บุรินทร์ รุจจนพันธุ์

เตรียมตัวอย่างไร ถ้าจะกลายเป็นชาวอาเซียน

ตอนนี้หากคนถามว่าอาเซียนคืออะไร แล้วทำหน้างง ๆ สงสัยจะต้องหลุดกระแส ยิ่งผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาชูประเด็นการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ
! http://bit.ly/Yclnyq

ภควัต สมิธธ์
ภควัต สมิธธ์

ทั้งโลกยิ่งตื่นเต้นกับคำว่า Change (เปลี่ยน) คลื่นความใหม่ของแนวคิดย่อโลกด้วย Cyber Network จึงทำให้คำว่า เปลี่ยน มีความชัดเจนมากขึ้น ประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือของผม บ่งบอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการย่อโลกด้วยการติดต่อสื่อสารผ่านระบบสังคมออนไลน์ ทำให้ความเชื่อ ความคิด และพฤติกรรมของบุคคลเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ที่พบเห็น และได้สื่อสารกับคนในสังคมที่ต่างทั้งภาษาและวัฒนธรรม ลองนึกถึงเวลาไปเที่ยวดอยแล้วพบคนพูดสำเนียงชาวเขาที่สวมยีนส์ คู่กับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแบบนักบาสเกตบอล ก็เกิดความคิดที่ว่า เราไม่สามารถหยุดโลกได้ แต่เราจะใช้ประโยชน์อย่างไรกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น

การรวมกลุ่มของประเทศอาเซียนมีพื้นฐานแนวคิดมาจากการรวมกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป การใช้ค่าเงินเดียวกัน ข้อตกลงทางการค้าเดียวกัน การแลกเปลี่ยน เคลื่อนย้ายแรงงาน และการศึกษาแบบเสรี ฟังดูดีและมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เมื่อได้ยินบางกระแสที่ไม่เห็นด้วยกับการรวมอาเซียน โดยคิดไปว่าการรวมกลุ่มจะทำให้ประเทศไทยหายไป ภาษา วัฒนธรรม เอกลักษณ์จะโดนชาติที่เจริญอย่างสิงคโปร์กลืนความเป็นไทย ในทางกลับกันมองได้ว่า แนวคิดเรื่องอาเซียนไม่ได้ต้องการให้ทุกประเทศกลายเป็นประเทศเดียวกัน หากแต่มองเรื่องศักยภาพของแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกัน จะสามารถเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กันและกันได้ โดยเรียกพวกเราทั้งหมดว่าอาเซียน เป็นการแสดงความสัมพันธ์ในภูมิภาคว่า เรามีแนวทางการค้า การลงทุน การดำเนินชีวิตคล้ายคลึงกัน และเราจะช่วยกันดูแลผลประโยชน์ของภูมิภาคบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ที่ยอมรับร่วมกัน

คนไทยมีหลายแนวคิด บ้างอนุรักษนิยม บ้างสมัยใหม่นิยม บางคนมีเพื่อนเยอะแต่กลับไม่ถูกคอกับคนข้างบ้าน เราชอบแข่งกับคนข้างบ้านแต่ญาติดีกับคนที่อื่น ถ้าเขาซื้อรถใหม่เราจะอารมณ์เสีย แล้วเวลาโจรจะปล้นบ้าน หรือในยามเจ็บป่วย คนที่ไหนจะช่วยเรา ผมอยากให้เราลองมองย้อนไปในอดีตว่า ความคล้ายคลึงของพวกเราชาวอาเซียนมีมากมาย เรากินข้าว เราเคารพผู้ใหญ่ เราเก่งเกษตรกรรม เราเด่นศิลปะ เราอุดมสมบูรณ์ ส่วนความขัดแย้งที่ผ่านมาไม่ได้เกิดโดยประชาชนของประเทศนั้นๆ เพียงแต่เป็นเรื่องของโอกาสทางการเมือง การปกครอง แนวคิดของผู้นำ การขยายดินแดน ซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานของการอยู่รอดแบบสมัยอดีต แต่ปัจจุบันเรารู้จักกัน เราสื่อสารกัน เราค้าขายกัน เราสามารถใช้ประโยชน์จากความคล้ายคลึงให้เป็นจุดแข็งในการต่อสู้ทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคอื่น เช่น การทำให้อาเซียนเป็นฐานการผลิตอาหารและการเกษตรของโลก เพราะเราปลูกข้าว เรามีพืชผักผลไม้ อาหารทะเล สมุนไพรที่มีประโยชน์ เรามีฝีมือ นอกจากนั้นชาวอาเซียนมีอุปนิสัยเป็นมิตร ชอบต้อนรับ เราสามารถเป็นฐานการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบที่ทำรายได้มหาศาลในแต่ละปี

ประชาชนของทุกประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องปรับตัวปรับใจ เพื่อยินยอมเป็นสมาชิกที่แท้จริงของอาเซียน ไม่ใช่แค่พูดถึงแล้วผ่านไป ต้องสร้างความรู้สึกการเป็นเจ้าของร่วมกัน ประมาณว่าร่วมกันเป็นหุ้นส่วน ชาวอาเซียนต้องฝึกฝนตนเองในการรับรู้ข่าวสารประเทศเพื่อนบ้าน ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษอย่างน้อยก็ฝึกอ่านข่าวสั้นๆ จากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ยอมรับในความเป็นตัวตนของกันและกัน รับฟังความคิดเห็น แลกเปลี่ยนภูมิปัญญา และเลิกเปรียบเทียบให้เกิดปมด้อย แต่จะต้องช่วยกันยกระดับความรู้ ความคิด ค่านิยม ในการสร้างความเจริญและความมั่นคงของภูมิภาค

จากที่เห็นทุกมหาวิทยาลัยเปิดโปรแกรมการเรียนเพื่อป้อนความต้องการของตลาดอาเซียน การส่งนักศึกษาไปฝึกงานกับมืออาชีพ เพื่อให้เกิดความชำนาญก่อนสำเร็จการศึกษา และการเปิดรับนักศึกษาจากอาเซียนเข้ามาเรียน ทำให้บรรยากาศความร่วมมือดูมีชีวิตชีวาและมีความเป็นสากลมากขึ้น เราลองหันมาเรียนภาษาประเทศเพื่อนบ้านเป็นภาษาที่สาม ซึ่งยังมีผู้ที่ชำนาญจำนวนไม่มากก็จะดูดีมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย น้องๆ รุ่นใหม่ จะต้องวางแผนในการเลือกสาขาที่จะเรียนให้สอดคล้องกับอนาคตในสาขาที่ขาดแคลน เช่น แพทย์แขนงต่างๆ วิศวกรรมปิโตรเลียมและเคมี บัญชีและการเงิน สาธารณสุข หรือสาขาที่จำเป็นต่อตลาดธุรกิจอินเตอร์ เช่น นิเทศศาสตร์ คอมพิวเตอร์ บริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มัลติมีเดีย สถาปนิกและออกแบบ การโรงแรมและท่องเที่ยว แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะเลือกเรียนสาขาใด ก็จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของภูมิภาคอาเซียนว่ายังคงมีกรอบวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่ หากเราเรียนรู้ การต้อนรับ การทักทาย การแสดงความเคารพซึ่งหมายถึงการยอมรับและการรับฟังผู้อื่น ก็จะเพิ่มความราบรื่นในการผูกมิตร

asean
asean

เมื่อก่อนเวลาเห็นคนที่ทำตัวเชยๆ เรามักจะเรียกเขาว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในทางกลับกัน ถ้าเราล้าหลังกว่าใครในอาเซียนก็จะตกที่นั่งลำบากแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม รวมกันเป็นกลุ่มก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง คิดดูสิขนาดซุปเปอร์ฮีโร่ยังต้องทำงานเป็นทีม

โดย : ภควัต สมิธธ์
! http://www.ประเทศอาเซียน.com

! http://blog.nation.ac.th/?p=2534

จำนวนครู น่าเป็นห่วงมากกว่าคุณภาพการสอน 0 คน

zero teacher in school
zero teacher in school

พบข้อมูลจำนวนครูต่อโรงเรียน แล้วรู้สึกน่าเป็นห่วงมี 2 กรณี
กรณีแรกที่เข้าข่ายน่าเป็นห่วงมาก คือ ทั้งโรงเรียนมีครู 1 คน
กรณีที่สองที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ ทั้งโรงเรียนมีครู 0 คน

