Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

กลยุทธ์สิงคโปร์สร้างห้องสมุดเป็นบ้านหลังที่ 3

ชวนคิด ชวนมอง .. กันคนละมุม ..
ที่สิงคโปร์จะให้ห้องสมุดเป็นบ้านหลังที่สาม
ผมว่ากลยุทธ์นี้ไม่ work สำหรับคนไทย
.. เพราะปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งและจะเป็นส่วนใหญ่ในไม่ช้า
ได้ยึด facebook เป็นบ้านหลังที่สามไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

ภาพประกอบจาก Zongkiat Pavadee
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=616988631658868&set=a.261783827179352.72887.100000432096291

singapore
singapore

กลยุทธ์สิงคโปร์สร้างห้องสมุดเป็นบ้านหลังที่ 3
การพัฒนาคน สิ่งสำคัญคือการให้ความรู้ ซึ่งสิงคโปร์ถือเป็นต้นแบบแห่งการเรียนรู้ ที่ใช้การอ่านเป็นเครื่องมือ โดยเน้นกลยุทธ์ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเด็กจนถึงชรา สร้างห้องสมุดให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและกลายเป็นบ้านหลังที่ 3  รวมทั้งโครงการอ่านหนังสือที่เหมาะกับวัยต่างๆ
การเข้าใช้บริการห้องสมุดของชาวสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยประชากรในประเทศมี 5 ล้านคน และเกือบครึ่งนึงของจำนวนประชาชน พวกเขาเป็นสมาชิกห้องสมุด โดยในปี 2546 มีผู้เข้าใช้จำนวน 31.2 ล้านครั้ง และในปี 2554  เพิ่มเป็น 37.5 ล้านครั้ง   ส่วนสถิติการยืม ในปี 2546 มีจำนวน 27.5 ล้านครั้ง ก็เป็น 36.6 ล้านครั้ง ในปี 2554  ขณะที่การยืมต่อหัวอยู่ในระดับคงที่ระหว่าง 5.7 และ 7.1 
การเปลี่ยนแปลงนี้ มาจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดตั้งคณะกรรมการห้องสมุดแห่งชาติ หรือ NLB ขึ้น เพื่อกำกับดูแลห้องสมุดแห่งชาติ ในการพัฒนาระบบโครงสร้างตั้งแต่ปี 2538 โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ในการให้บริการห้องสมุดที่เชื่อมโยงทั่วโลก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีเครือข่ายห้องสมุดประชาชนทั้ง 25 แห่งทั่วประเทศเป็นผู้ให้บริการ  โดยห้องสมุดเหล่านี้  สร้างขึ้นในหลายสถานที่ เช่นห้างสรรพสินค้า ตามแคว้นต่างๆ และเป็นห้องสมุดเฉพาะกลุ่ม เช่น ห้องสมุดด้านศิลปะการแสดง เพื่อรองรับการใช้บริการของคนทุกเพศ ทุกวัย

http://newspapers.nl.sg/Digitised/Page/today20030306-1.1.3.aspx

http://newspapers.nl.sg/Digitised/Page/today20030306-1.1.3.aspx
http://newspapers.nl.sg/Digitised/Page/today20030306-1.1.3.aspx

NLB ได้ปูพื้นฐานนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เยาวชนจนถึงคนชรา ผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น Mystery Brown Bag Service  โดยให้บรรณารักษ์และอาสาสมัครจัดหนังสือตามธีมบรรจุกระเป๋า เพื่อให้บริการสำหรับผู้มีเวลาน้อย แต่ต้องการอ่านหนังสือ การมีรถบัสห้องสมุดเคลื่อนที่ เพื่อให้บริการแก่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมายังห้องสมุดได้ หรือกิจกรรม Book Exchange เพื่อส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือใช้แล้วและแบ่งปันการรักการอ่านระหว่างกัน
เสถียรภาพทางการเมือง ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้นโยบายด้านการอ่านของสิงคโปร์ประสบความสำเร็จ เพราะมีการลงทุนทางกายภาพ และการทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง

ด้านรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หนึ่งในผู้ไปดูงานของสิงคโปร์  บอกว่า ประเทศไทยมีนโยบายการสร้างห้องสมุดชุมชนและในเมืองให้มากขึ้น ในช่วงปี 2557 ถึง 2558  โดยเห็นว่า นอกจากจะพัฒนาห้องสมุดแล้ว ยังต้องพัฒนาศักยภาพของบรรณารักษ์ด้วย

อาคารห้องสมุดแห่งชาติแห่งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ความรู้ประจำชาติ โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ จึงจะต้องผลิตคนที่มีคุณภาพเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้ความรู้ที่ได้ ก่อให้เกิดจินตนาการ และความเป็นไปได้ นั่นคือเป้าหมายของ NLB  ที่จะสร้างสังคมที่มีคนน้อย ให้พัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน

by wipa
http://news.voicetv.co.th/global/75568.html

กศน.เปิดบ้าน NF ฝึกวิทยายุทธ์ ‘สุดยอด กศน.’

16 กรกฎาคม 2556

ทีมประชาสัมพันธ์ กศน.

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556 นี้ เวลา 11.00-15.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 1-2 จ.นนทบุรี สำนักงาน กศน. จะจัดโครงการแข่งขัน “สุดยอด กศน.” รอบชิงชนะเลิศ ประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. กล่าวว่า ตามที่สำนักงาน กศน. ได้ดำเนินโครงการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านความสามารถพิเศษ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา กศน. ที่มีทักษะความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และพรสวรรค์ด้านความสามารถพิเศษ ได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตนในแนวทางที่ถูกต้อง เป็น “โอกาสแห่งศักดิ์ศรี และเวทีของผู้กล้า” ซึ่งสามารถพัฒนาสู่วงการแสดงในเวทีอื่นๆ และวงการอาชีพต่อไป โดยการจัดการแข่งขันความสามารถพิเศษ “สุดยอด กศน.” จากภาคต่างๆ และกทม. จำนวน 2 รอบ ได้แก่ รอบออดิชั่น เพื่อคัดเลือกตัวแทนจากจังหวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 ทีม จำนวน 76 ทีม และ กทม. 6 ทีม รวมทั้งหมด 82 ทีม เพื่อคัดเลือกนักศึกษา กศน. เพื่อเป็นตัวแทนภาค และ กทม. แห่งละ 6 ทีม

โดยการตัดสินจากคณะกรรมการ เพื่อแข่งขันรอบคัดเลือกระดับภาคและ กทม. จำนวน 6 ภาค แห่งละ 6 ทีม รวม 36 ทีม โดยเริ่มการแข่งขันครั้งแรกในวันที่ 26 มีนาคม-11 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีการถ่ายทอดสดทุกครั้ง และตัดสินจากคณะกรรมการและคะแนนจากการโหวตเอสเอ็มเอส ได้ทีมที่เป็นตัวแทนภาค และกทม. แห่งละ 3 ทีม

รวม 18 ทีม เพื่อเข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ NF2 กาฬสินธุ์, NF4 ยโสธร, NF6 นครราชสีมา ภาคเหนือ ได้แก่ NF8 อุตรดิตถ์,NF10 แพร่, NF12อุทัยธานี ภาคกลาง ได้แก่ NF14 นครปฐม, NF16สิงห์บุรี, NF17กาญจนบุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ NF21ฉะเชิงเทรา,NF22 สมุทรปราการ,NF24 สระแก้ว ภาคใต้ ได้แก่ NF27 ปัตตานี, NF28 ชุมพร, NF30 นครศรีธรรมราช และ กทม. ได้แก่ NF31 เขตวังทองหลาง, NF35 เขตภาษีเจริญ, NF 36 เขตบางกะปิ โดยพิมพ์หมายเลขประจำทีม ส่งเอสเอ็มเอสไปที่ 4642233 ค่าบริการครั้งละ 3 บาท โดยจะนำคะแนนโหวตไปรวมกับคะแนนของคณะกรรมการในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม

“สำนักงาน กศน.เห็นว่า นักศึกษา กศน.ที่เป็นตัวแทนของภาคต่างๆ ได้มีการเสริมสร้างทักษะความรู้ ความสามารถพิเศษ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการต่างๆ ด้วยการออกแบบแนวคิดของการแสดง และองค์ประกอบต่างๆ โดยดำเนินการฝึกซ้อมการแสดง จากนักศึกษา กศน. และจากครู กศน. ด้วยกันเองมาแล้วส่วนหนึ่ง จึงได้จัดอบรมเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา กศน. ที่เป็นตัวแทน “สุดยอด กศน.” ของภาคต่างๆ ขึ้น ณ สีดารีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก เพื่อให้นักศึกษา กศน. และครู กศน.ได้มีโอกาสเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพความสามารถพิเศษในด้านต่างๆ อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการ จากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์โดยตรง” เลขาธิการ กศน. กล่าว จึงดำเนินการจัดกิจกรรมเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา กศน. จากเทรนเนอร์ ผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์โดยตรง ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากอรุณ ภาวิไล และบริษัท เมจิกไอเดีย จำกัด ที่ได้สรรหาเทรนเนอร์ที่มีความรู้และประสบการณ์สาขาต่างๆ มาสอนให้แก่นักศึกษา กศน. ที่ตัวแทน “สุดยอด กศน.” ทั้ง 18 ทีม ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูใหญ่ 5 คน จาก ยูซีไอ อะคาเดมี ได้แก่ อรุณ ภาวิไล (ครูตุ๋ย) นักแสดงและผู้กำกับ, สุนทร สุจริตฉันท์ (ครูจี๊ด) มีชื่อเสียงจากการเป็นนักร้องนำของวงดนตรี รอยัลสไปรท์ส อดีตนักแสดง และผู้ประกาศข่าว รวมทั้งงานพิธีกร, มารุต สาโรวาท (ครูต้อ) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งบุ๊ก โฮลเดอร์ให้แก่ เอยูเอ ไทย เพลย์เยอร์ส กำกับละครเรื่อง ทรายสีเพลิง, สายรุ้ง, รักจุดๆ, สุดหัวใจ, พิษน้ำผึ้ง, เมียหลวง, ประกาศิตเงินตรา, สามีตีตรา
อีกทั้งยังเป็นผู้จัดละคร บริษัท เลนิตัส, ครูศรัทธา ศรัทธาทิพย์ (ครูรักษ์) ครูสอนการแสดง เขียนบท กำกับละคร/ภาพยนตร์ และครูภารดร เพ็งศิริ (ครูเต๋า) ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผอ.สถาบันดนตรี ฮิตซ่า กรุ๊ป จำกัด ผลงานที่ผ่านมา ควบคุมการร้อง (Vocal Director & Producer & Vocal Trainer) ให้แก่ศิลปินชื่อดัง เช่น ธงไชย แมคอินไตย์, ใหม่ เจริญปุระ, มาช่า, แอม เสาวลักษณ์, นันทิดา แก้วบัวสาย, แพท สุธาสินี ฯลฯ

“เชื่อว่านอกจากความรู้และประสบการณ์ดีๆ จากการอบรมจะทำให้สุดยอด กศน.เกิดการพัฒนาแล้ว ยังจะก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี จะนำมาสู่ชัยชนะที่เหนือกว่ารางวัลอย่างแน่นอน”เลขาธิการ กศน.กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33369&Key=hotnews

สสวท.จัดสอบ ‘พิซ่าไลก์’

16 กรกฎาคม 2556

นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า ตามที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. ประกาศยกผลสัมฤทธิ์การทดสอบโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ พิซ่า (Pisa) ของไทยให้มีอันดับสูงขึ้น สสวท.กำลังประมวลผลข้อมูลคะแนนสอบที่ผ่านมา เพื่อวางแผนเตรียมสอบพิซ่ารอบต่อไปในปี 2558 ทั้งนี้พบว่ากลุ่มที่ทำคะแนนอ่อนที่สุดคือ ร.ร.ขยายโอกาส ร.ร.ขนาดเล็ก และร.ร.อาชีวะ ซึ่งจะถูกสุ่มเลือกให้เป็นกลุ่มตัวอย่างสอบพิซ่า สสวท.จะแก้ปัญหาโดยนำร.ร.กลุ่มดังกล่าวมาเน้นการเรียนการสอนให้เด็กได้คิด ตอบโจทย์เอง ตามการวัดผลของพิซ่า 3 ด้าน คือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ส่วนของการอ่าน สสวท.ต้องวางแผนพัฒนาร่วมกับสพฐ.

