Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

คุรุสภาชง ‘ก.ค.ศ.’ ขอคัด ‘225 ผู้แทน’ ใน อ.ก.ค.ศ.- อ้างเขตคัดคนไม่เข้าใจงาน

25 มิถุนายน 2556

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายอำนาจ สุนทรธรรม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ที่มีนายไพฑูรย์ สินลารัตน์ เป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มีมติมอบให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ไปพิจารณาการเสนอปรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกสรรหาผู้แทนคุรุสภาในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เพื่อให้ได้คนที่เป็นผู้แทนของคุรุสภาจริงๆ ที่มาทำงานในส่วนนี้และคุรุสภาควรจะต้องเป็นผู้เลือกเอง โดยได้มีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในคณะอนุกรรมการพัฒนาบุคคล ของคุรุสภาแล้ว และได้เสนอแนวทางในการปรับเกณฑ์ใหม่ โดยให้คุรุสภาเป็นผู้สรรหาคัดเลือกผู้แทนเองทั้งหมด อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาละ 1 คน รวม 225 คน เป็นผู้แทน ในอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 183 คน และอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 42 คน ซึ่งจะแตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมที่กำหนดให้เขตพื้นที่การศึกษาเสนอชื่อมา 2 คนและคุรุสภา เสนออีก 2 คน รวมเป็น 4 คน เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) คัดเลือกเพียง 1 คน

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อว่า คุรุสภาจะเสนอเรื่องนี้ให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้พิจารณาเพื่อปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป เพื่อให้ได้คนที่จะมาเป็นผู้แทนของคุรุสภาจริงๆ เนื่องจากที่ผ่านมา แม้คุรุสภาจะมีโอกาสเสนอชื่อคนที่จะเป็นผู้แทนได้ 2 คน แต่ก็มีส่วนน้อยที่ได้รับคัดเลือกจาก ก.ค.ศ.ให้เป็นผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเพราะคนที่ได้รับการคัดเลือกจะเป็นผู้แทนที่มาจากการเสนอของเขตพื้นที่การศึกษา จึงอาจมีความเข้าใจในงานของคุรุสภาน้อย ซึ่งงานของคุรุสภาค่อนข้างมีความสำคัญเพราะต้องดูเรื่องจรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม สำหรับวิธีการสรรหาหากที่ประชุม ก.ค.ศ.ให้ความเห็นชอบ คุรุสภาอาจจะใช้วิธีการที่ทำกันอยู่ อย่างการรับสมัครสรรหาคัดเลือกจากทั่วประเทศ แล้วให้ที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภาพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องพิจารณากันต่อไป

ด้านนางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ในการประชุม ก.ค.ศ. วันที่ 27 มิถุนายนนี้ จะเสนอการปรับหลักเกณฑ์การสรรหา และได้มาของผู้แทนใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งในส่วนของผู้แทนคุรุสภา จะเสนอให้ปรับเกณฑ์ใหม่โดยจะให้คุรุสภาเป็นผู้เสนอชื่อมา 2 รายเพื่อให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.เป็นผู้พิจารณาและแต่งตั้งเพียง 1 ราย ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวก็เหมือนกับผู้แทน ก.ค.ศ.ที่จะเสนอปรับในคราวนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นชอบ จะมีการใช้หลักเกณฑ์ใหม่นี้ในการคัดเลือกผู้แทนใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา 7 เขตที่จะครบวาระในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา อีก 160 กว่าเขตจะครบวาระในปี 2557 และจะต้องใช้เกณฑ์ ดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน

“คงไม่มีการปรับเกณฑ์ตามที่คุรุสภาเสนอให้เสนอชื่อผู้แทนคุรุสภา 1 รายให้ ก.ค.ศ.เป็นผู้พิจารณาแต่งตั้ง เพราะหากเสนอมาแค่รายเดียวก็คงไม่มีสิทธิที่จะเลือกหรือพิจารณาอะไร” เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33139&Key=hotnews