จากข่าววิชาการเรื่อง “ปัญหาการศึกษาไทยถอยหลังลงคลอง ชี้การเรียนการสอนด้อย-ขาดจิตสำนึก” ที่  ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในระหว่างเป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะกลุ่มเป้าหมายครูเพื่อสังคม
ในหัวข้อเรื่อง”บทบาทของครูต่อการศึกษา สังคมและประเทศชาติ
ชี้ว่า ปัญหาของการศึกษาไทยในขณะนี้มีอยู่ 3 เรื่อง
1. ปัญหาการขาดความรับผิดชอบของครู ทั้งที่มีการให้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท หรือแม้แต่การเพิ่มเงินเดือนครูให้มากขึ้น แต่กลับปรากฏว่าการเรียนการสอนไม่ดีขึ้น และส่งผลให้สัมฤทธิ์ผลทางการเรียนไม่ปรากฏ
2. ปัญหาความแตกต่างทางการศึกษา จากอัตราครูที่สูงขึ้น เงินเดือนที่สูงขึ้น มีผู้บริหารจำนวนมากขึ้น แต่การศึกษากลับถดถอยไม่มีความก้าวหน้า
3. เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรงระหว่างโรงเรียนในเมืองหลวง เมืองใหญ่ และชนบท ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ เพราะระบบการเมืองที่ล้มลุกคลุกคลาน ไม่เข้มแข็ง ไม่มั่นคง แต่ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนที่มีการจัดการเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพ
บรรทัดสุดท้ายชี้ว่า
ขณะนี้มีโรงเรียนอีกหลายพันแห่งที่มีครูคนเดียว แต่ต้องสอนนักเรียนทั้งโรงเรียน

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151501840442272&set=a.423083752271.195205.350024507271
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32209&Key=hotnews
http://202.143.169.168/emis/table_school.php?areaid=50

ข้อมูล สถิติด้านการศึกษา

ข้อมูลสถิติด้านการศึกษาฉบับย่อ เป็นข้อมูลสถิติพื้นฐานที่ได้สำรวจและจัดเก็บ ณ วันที่ 10 มิถุนายนของทุกปีการศึกษา และได้จำแนกเป็นข้อมูลพื้นฐานทางการศึกษาของการศึกษาทุกระดับและทุกสังกัด นำเสนอผ่านตารางข้อมูลพื้นฐาน และในลักษณะแผนภูมิเปรียบเทียบถึงความ สัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม/ประเภทข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการตัดสินใจและการบริหารจัดการในภารกิจต่างๆ ของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารการศึกษาทุกระดับรวมถึงผู้สนใจและองค์กรทั้งภาครัฐ/เอกชนที่อยู่ทั้งในและนอกประเทศ อาทิ จำนวนนักเรียน นักศึกษา จำแนกรายชั้น รายจังหวัด  จำนวนนักเรียน นักศึกษา จำแนกรายชั้น รายสังกัด  จำนวนนักเรียน นักศึกษา จำแนกรายสังกัด รายจังหวัด

data statistic
data statistic

http://www.moe.go.th/data_stat/

สถิติจำนวนนักเรียนในแต่ละโรงเรียน

ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(Office of the basic education commission department operation center)

ได้จัดทำสรุปรายงานข้อมูลจาก data on web ได้ละเอียด มีระบบช่วยค้นหาโรงเรียน มีเมนูสำหรับโรงเรียน ได้แก่  1) คำอธิบายการกรอกข้อมูล 2) สำหรับเขตพื้นที่การศึกษา 3) กรอกข้อมูลโรงเรียนรัฐบาล 4) กรอกข้อมูลโรงเรียนเอกชน 5) รายงานข้อมูลโรงเรียนรัฐบาล 6) รายงานข้อมูลโรงเรียนเอกชน 7) ตรวจสอบการส่งข้อมูล 8) สรุปการรายงานข้อมูล ซึ่งข้อมูลหนึ่งที่ลองเข้าไปดู คือ สรุปภาพรวมโรงเรียนทุกสังกัด จำนวนนักเรียน และจำนวนห้องเรียน

information eis
information eis

http://doc.obec.go.th/doc/web_doc/information_eis.htm

ปี 2554 ประเทศมีอัตราส่วนครู 20 ต่อ 1

student and teacher 2554
student and teacher 2554

ข้อมูลจำนวนครู จำนวนอาจารย์ และผู้สอนในปีการศึกษา 2554
ณ วันที่ 4 กันยายน 2555
พบว่า ประเทศไทยมีครู/คณาจารย์/ผู้สอน
จำนวน 696,231 คน ดูแลนักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวน 13,954,735 คน
คิดเป็นนักเรียน 20.04 คนต่อครูหนึ่งคน
http://www.moc.moe.go.th/ViewContent.aspx?ID=4281

Biodata ของ สกว.