ผอ.สสวท. กล่าวต่อว่า ปี ’57 จะนำศึกษานิเทศก์ทั่วประเทศมาอบรมการวัดการประเมิน เพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ก่อนส่งไปประเมินผลยังร.ร.ต่างๆ พร้อมตัวอย่างข้อสอบกระบวนการคิด เรียกว่า พิซ่า ไลก์ (Pisa Like) ที่วัดผลคล้ายพิซ่า แต่จะเริ่มวัดจากง่ายไปยากตามลำดับ เราได้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง ร.ร. 5,000-6,000 โรง

“ทั้งนี้จะเข้มเด็กชั้นม.1 และ ม.2 เพราะถูกฝึกให้คิดแยกแยะและแก้ปัญหาได้ โดยเชื่อมโยงกับสิ่งที่เด็กเรียนในร.ร.จึงจะได้ผล โดยใช้กลยุทธ์ประเมินที่เป็นกระบวนการคิดของเด็กให้เขียนได้ และอ่านรู้เรื่อง” นางพรพรรณกล่าว

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 17 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33368&Key=hotnews

สพฐ.เปิดเวทีมหกรรมวิชาการอีสาน ‘ปทุมเทพฯ’ ผนึก 72 ร.ร.พัฒนาเด็ก-ครูสู่อาเซียน

16 กรกฎาคม 2556

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันภาษาอังกฤษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มอบหมายให้โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จ.หนองคาย จัดงานมหกรรมวิชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2556 “The 6th Northeas tern EP/MEP Open House 2013” เพื่อให้นักเรียนมีเวทีแข่งขันและนำเสนอผลงาน มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก ในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมนักเรียนและครูในโครงการให้มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และได้รับการพัฒนาคุณภาพระดับสากล

ดร.ชัยรัตน์ หลายวัชระกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จึงจัดโครงการงานมหกรรมวิชาการเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแสดงความสามารถของนักเรียนโรงเรียนในโครงการ EP/MEP ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2556 ครั้งที่ 6 “The 6th Northeastern EP/MEP Open House 2013” ภายใต้ภาพรวม (ธีม) “Explore ASEAN through English” เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ วันที่ 17-19 ก.ค.นี้ โดยมีโรงเรียน EP/MEP ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 72 โรงเรียน นักเรียน 5,300 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้วันที่ 17-18 ก.ค. จัดงานที่ ร.ร.ปทุมเทพวิทยาคาร วันที่ 19 ก.ค. จัดที่ประเทศลาว โดยพิธีเปิด ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผวจ.หนองคาย ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า รองเลขาธิการ กพฐ. ดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา กพฐ. และผอ.สถาบันภาษาอังกฤษ นายอนันต์ ระงับทุกข์ ผู้ตรวจฯศธ. ร่วมงานด้วย
การจัดงานเพื่อให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร แสดงออกความสามารถในทางที่ดี ได้แสดงผลผลิตจากการฝึกปฏิบัติ ส่งเสริมนักเรียนมีความสามารถในการแข่งขันทุกระดับ เป็นต้น โดยมีตัวชี้วัดความสำเร็จ จากคุณภาพการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของนักเรียนอยู่ในระดับดีขึ้นไป คุณภาพของการแสดงออกด้านภาษาของนักเรียนอยู่ในระดับดีถึงดีขึ้นไป คุณภาพของผลผลิตของนักเรียนอยู่ในระดับดีขึ้นไป ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการอยู่ในระดับดีขึ้นไป

–ข่าวสด ฉบับวันที่ 17 ก.ค. 2556 (กรอบบ่าย)–

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33367&Key=hotnews

 