สอบครู ผช. ขาดสัมภาษณ์อื้อ บ่นอุบคำถามยาก-เวลาน้อย

25 มิถุนายน 2556

เลขาฯ ก.ค.ศ.ชี้ตัดสิทธิสอบบรรจุครูผู้ช่วย 2 ราย นำโทร. มือถือเข้าห้องสอบที่ ร.ร.สันติราษฎร์ฯ เหตุฝ่าฝืนข้อห้าม ทั้งรอผลสอบสวนตำรวจระบุเอี่ยวทุจริตด้วยหรือไม่ ศธ.เตรียมเคาะจัดสอบบรรจุทดแทนรอบใหม่อีกกว่าพันอัตรา

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไป ประจำปี 2556 ในวันสอบวันสุดท้าย ซึ่งจัดสอบพร้อมกันใน 79 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน ว่าการสอบในแต่ละเขตพื้นที่ฯ ยังเป็นไปอย่างคึกคัก แต่มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการสอบ เนื่องจากเป็นการสอบสัมภาษณ์ โดยที่สนามสอบโรงเรียนพานพิทยาคม อ.พาน จ.เชียงราย มีกรรมการสอบ 3 คน ส่วนใหญ่จะเน้นสัมภาษณ์ผู้เข้าสอบเกี่ยวกับทักษะการใช้ความรู้ไปพัฒนาการศึกษา และความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นหลัก

นายวิญญู ชนะชัยขันธ์ ประธานกรรมการกลางสนามสอบโรงเรียนพานพิทยาคม กล่าวว่า ที่สนามสอบแห่งนี้มีผู้เข้าสอบรวม 987 คน โดยมีผู้ขาดสอบประมาณ 60 ราย ซึ่งตลอด 3 วันของการสอบยังไม่พบการทุจริตสอบ มีเพียงปัญหาติดขัดบ้างในเรื่อง ผู้เข้าสอบลืมบัตรประจำตัวประชาชน หรือมาสาย เป็นปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอด 3 วันของการจัดสอบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 31 นครราชสีมา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 3 ไม่พบมีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือพฤติกรรมทุจริตการสอบเกิดขึ้นแต่อย่างใด
นายชูเกียรติ วิเศษเสนา ผู้อำนวยการ สพม. เขต 31 นครราชสีมา กล่าวว่า การสอบวันสุดท้ายนี้มีผู้ขาดสอบจำนวน 123 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิสอบทั้งหมด 1,383 คน อาจเป็นเพราะทำข้อสอบสอบทั้งหมด 1,383 คน อาจเป็นเพราะทำข้อสอบไม่ได้ใน 2 วันแรก จึงตัดสินใจไม่มาสอบสัมภาษณ์ ส่วนการเฝ้าระวังการทุจริตสอบช่วง 3 วันที่ผ่านมา ยังไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติแต่อย่างใด ทุกอย่างเรียบร้อยด้วยดี หลังจากนี้จะรวบรวมข้อสอบทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องมั่นคงภายในสำนักงาน สพม.เขต 31 ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะกรรมการของ สพม. เขต 31 จำนวน 8 คน เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนจะนำส่งให้มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) นครราช สีมา ตรวจข้อสอบในวันที่ 25 มิถุนายนและคาดว่าจะสามารถประกาศผลสอบได้ภายในวันที่ 8 กรกฎาคม

นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง ผู้อำนวยการ สพป.นครราชสีมา เขต 3 กล่าวว่า การสอบสัมภาษณ์ในวันนี้มีผู้ขาดสอบกว่า 200 ราย จากผู้มีสิทธิสอบทั้งหมด 2,749 ราย ซึ่งอาจเป็นเพราะทำข้อสอบไม่ได้ จึงไม่มาสอบสัมภาษณ์ ทั้งนี้ มีผู้เข้าสอบหลายคนบ่นว่าข้อสอบบางรายวิชายากมาก และมีจำนวนข้อสอบมากถึง 120 ข้อ ขณะที่ให้เวลาทำข้อสอบเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น
ที่สนามสอบโรงเรียนขามแก่นนคร ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ของ สพม.เขต 25 ขอนแก่น คณะกรรมการควบคุมการสอบได้จัดห้องสอบสัมภาษณ์จำนวน 2 ห้อง มีกรรมการสัมภาษณ์ ห้องละ 3 คน โดยเรียกผู้สมัครเข้าไปสอบสัมภาษณ์ครั้งละ 1 คน

