนี้ยังไม่รู้ เบื้องต้นคงรอผลวิเคราะห์ข้อสอบก่อน.

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33312&Key=hotnews