biodata of trf
biodata of trf

สกว. จัดทำจดหมายข่าว หรือสาร Biodata ซึ่งเป็นข่าวสารประจำสัปดาห์มาตั้งแต่ปี 2550 ใน http://biodata.trf.or.th/list_all_news.aspx
พบว่า รายการข่าวสารฉบับแรกที่เผยแพร่ คือ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 (2007)
ประชาชนสามารถลงทะเบียนรับจดหมายข่าว
ทางอีเมลได้ที่ http://biodata.trf.or.th
เมื่อนับถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 มีมาแล้วทั้งหมด 266 ฉบับ
ซึ่งอ่านได้ทั้งผ่านเว็บเพจ และ pdf file

หัวข้อต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. บทนำ
2. มุมเอกสาร/สิ่งพิมพ์แนะนำประจำสัปดาห์
3. ปิดท้ายสาร Biodata ด้วยข่าวประชาสัมพันธ์ อาทิ การประชุมทางวิชาการ เป็นต้น
4. ข่าวสารทุนวิจัย สกว.
5. ข่าวสารทั่วไปของ สกว.
6. ข่าวสารทุนวิจัยของหน่วยงานอื่น
7. ข่าวสารทั่วไปของหน่วยงานอื่น

 

ครูยุคต่อไปในใจเด็ก

social teacher
social teacher

อันที่จริงยังมี
– ครูสอนเกษตร
– ครูสอนเลี้ยงสัตว์
– ครูสอนออกแบบ
– ครูสอนวิชาการต่อสู้
– ครูสอนสร้างเมือง
– ครูสอนขับรถ
– ครูสอนแต่งหน้า
– ครูสอนแต่งตัว
– ครูสอนยิงปืน
– ครูสอนเตะบอล
และอีกมากมาย

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=555679144463315&set=a.184872464877320.42492.180717885292778

blogger : blog teacher
blogger

1. ครูสอนเขียนเรื่อง

starcraft
starcraft

2. ครูสอนการต่อสู้

farm ville 2
farm ville 2

3. ครูสอนเกษตร

poker

4. ครูสอนคณิตศาสตร์

pes 2014
pes 2014

5. ครูสอนพลศึกษา

camera 360
camera 360

6. ครูสอนศิลปะ

market land
market land

7. ครูสอนการงานอาชีพ

three feel dot com
three feel dot com

8. ครูสอนเพศศึกษา
ครูบางคนเด็กก็นิยมล้นหลาม แต่ผิดกฎหมายถูกไล่ออกก็มี
3 พ.ค.2551 มีหมายศาลบล็อกเว็บไซต์สามรู้สึกดอทคอมของเกาหลี
http://freedom.ilaw.or.th/th/case/75#detail

ปรุงจากใจ ให้นักอ่านทุกคน (Book Baristas 2012)

book baristas
book baristas

ท่านที่รักการอ่านและใฝ่หาหนังสือคู่ใจ เมื่อแวะบูทของ NMG จะได้พบเล่า Book Baristas ซึ่งเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเนชั่น มาแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ นักศึกษาทั้ง 6 คนที่เสพติดการอ่าน จะคอยบริการให้คำแนะนำที่บูท M15 โซน C ชั้น 1 ตั้งแต่ 10 โมงถึง 3 ทุ่ม ระหว่าง 18 – 28 ตุลาคม 2555 ในมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17

Book lovers who visit NMG booths at the BookExpo Thailand will meet the ‘Book Baristas’ – Nation University students who can recommend interesting books to them. The six Book Baristas, who have a passion for reading, are waiting to serve book lovers at the NMG booths in M15 Zone C on the first floor of the Queen Sirikit National Convention Centre. The event opened Thursday and runs until October 28,2012. It is open from 10am to 9pm.

http://www.nationmultimedia.com/specials/nationphoto/show-new.php?pid=14532

http://www.facebook.com/KhonMorning/posts/439115882802934

book barista
book barista

http://news.voicetv.co.th/thailand/54192.html

http://www.youtube.com/watch?v=VP9xzGxD6CU

http://www.youtube.com/watch?v=WOfHX_8M96k

 

 

แบ่งปันประสบการณ์จากการประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน QA

รศ.อุษณีย์ คำประกอบ
รศ.อุษณีย์ คำประกอบ

2 วันของการเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ QA ตามโครงการ 1 ช่วย 9 ของ โดยสุดยอดวิทยากร รศ.อุษณีย์ คำประกอบ จึงขอแบ่งปันประสบการณ์อันเกี่ยวเนื่องใน 2 เรื่อง