นายรังสรรค์ เถื่อนนาดี ผู้อำนวยการ สพม.เขต 25 ขอนแก่น กล่าวว่า การสอบบรรจุครูผู้ช่วยครั้งนี้มีการเฝ้าระวังอย่างมาก เชื่อว่าจะไม่มีการทำทุจริตสอบ ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไปจะเก็บรักษาข้อสอบและกระดาษคำตอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดเก็บรักษาอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีช่องว่างทำทุจริตได้

ที่ จ.สกลนคร นายเทวรัฐ โตไทยะ ผู้อำนวยการ สพป.สกลนคร เขต 1 ตรวจเยี่ยมสนามสอบที่โรงเรียนเชิงชุมราษฎร์นุกูล อ.เมืองสกลนคร ซึ่งในการจัดสอบครั้งนี้ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารใช้เครื่อง Hand Scan ตรวจค้นวัตถุต้องสงสัย และใช้เครื่องตรวจจับสัญญาณสื่อสารต่างๆ เพื่อป้องกันการทุจริต

ด้านนางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับรายงานจากผู้แทน ก.ค.ศ.ที่ส่งไปสังเกตการณ์การสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้ใน 79 เขตพื้นที่ฯว่า ไม่พบการทุจริต ยกเว้นการทำผิดระเบียบเล็กๆ น้อยๆ เช่น กรณีมีผู้เข้าสอบ 2 ราย นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องสอบที่สนามการทำผิดระเบียบเล็กๆ น้อยๆ เช่น กรณีมีผู้เข้าสอบ 2 ราย นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องสอบที่สนามสอบโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย กทม. ในการสอบวันแรก ซึ่งต้องถูกตัดสิทธิ เพราะตามระเบียบห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบ

เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวต่อว่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์ร้องทุกข์ของครูผู้ช่วยที่ถูกปลดออกจากราชการ เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อทุจริตการสอบเมื่อครั้งที่ผ่านมานั้น ยังไม่มีผู้อุทธรณ์เพิ่มจากจำนวนเดิม 43 คน แต่คาดว่าน่าจะทยอยส่งเรื่องเข้ามา ซึ่งในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ จะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการปลดครูผู้ช่วยในกลุ่มรายชื่อมีพฤติการณ์ส่อทุจริตการสอบ จำนวน 344 ราย เสนอที่ประชุม ก.ค.ศ.รับทราบว่า มีคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯใดบ้างจาก 119 เขต ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และเขตใดที่ยังไม่ได้ดำเนินการ นอกจากนี้ จะเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาเห็นชอบการจัดสอบบรรจุครูผู้ช่วย เพื่อทดแทนอัตราว่างจากการสอบกรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมทั้งทดแทนกลุ่ม 344 รายด้วย ซึ่งจะแบ่งเป็น 1.การคัดเลือกทั่วไปที่จะเปิดโอกาสให้คนทั่วไปและครูอัตราจ้างมาสอบคัดเลือก ขณะนี้มีอัตราว่างประมาณ 1,000 อัตรา และ 2.การคัดเลือกและสอบคัดเลือกเฉพาะกลุ่มครูอัตราจ้าง กลุ่มนักเรียนทุนต่างๆ โดยทั้งหมดนี้จะให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการจัดสอบเองทั้งหมด โดยใช้หลักเกณฑ์คล้ายกับการสอบบรรจุครูผู้ช่วยครั้งนี้