สอนอาชีพในมัธยมแก้ออกกลางคัน

16 กรกฎาคม 2556

จากการเสวนาวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “Career Academies ระบบเตรียมความพร้อมด้านอาชีพในระบบโรงเรียนสายสามัญ” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายทอม คอร์คอแรน ผู้อำนวยการร่วมสถาบันวิจัยนโยบายการศึกษา ม.โคลัมเบีย กล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกาก็เคยมีปัญหาคล้ายกับไทยที่เด็กลาออกกลางคัน ไม่จบ ม.ปลายจำนวนมาก และต้องเข้าสู่การทำงานโดยไม่พร้อม ในขณะที่เด็กจำนวนมากก็ไม่อยากเรียนสายอาชีพ เพราะคิดว่าจะทำให้เสียโอกาสเข้ามหาวิทยาลัย จึงเกิดแนวคิดจัด Career Academies หรือโรงเรียนอาชีพขึ้นในโรงเรียนมัธยมเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อดึงดูดนักเรียนให้ได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่อาชีพการทำงาน แต่ยังสามารถเรียนควบวิชาสามัญ และมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม

นายทอม กล่าวต่อไปว่า โรงเรียนอาชีพจะเป็นเพียงส่วน เล็ก ๆ ในโรงเรียนมัธยม หรือบางแห่งอาจแยกจัดต่างหาก โดยมีเด็กแค่ 150-200 คน ซึ่งเจตนารมณ์เพื่อดึงเด็กให้อยู่ในโรงเรียนไม่ให้ลาออกไป มีการบูรณาการวิชาชีพกับวิชาสามัญ นับหน่วยกิตร่วมกัน และมีโอกาสฝึกปฏิบัติทักษะอาชีพ ซึ่งจะทำให้เด็กได้รู้จักตัวตนมองเห็นเส้นทางชีวิตในอนาคตว่าอยากทำงานอะไร

“ต้องย้ำว่าโรงเรียนอาชีพไม่ใช่การจัดอาชีวศึกษา แต่เป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ซึ่งปัจจุบันต้องถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะลดอัตราการออกกลางคันได้มาก และเด็กจากโรงเรียนอาชีพที่เข้ามหาวิทยาลัยสามารถเรียนจบปริญญาตรีภายใน 4 ปี ได้ถึงร้อยละ 52 เปรียบเทียบกับเด็กที่จบสายสามัญตามปกติจะเรียนจบ ป.ตรี ภายใน 4 ปี ได้เพียงร้อยละ 32 เท่านั้น” นายทอม กล่าว

ด้าน ดร.เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ที่ปรึกษา สสค. กล่าวว่า เด็กที่ออกกลางคันส่วนใหญ่เพราะความยากจน จึงถึงเวลาต้องปรับการสอนระดับมัธยมให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งความจริงแล้วกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เคยทำอยู่ระยะหนึ่ง แต่อยู่ดี ๆ ก็หายไป ซึ่งการนำแนวคิดโรงเรียนอาชีพมาปรับใช้อาจเริ่มโดยนำร่องในโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อน แล้วจึงขยายผลต่อไป.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33366&Key=hotnews

เพิ่มเงินเดือนครู กศน.15,000 บาท

16 กรกฎาคม 2556

ศึกษาธิการ : นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีได้รับเงินเดือน 15,000 บาทนั้น ในส่วนของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) พบว่ายังมีครู กศน. ที่เป็นลูกจ้างกว่า 4,000 คน ที่มีวุฒิปริญญาตรีแต่ยังไม่ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ตามนโยบายรัฐบาล จึงสั่งให้ กศน. ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลเพื่อขอปรับเงินค่าใช้จ่ายรายหัว การศึกษาขั้นพื้นฐานของนักศึกษา กศน. จากคนละ 2,300 บาทต่อปีเป็น ม.ต้น คนละ 3,500 บาทต่อปี และ ม.ปลายคนละ 3,800 บาทต่อปี เพื่อนำเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจ่ายเงินเดือนครูวุฒิปริญญาตรีคนละ 15,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับครู กศน.

ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33365&Key=hotnews

สกอ.นัดถกพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย ชูแนวคิดมหาวิทยาลัยร่วมรับผิดชอบสังคม-โลก

16 กรกฎาคม 2556

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แจ้งว่า สกอ. ร่วมกับเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติเขตภาคกลาง และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กำหนดจัดโครงการประชุมวิชาการระดับชาติ เรื่อง การพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย บนเส้นทางมหาวิทยาลัยกับความรับผิดชอบต่อสังคม วันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.นี้ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากจากแนวคิดการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติ ของสกอ. พัฒนาสืบเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2540 จวบจนถึงปัจจุบัน ภายใต้กรอบความหมายที่ว่า บัณฑิตอุดมคติ หมายถึงบัณฑิตที่ประพฤติปฏิบัติบนเส้นทางที่ดีงาม ซึ่งในแต่ละยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บัณฑิตอุดมคติที่มุ่งหวังจะแสวงหาแนวคิดเพื่อหาคุณลักษณะความเป็นบัณฑิตที่สอดคล้อง กับยุคสมัยในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยุคที่โลกมีลักษณะเชื่อมโยงกันมากขึ้นกว่าในอดีต จนมีสภาพการณ์ของสภาวะสังคมไร้พรมแดนมากขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า จากปรากฏการณ์ทางสังคมโลกดังกล่าว ทำให้เกิดแนวคิดในการปรับตัวและเตรียมการขององค์กรต่างๆ เพื่อพัฒนาการดำเนินภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะประเด็นความรับผิดชอบต่อสังคมกำลังเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ โดยสถานประกอบการใช้แนวคิดดังกล่าวในการดำเนินงาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้บัณฑิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมาเป็นปัจจัยสนับสนุนการดำเนินภารกิจด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ได้เกิดแนวคิดในการพัฒนาบัณฑิตในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งชี้ว่าการสร้างบัณฑิตในโลกยุคไร้พรมแดนนี้จำเป็นจะต้องพัฒนาบัณฑิตให้พร้อม โดยนอกจากจะต้องรับผิดชอบประเทศของตนแล้ว ยังจะต้องห่วงใยและร่วมรับผิดชอบโลกร่วมกันเพื่อการอยู่ร่วมกันที่ดีของมวลมนุษยชาติอีกด้วย
จากแนวคิดดังกล่าว สกอ.จึงเห็นสมควรจัดการประชุมวิชาการระดับชาติเพื่อการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทยขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักและความรับผิดชอบร่วมกันของสถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนาแนว ทางการผลิตบัณฑิต ตลอดจนร่วมกันแสวงหาแนวทางการดำเนินงานผ่านระบบและกลไกการดำเนินงานเพื่อพัฒนานิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ให้เป็นบัณฑิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33364&Key=hotnews

 

ศธ.วอนไอซีทีขุดต้นตอเว็บวุฒิเถื่อน

16 กรกฎาคม 2556

ASTV ผู้จัดการรายวัน – “เสริมศักดิ์” เล็งประสาน “ไอซีที”หาต้นตอเว็บไซต์ปลอมวุฒิ ตั้งศูนย์ปราบปรามขึ้นดูแลปัญหาดังกล่าว ลั่นพร้อมหนุน ร่าง พ.ร.บ.การอุดมฯ เข้าสู่สภาฯ โดยเร็ว

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวถึงกรณีมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างการให้ปริญญาบัตร โดยมีการประกาศผ่านเว็บไซต์ว่ารับจัดทำวุฒิการศึกษา หรือ ปลอมวุฒิการศึกษา โดยระบุว่าสามารถปลอมวุฒิการศึกษาทุกระดับ ทุกสถานศึกษาและสถาบันการศึกษาทั้งอ้างว่า สามารถเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มรายชื่อของลูกค้าให้สามารถจบปริญญาตรีจากสถาบันนั้นด้วยว่า เรื่องในลักษณะดังกล่าวนั้นสร้างความเสียหายอย่างมาก ตนจะประสานขอให้ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือ ไอซีที เข้ามาช่วยในการตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของบุคคลใด พร้อมกันนี้ จะประสานให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย

“การเปิดเว็บไซต์โฆษณาชวนเชื่อนั้นถือว่ามีความผิดทางประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ฐานฉ้อโกงประชาชนในฐานะกำกับดูแล สกอ.ผมได้เน้นย้ำให้ติดตามดูแลปัญหาในลักษณะนี้อย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้ก็คือการขายใบปริญญาบัตรปลอมจะเป็นการสมยอมกันทั้งผู้ขายคือสถาบันการศึกษา และผู้ซื้อ ดังนั้น จึงอยากให้หน่วยงาน หรือบริษัท บุคคลที่รับคนเหล่านี้เข้าทำงานให้ตรวจสอบใบปริญญาบัตรกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่ารับคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ เข้าทำงาน” นายเสริมศักดิ์กล่าวและว่า ตนจะจัดตั้งศูนย์ปราบปรามการปลอมวุฒิการศึกษาขึ้น เพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาดังกล่าวรวมถึงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีการเปิดมหาวิทยาลัยเถื่อน โดยจะให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นเจ้าภาพหลักและมีไอซีที และดีเอสไอร่วมด้วย ขณะเดียวกัน ตนจะเร่งผลักดันให้มีการนำร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ…เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อผลักดันให้เข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพราะกฎหมายฉบับนี้จะช่วยเพิ่มอำนาจให้ สกอ. ดูแลคุณภาพมาตรฐานของสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างรอบด้านยิ่งขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33362&Key=hotnews

เด็กไทยคว้าทองฟิสิกส์โอลิมปิก

16 กรกฎาคม 2556

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนประเทศไทยคว้า 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน จากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ที่จัดแข่งขันเมื่อวันที่ 7-15 ก.ค. ที่ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ได้แก่ เหรียญทอง

1. นายภูรินท์ ศิริพานทอง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ลำดับที่ 15 ได้ 41.0 คะแนน

2. นายพีรศักดิ์ แซ่อึ๋ง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม ลำดับที่ 22 ได้ 40.0 คะแนน และ

3. นายกิตติภัทร ภู่พงศ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ลำดับที่ 25 ได้ 39.7 คะแนน,

เหรียญเงิน 1. นายสรวิชญ์ วัฒนเพ็ญไพบูลย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม ลำดับที่ 61 ได้ 35.2 คะแนน และ 2. นายกัญจน์ รวยแท้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพ มหานคร ลำดับที่ 100 ได้ 29.5 คะแนน

โดยการแข่งขันครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 374 คน จาก 80 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศที่ได้เหรียญทองมากที่สุดคือ ประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้ ได้ทั้งหมด 5 เหรียญทอง และประเทศที่ทำคะแนนรวมสูงสุดได้แก่ ประเทศฮังการี ได้ 47.0 คะแนน ทั้งนี้คณะผู้แทนประเทศไทยที่ไปร่วมการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันอังคารที่ 16 ก.ค. เที่ยวบิน TG 951 เวลา 06.00 น. โดย สสวท.จะจัดพิธีรับที่ชั้น 2 ด้านในประตูที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33361&Key=hotnews

‘เสริมศักดิ์’ ยันไม่มีมวยล้ม ตรวจทุจริตสอบครูผู้ช่วย จ่อหารือ รมว.ศธ.เดินหน้าต่อ

16 กรกฎาคม 2556

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบทุจริตสอบครูผู้ช่วยว่า เตรียมหารือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสงรมว.ศึกษาธิการ เพื่อชี้แจงข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดและปรึกษาแนวทางในการดำเนินการต่อไป โดยตนจะเร่งติดตามความคืบหน้าและขอความชัดเจนจากคณะกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยชุดที่มี นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งตนเป็นคนแต่งตั้งขึ้นมาเอง และยืนยันไม่มีมวยล้มอย่างแน่นอน
นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องทุจริตสอบครูผู้ช่วย ตนรู้ลึกรู้จริง เพราะเป็นคนทำมาตั้งแต่ต้น และรู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งการสอบครูผู้ช่วยมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นจริง ดังนั้นหากจะต้องหยุดชะงักไป อาจถูกฟ้องกลับได้ว่าตนไปกลั่นแกล้ง เชื่อว่าคนที่ไม่ผิดไม่จำเป็นต้องมาวิ่งเต้นอะไรทั้งนั้น และว่าแม้จะมีการแบ่งงานใหม่ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ติดใจอะไร เนื่องจากสิ่งสำคัญคือต้องการเห็นความก้าวหน้าของการศึกษาไทย

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33360&Key=hotnews