เรื่องแรก เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการบรรยายของวิทยากร ที่ผมซาบซึ้งในความมีน้ำใจของท่านที่มีให้กับเรามาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ ผ่านมา ยิ่งได้เห็นในครั้งนี้กับ “ความทุ่มเท” หรือ “การทำการบ้านอย่างหนัก” ของท่าน ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่า ท่านคือกูรูด้าน QA แบบที่พูดได้สนิทใจว่า รู้จริง รู้ลึก รู้ถึงความเชื่อมโยงของเกณฑ์ต่างๆ ทั้งของ สกอ. และ สมศ. และที่สำคัญไปกว่า รู้ถึงเจตนารมณ์ของเกณฑ์ในแต่ละตัวบ่งชี้ ไม่ใช่เพียงแค่เข้าใจจากการตีความตามตัวอักษรที่ผู้ประเมินหลายคนรวมถึงตัว ผมเองเข้าใจอยู่ สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก 2 วัน ที่เสียเวลาไป มันจึงคุ้มค่ามาก เพราะ 1.เรานำไปเขียน/ปรับปรุง SAR ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อคะแนนที่จะได้เพิ่มขึ้น 2.การเรียนรู้ในบทบาทของความเป็นครู ที่ต้องเป็นผู้ให้ และมีความพร้อมที่จะให้ ทุกครั้งที่ต้องยืนหน้าชั้นเรียน คงจะต้องถามตัวเองเสมอว่า “วันนี้เราพร้อมแล้วหรือยัง” พร้อมทั้งการเป็นผู้ให้ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู และพร้อมในเนื้อหาบทเรียนที่จะให้ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง เหมือนที่ท่านวิทยากรบอกว่า อาจารย์ส่วนใหญ่มีทักษะวิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมาและเข้ามาเป็นอาจารย์ในทันที แต่สิ่งที่ขาดไป คือ บทบาทและหน้าที่ความเป็นครู ไม่ได้ร่ำเรียนมาด้วย สำหรับผมแล้ว อาชีพการเป็นครู/อาจารย์ มันจึงไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด…..

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของ “คนชอบกาแฟ” เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของการประชุม/สัมมนา ที่ต้องมีบริการ ชา/กาแฟ ในเวลา 10.30 น. และ 14.30 น. ส่งผลให้ในช่วง 2 วัน ที่ผ่านมา ผมดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว (รอบเช้ามาจากที่บ้านแล้ว 1 แก้ว) แต่ก็มีอาจารย์บางท่านไม่ดื่ม ทราบมาว่า Caffeine ทำให้ใจสั่น รวมถึงคนที่เป็นความดัน ก็ไม่ดื่ม บางคนดื่มแล้วมีผลข้างเคียง ทำให้ปวดหัว กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว แต่ผลจากงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สรุปว่า การดื่มกาแฟในปริมาณปานกลาง ไม่ส่งผลใดๆ ต่อคนเป็นโรคหัวใจ ในทางตรงข้าม กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ในปริมาณที่มากกว่าผักและผลไม้หลายชนิดด้วยซ้ำ และผลจากงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยลดอัตราเสียงมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดอัตราเสี่ยงโรคพาร์กินสัน ลดอัตราการเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลัน ข้อมูลจากการวิจัยตลอด 26 ปี กับผู้หญิงมากกว่า 67,000 คน ในประเทศสหรัฐอเมริกา การดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน ลดอัตราเสี่ยงมะเร็งเยื่อบุมดลูก กาแฟยังช่วยลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ลดปริมาณสารอินซูลินที่มีผลต่อโรคเบาหวาน
สรุปแล้ว การประชุม 2 วันที่ผ่านมานั้น ผมได้ทั้งสุขภาพสมองและสุขภาพกาย คุ้มค่าจริงๆ ครับ

แหล่งข้อมูลเรื่องที่ 2 : The Nation ฉบับวันที่ March 1, 2012

! http://blog.nation.ac.th/?p=2022

คิดอย่างสตี๊ฟ จ๊อบ

ม.เนชั่น ลำปาง จัดสัมมนา 2 หัวข้อใหญ่ “เพื่อการศึกษาก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ในงาน Open House   สัมมนา เรื่อง “เรียนและทำงานอย่างไรให้เป็นมืออาชีพ” และสัมมนาเรื่อง “คิดอย่างสตี๊ฟ จ๊อบ” โดยคุณสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองได้รับทราบถึงแนวทางการศึกษาต่อ ระดับอุดมศึกษา ที่ มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง ณ โถงเสานัก อาคารคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555

! http://blog.nation.ac.th/?p=2043