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า กรณีมีผู้เข้าสอบที่สนามสอบโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย 2 ราย นำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการโทร.เข้าโทร.ออกเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารหรือไม่ และต้องดูเจตนาว่าตั้งใจหรือหลงลืม ยังไม่อยากให้ฟันธงว่าผู้เข้าสอบทั้ง 2 รายต้องถูกตัดสิทธิสอบ ส่วนการเพิกถอนการบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 344 คนดังกล่าวนั้น เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่คนเหล่านี้ถ้าได้รับการบรรจุแล้ว ก็ต้องให้ออกจากราชการแน่นอน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33137&Key=hotnews

สอศ.ปัดรวบรัดเปิดสอน ป.ตรี อาชีวะ ยันหลักสูตรถูกต้อง-เร่งปรับวุฒิ-เชื่อผ่าน ก.พ.

frog jump
frog jump

24 มิถุนายน 2556 นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รวบรัดเปิดสอนหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยี/สายปฏิบัติการในสถาบันการอาชีวศึกษา 9 แห่ง 43 วิทยาลัย 6 ประเภทวิชา 16 สาขาวิชา ให้ทันปีการศึกษา 2556 จนเกิดความไม่มั่นใจในตัวหลักสูตร ว่า สอศ.ขอชี้แจงว่า ทำหลักสูตรถูกต้องตามหลักวิชาการทั้งหมด โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาคิดหลักสูตรร่วมกับครู สมาคมวิชาชีพ และสถานประกอบการ เพื่อให้ทราบว่าสมรรถนะที่ต้องการคืออะไร ฉะนั้นหลักสูตรทั้ง 16 วิชา จึงถูกต้องตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สำคัญหลักสูตรได้ผ่านกรรมการวิชาการทั้ง 9 สถาบันแล้ว โดยผ่านการพิจารณาทั้งจากกรรมการแต่ละสาขาวิชา กรรมการวิชาการของสถาบัน และผ่านความเห็นชอบของสภาสถาบันมาแล้ว จากนั้น จึงเสนอเข้าสู่ที่ประชุมผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองหลักสูตร คณะอนุกรรมการกลั่นกรองหลักสูตร และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (บอร์ด กอศ.) เป็นขั้นตอนสุดท้าย คงไม่ได้เป็นการรวบรัดแต่อย่างใด

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า ส่วนหลักเกณฑ์ วิธีการรับรองคุณวุฒิและกำหนดอัตราเงินเดือน ได้กำหนดแนวทางไว้ว่า สถานศึกษาที่ได้รับการรับรองจากสภาสถาบัน และจัดการศึกษาตามมาตรฐานหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ต้องเสนอให้สกอ.รับทราบมาตรฐานหลักสูตร ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พิจารณารับรองคุณวุฒิต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังมีสถาบันบางแห่งจำเป็นต้องปรับรายละเอียดให้ตรงตามแบบฟอร์มที่ สกอ.กำหนด โดยสอศ.จะเรียกมาปรับแก้ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าหลักสูตรทุกวิชาไม่มีปัญหาอะไร เพราะสกอ.เข้ามีส่วนร่วมมาโดยตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่กำหนดกรอบหลักสูตรแล้ว ที่สำคัญเมื่อสอศ.ดำเนินการอย่างถูกต้องมาทุกขั้นตอน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ก.พ.จะไม่พิจารณารับรองคุณวุฒิให้

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 มิ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33122&Key=hotnews

กยศ.ให้กู้เงินยืมเรียนถึง 31 ก.ค.นี้

24 มิถุนายน 2556

ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนฯ เปิดระบบ e-Studentloan กองทุน กรอ.หรือ กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ระดับ ปวส. ทุกสาขา และปริญญาตรี เฉพาะสาขาที่เป็นความ ต้องการของประเทศ ได้มีสิทธิขอกู้ยืมเงินในภาค เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 โดยยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลักเกณฑ์การกู้ยืมกองทุน กรอ.จะให้กู้ยืมค่าเล่าเรียนแก่นักศึกษา ปวส.ทุกสาขา และระดับปริญญาตรี 90 กลุ่มสาขาวิชา หรือ 1,313 หลักสูตร/สาขาวิชา หากผู้กู้ยืมมีฐานะยากจนมีรายได้ครอบครัวไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี ขอกู้ยืมค่าครองชีพเพิ่มจากค่าเล่าเรียนได้ เมื่อจบมีรายได้ถึง 16,000 บาทต่อเดือน ต้องผ่อนจ่ายคืนกองทุนฯ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ในระยะเวลา 15 ปี นักศึกษาขอกู้ยืมผ่านระบบ e-Studentloan ได้ทาง www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์สายใจ กยศ. โทร.0-2610-4888.

ที่มา: http://www.thairath.co.th

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33121&Key=hotnews

สกสค.ผุดร้านค้าสวัสดิการเพื่อครู จับมือ อ.ต.ก.-ก.พาณิชย์ลดรายจ่ายภาคครัวเรือน-วงเครดิต 2 หมื่น/คน

24 มิถุนายน 2556

นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกสค. กำลังทำโครงการตามแนวคิด “ครอบครัวครูเราดูแล” ด้วยการเปิดร้านค้าสวัสดิการสำหรับครู เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนของครู นำสินค้าพื้นฐานประจำครัวเรือนที่ใช้ในการดำรงชีวิต สื่อวัสดุทางการศึกษา และสินค้าทางการเกษตรมาจำหน่ายให้แก่ครู โดยได้มีการทำความร่วมมือ MOU กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. และกระทรวงพาณิชย์ ในการจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูกมาขาย ณ จุดจำหน่ายสินค้าที่สำนักงาน สกสค.จังหวัด โดยจะนำร่องที่สำนักงาน สกสค.จังหวัด ที่สร้างเสร็จแล้ว 40 จังหวัดก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 1 ต.ค. 56 นี้ โดยระยะแรกน่าจะเน้นไปที่สินค้าที่จำเป็นสำหรับครัวเรือนก่อน
เลขาธิการสกสค. กล่าวต่อไปว่าหลักการคือสกสค.จะจัดหาสินค้าดีมีคุณภาพ และราคาถูกกว่าท้องตลาดมาขายให้ครู เพื่อช่วยลดรายจ่ายของครัวเรือน โดยจ่ายผ่านบัตรเครดิตครอบครัวครูที่คาดว่าเบื้องต้นจะให้วงเงินเครดิตคนละ 2 หมื่นบาท ไม่รับชำระค่าสินค้าเป็นเงินสด เพราะบัตรเครดิต ครูดังกล่าวจะออกให้เฉพาะสมาชิกช.พ.ค. ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 900,000 คนและจะใช้ได้เฉพาะที่ร้านค้าสวัสดิการของครูเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ที่อื่นหรือกดเงินสดออกไปใช้ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยควบคุมการใช้จ่าย และเป็นการสร้างวินัยทางการเงินของครูได้ สำหรับการออกบัตรเครดิตดังกล่าวนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษา ว่าจะให้ออกโดยสถาบันการเงินหรือนำเงินกองทุนของ สกสค. ที่มีอยู่มาใช้อย่างไรก็ตาม เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า น่าจะมีครูเข้ามาใช้บริการโครงการนี้อย่างน้อย30%
“ในอนาคตทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็อาจจะมีการเปิดให้ครูเข้ามาร่วมถือหุ้นได้ เพราะทุกวันนี้ครูรอกินแต่เงินเดือน ถ้ากระจายหุ้นได้ สิ้นปีมีการปันผลครูก็จะสามารถมีรายได้อีกทางหนึ่งด้วยผมขอบอกว่าที่ สกสค. คิดทำโครงการนี้เพราะเราอยากพึ่งตัวเองให้มากที่สุด ไม่อยากไปรบกวนรัฐบาล ครูก็มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องการเรียกร้องเอาเงินภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือหนี้สินครูให้มากเกินไปทุกวันนี้มีพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนกว่าครูมากมาย ต้องถือว่าครูส่วนใหญ่อยู่ดีกินดีกว่ามาก เพราะฉะนั้น เราจะไม่เรียกร้องอะไรที่เกินเลย ไม่เรียกร้องหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพราะเป็นเรื่องไม่สมควร ครูเราต้องช่วยเหลือดูแลกันเองได้ เราต้องพัฒนาช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะให้คนอื่นช่วย” นายสมศักดิ์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33120&Key=hotnews

ชงผ่อนกฎ ตม.เอื้อแลกเปลี่ยนครู-นักเรียน

24 มิถุนายน 2556

สกอ.จ่อถกอาเซียน ผ่อนกฎคนข้ามแดนเฉพาะกรณี เอื้อนักศึกษาอาจารย์แลกเปลี่ยนง่ายขึ้น
น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดเผยว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาของอาเซียนครั้งต่อไป สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะหารือกับที่ประชุมเรื่องการแก้ไขหรือผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับการเข้าเมืองและการพำนักของนักศึกษาแลกเปลี่ยนและอาจารย์ชาวต่างชาติ เพื่อให้อาเซียนเกิดความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนความรู้และบุคลากรระหว่างกันได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากที่ สกอ.ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษามาเลเซีย-อินโดนีเซียไทย มาระยะหนึ่ง และจัดประชุมประเมินผลทุก 6 เดือน พบว่าปัญหาหลักที่สร้างความวุ่นวายในการแลกเปลี่ยนนักศึกษาคือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศเพราะมีขั้นตอนยุ่งยาก ไม่สะดวกต่อการแลกเปลี่ยนนักศึกษา

ขณะที่นักศึกษาอาเซียนที่เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนในไทยจะต้องรายงานตัวต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทุก 90 วัน ซึ่งช่วงเปิดภาคเรียนอาจไม่ได้เอื้อให้นักศึกษาเหล่านั้นดำเนินการดังกล่าวได้ ทำให้อาจารย์จากหลายสถาบันการศึกษาแสดงความกังวลต่อการแลกเปลี่ยนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สกอ.ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงาน ตม.มาชี้แจงในการประชุมรองอธิการบดีที่ดูแลงานด้านต่างประเทศของสถาบันอุดมศึกษาไทยแล้ว ทางสำนักงานตม.ยืนยันว่า นักศึกษาไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวเอง แต่สามารถส่งเอกสารและให้ตัวแทนมายื่นให้ได้

น.ส.อาภรณ์ กล่าวอีกว่า อีกปัญหาหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการแลกเปลี่ยน คือ ช่วงเวลาการเปิด-ปิดภาคเรียนของแต่ละประเทศ ล่าสุด จากการเดินทางไปเยือนพม่า พบว่าสถาบันอุดมศึกษาพม่ายังเปิดภาคเรียนที่ 1 ในช่วงเดือน มิ.ย. เช่นเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาไทย แต่ในปีการศึกษา 2557 ไทยจะปรับไปเปิดภาคเรียนที่ 1 ให้ตรงกับประเทศส่วนใหญ่

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33119&Key=hotnews

 

ชงไทยตั้งสนง.ลูกเสือโลก

24 มิถุนายน 2556

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบการจัดสร้างค่ายลูกเสือระดับภูมิภาค ตามที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติเสนอใช้พื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ ต.บ้านต้า อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ซึ่งมีเนื้อที่ 175 ไร่ ยกระดับเป็นค่ายลูกเสือระดับภาคเหนือ โดยกำหนดแผนพัฒนาการจัดสร้างค่ายลูกเสือดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2556-2558 ใช้วงเงินงบประมาณ 125 ล้านบาท โดยในปีแรกจะใช้งบประมาณของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติจำนวน 20 ล้านบาท มาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมให้พร้อมเป็นค่ายลูกเสือระดับภาคเหนือทันที

รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรายงานผลการติดตามความคืบหน้า กรณีที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นสถานที่จัดตั้งสำนักงานลูกเสือโลกแห่งใหม่ ซึ่งจะมีการย้ายที่ทำการจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เลขาธิการสำนักงานลูกเสือโลกได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อตรวจดูสถานที่แล้ว และคาดว่าการพิจารณาคัดเลือกจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้มีหลายประเทศที่เสนอตัวเป็นสถานที่จัดตั้งสำนักงานลูกเสือโลก อาทิ ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอังกฤษ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33118&Key=hotnews

ถกการศึกษาเอเชีย-โชว์แอพใหม่ สกศ.จัดแลกเปลี่ยนความรู้เตรียมสู่อาเซียน

24 มิถุนายน 2556

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการระหว่างประเทศ ประจำปี 2556 (International Education Conference 2013) เรื่อง “การศึกษาเพื่ออนาคตประเทศไทย” ระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย. นี้ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยการประชุมครั้งนี้ เพื่อนำเสนอและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมมือด้านการศึกษา สร้างความร่วมมือระดับเอเชีย-แปซิฟิก เตรียมประเทศเข้าสู่อาเซียน นอกจากนี้ ยังนำเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และแบบปฏิบัติที่ดีทางการศึกษา ตามกรอบและทิศทางการวิจัยทางการศึกษา รวมถึงเชิดชู และมอบรางวัลผลงานวิจัยและนักวิจัยดีเด่นทางการศึกษา

“ผู้เข้าร่วมงานจะได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับงานวิจัยทางการศึกษาระดับประเทศ เพื่อนำไปใช้กำหนดนโยบายของประเทศ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ซึ่งเป็นแนวทางการยอมรับการเทียบระดับการศึกษา และร่วมเสวนากับผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาด้านการศึกษา จากยูเนสโก โออีซีดี และประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ยังจะได้พบ แอพสโตร์ใหม่ เพื่อการศึกษา” น.ส.ศศิธารา กล่าว

เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะนำเสนอในการประชุม ได้แก่ นโยบายและยุทธศาสตร์การศึกษาปี’56-58 แผนการศึกษาแห่งชาติ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติการปฏิรูปครู หลักสูตร การเรียนการสอน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย ผลงานวิจัยตามกรอบและทิศทางการศึกษาของประเทศ ปี’ 55-58 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล ผลการติดตามและประเมินการจัดการศึกษาของประเทศ และผลสอบโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ พิซ่าของประเทศ สถิติและตัวชี้วัดการศึกษา เพื่อการวางแผนและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และการนำเสนอข้อมูลผลงานวิจัย การติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา และสถิติและตัวชี้วัดการศึกษาผ่านแอพสโตร์

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33117&Key=hotnews

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: การกำกับติดตาม การสอบบรรจุครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2556

24 มิถุนายน 2556

รัตนา ศรีเหรัญ
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2556 ซึ่งกำหนดให้มีการสอบแข่งขันในวันที่ 22-24 มิถุนายน 2556 นั้น

เพื่อให้การดำเนินการสอบแข่งขันในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เรียกศรัทธาจากสังคมกลับคืนมายังกระทรวงศึกษาธิการ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช สำนักงาน ก.ค.ศ. ในฐานะเจ้าหน้าที่ดำเนินงานของ ก.ค.ศ. ได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่การประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขัน ให้กับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่การศึกษา และผู้แทนส่วนราชการ ในวันที่ 25 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นวันก่อนการเปิดรับสมัครสอบแข่งขัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เดินทางมาเป็นประธานและมอบนโยบายการสอบแข่งขันในครั้งนี้ ต่อมาในวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ตั้งศูนย์อำนวยการประสานงานการสอบแข่งขันในสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยจัดเจ้าหน้าที่ไว้อำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานการสอบแข่งขัน และเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2556 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานการประชุมชี้แจงการกำกับ ติดตามการสอบแข่งขันให้กับผู้แทน ก.ค.ศ.ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาซึ่งประธาน ก.ค.ศ. ได้มอบหมายให้ไปดำเนินการในการกำกับ ติดตามการสอบแข่งขันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากการเตรียมการต่างๆ ที่จะสนับสนุน ให้การสอบแข่งขันในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน ก.ค.ศ. ขอเรียนว่าจากวันรับสมัครสอบแข่งขันจนถึงวันสอบแข่งขัน ยังไม่พบปัญหาการร้องเรียนแต่อย่างใด มีเพียงข้อหารือ 3 ประเด็นใหญ่ๆ คือ 1)คุณวุฒิของผู้สมัครสอบแข่งขัน เนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นคุณวุฒิที่ตรงตามประกาศรับสมัครหรือไม่ 2)กรณีผู้สมัครสอบ สมัครเกิน 1 แห่ง ซึ่งเขตพื้นที่การศึกษาไม่อาจพิจารณาได้ว่าจะสามารถให้ถอนใบสมัครได้หรือไม่ และจะประกาศรายชื่อเป็น ผู้มีสิทธิสอบได้หรือไม่ และ 3)การประมวลผลการสอบ เขตพื้นที่การศึกษาจะต้องส่งคะแนนภาค ค ให้สถาบันอุดมศึกษานำไปประมวลผลคะแนนการสอบหรือไม่ ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ตอบข้อหารือ ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินการสอบแข่งขันเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นผลดีแก่ทางราชการ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันตามหลักเกณฑ์และวิธีการและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อยืนยันว่าการสอบแข่งขันครั้งนี้จะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมในทุกขั้นตอน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33116&Key=hotnews

ทปอ.โยนรัฐจัดงบอุดหนุนเพิ่ม สนอง ‘ลดค่าเล่าเรียน’ อุดมศึกษา

24 มิถุนายน 2556

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะรองประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ทปอ. ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น ว่าที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ปรับลดค่าธรรมเนียมในการเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่ง ทปอ.เห็นว่าขณะนี้มหาวิทยาลัยของรัฐไม่เคยจัดบริการการศึกษาโดยหวังผลกำไร ขณะเดียวกันนักศึกษาทุกคนที่เรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐเสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่าต้นทุนจริงครึ่งหนึ่ง ที่เหลือใช้เงินภาษีของประชาชน และที่สำคัญมหาวิทยาลัยของรัฐได้สร้างความมั่นใจให้สังคมโดยจัดทุนการศึกษากับนักศึกษาที่มีศักยภาพที่จะเรียนในระดับอุดมศึกษาแต่ไม่มีเงินเรียน

“ที่ประชุม ทปอ.ไม่ได้ฟันธงว่าจะต้องเพิ่มหรือลดค่าธรรมเนียมการศึกษาของมหาวิทยาลัย แต่หากรัฐบาลต้องการให้ลดค่าธรรมเนียมจริงก็สามารถทำได้ โดยมอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพิ่มเข้าในระบบเพื่ออุดหนุนมหาวิทยาลัยรัฐ และอยากให้นักศึกษาทุกคนที่เรียนในมหาวิทยาลัยได้สำนึกในเงินภาษีของคนไทยทุกคนที่จ่ายมาให้ เพื่อทำให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัย” รองประธาน ทปอ. กล่าว และว่า ที่ประชุมยังมีมติให้มหาวิทยาลัยรณรงค์ในการบริหารบ้านเมืองให้โปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชั่น ตามโครงการ บัณฑิตไทย ไม่โกง พร้อมทั้งให้มีการต่อยอด โดยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าจะรวบรวมคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาช่วยวิเคราะห์โครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลได้มีการดำเนินการ เพื่อพิจารณาความคุ้มค่า และเห็นว่าเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นต้องรณรงค์ตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้นจะมีการปรับหลักสูตรตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเรื่องของความเป็นพลเมือง รู้จักหน้าที่ และสิทธิเสรีภาพ โดย ทปอ.เห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาต้องเข้ามาช่วยร่างระบบการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบัน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33115&Key=hotnews