Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

องค์การค้า สกสค.เฮ บอร์ดอนุมัติขึ้นเงินเดือน ครั้งแรกในรอบ 18 ปี

28 พฤษภาคม 2556

นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด สกสค.เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติอนุมัติเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานขององค์การค้า ของ สกสค. ทั้งหมดประมาณ1,600 คน ซึ่งการขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่พ.ศ.2537 เป็นต้นมา รวมถึงเป็นการดำเนินการตามข้อตกลงที่องค์การค้าฯมีต่อสหภาพแรงงานองค์การค้าฯ ว่าหากรัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือน องค์การค้าฯก็จะต้องปรับเพิ่มให้กับพนักงานด้วยและที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือนไปแล้วถึง 3 รอบ แต่องค์การค้าฯก็ยังไม่เคยเลย เพราะการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนทำให้มีภาระหนี้สินประมาณ 3,000 ล้านบาท จึงไม่มีเงินเพิ่มให้พนักงาน

พร้อมระบุว่า หลังจากที่องค์การค้าฯ ปรับรูปแบบการบริหารจัดการโดยมีนโยบายประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ขณะเดียวกัน ยังทำให้พิมพ์หนังสือเรียนได้เร็ว จนทำให้เป็นปีแรกที่สามารถพิมพ์และจัดส่งหนังสือได้ครบและทันเปิดภาคเรียน โดยไม่มีหนังสือเหลือค้างทำให้ไม่เป็นหนี้เหมือนที่ผ่านมา รวมถึงลดเปอร์เซ็นต์ส่วนลดค่าหนังสือที่ให้กับร้านค้าลงจากเดิม 31% เหลือ 25%ทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างอีก 6% เท่ากับว่าถ้าขายหนังสือ 1,000 ล้านบาท องค์การค้าฯจะมีเงินเหลืออีก 60 ล้านบาท
นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯครั้งนี้ใช้ตารางเปรียบเทียบเดียวกับเงินเดือนของรัฐวิสาหกิจ เท่ากับว่าพนักงานขององค์การค้าฯทุกคน จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 21% เท่ากับว่าองค์การค้าฯจะต้องเพิ่มเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานทั้งหมดอีกประมาณเดือนละ 8 ล้านบาทโดยอัตราเงินเดือนใหม่ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32824&Key=hotnews

สพฐ.จ่อซื้อรถตู้ให้ ร.ร.เล็ก

28 พฤษภาคม 2556

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ ศธ.มีแผนเตรียมเสนอขอจัดตั้งงบประมาณจัดซื้อรถตู้รับส่งนักเรียนจำนวน 1,000 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัด สพฐ. ในกลุ่มที่อาจจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปเรียนรวมในโรงเรียนใกล้เคียง ที่การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพของผู้เรียน รถตู้จำนวนดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงรถรับส่งนักเรียนเท่านั้น แต่จะเป็นพาหนะที่ชุมชนมีสิทธิ์ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแล ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าบุคลากรที่จะเข้ามาทำหน้าที่พนักงานขับรถ อาจมีคุณสมบัติไม่เหมือนพนักงานขับรถโรงเรียนของ สพฐ. ที่มีระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียนปี 2536 ควบคุมอยู่

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ตอนนี้ถึงแนวปฏิบัติยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อได้รับการจัดสรรรถโรงเรียนมาแล้ว ประเด็นเรื่องพนักงานขับรถ ค่าเชื้อเพลิง และกฎระเบียบการดูแลความปลอดภัยจะต้องชัดเจน ส่วนของรถตู้ก็ถือเป็นรถโรงเรียนที่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงฯ กำหนด อาทิ มีเครื่องหมายเป็นแผ่นป้ายพื้นสีส้มสะท้อนแสง มีข้อความ สีดำระบุ “รถโรงเรียน” ความสูงไม่น้อยกว่า 15 ซ.ม. ติดอยู่ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของรถ ในระยะไม่น้อยกว่า 50 เมตร เป็นต้น

          ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32823&Key=hotnews

สพฐ. รายงานยุบ ร.ร.เสร็จ 28 พ.ค.

28 พฤษภาคม 2556

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 182 เขตทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพฯ) เสนอแผนพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 60 คน มายังส่วนกลางภายในวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ จึงมี สพป.ประมาณ 90 เขต ที่รายงานข้อมูลเข้ามาแล้ว ที่เหลืออีกกว่าครึ่งนั้น สพฐ.ขีดเส้นให้ส่งข้อมูลภายในวันที่ 28 พฤษภาคม เมื่อ สพป.ทุกแห่งส่งข้อมูลมาแล้ว สพฐ.จะนำข้อมูลมาประมวลเป็นรายงานแผนพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในภาพรวมของ สพฐ.เพื่อกำหนดอย่างชัดเจนว่า โรงเรียนขนาดเล็กแต่ละแห่งจะได้รับการพัฒนาอย่างไร และมีโรงเรียนขนาดเล็กแห่งใด บ้างที่จะเข้าสู่กระบวนการยุบรวมโรงเรียน โดยต้องผ่านเกณฑ์ที่ สพฐ.กำหนดไว้ คือไม่มีนักเรียน มีโรงเรียนใกล้เคียงรองรับ จัดระบบรับส่งนักเรียนรองรับ และผ่านการสอบถามความเห็นจากประชาคม ซึ่งชุมชนยินยอมให้ยุบรวมโรงเรียน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32822&Key=hotnews

เรื่องอื้อฉาวระดับชาติที่เกาหลีใต้ .. เร่งสอบโรงเรียนกวดวิชาขโมยข้อสอบ

korea school in the past
korea school in the past

เกาหลีใต้ก็ไม่ธรรมดา ขโมยข้อสอบไปเฉลยในโรงเรียนกวดวิชา
เขารู้ล่วงหน้า เลื่อนสอบ แล้วลงโทษโรงเรียนก็แรง
ในข่าวมีข้อมูลว่าเกาหลี ส่งเด็กไปเรียนอเมริกาอันดับ 3 รองจากจีน และอินเดีย
น่าจะเป็นอีกเหตุผล เรื่องการพัฒนาแบบก้าวกระโดด แทนการพัฒนากันเอง
???
แต่เกาหลีใต้ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับสอง ที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354077710&grpid=01&catid=01

ส่วนของไทยรู้ว่าโกง ตอนที่คนเดียวติดสองที่
ในไทยยังสอบสวนกันไม่จบเลย จะมีสอบใหม่แล้ว
แต่มีข่าวเดินสายกลุ่มโพยออกหาลูกค้าอีกแล้ว
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32818&Key=hotnews

เอเอฟพี –
http://www.thestandard.com.hk/breaking_news_detail.asp?icid=4&d_str=20130527&id=36669

korea student
korea student

รัฐบาลเมืองกิมจิเร่งสอบสวนกรณีที่โรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งนำข้อสอบ SAT ไปให้นักศึกษาฝึกทำล่วงหน้า จนผู้บริหาร SAT สั่งระงับการสอบวัดความรู้ทั่วเกาหลีใต้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
สำนักงานการศึกษาในกรุงโซลตั้งคณะกรรมการพิเศษตรวจสอบสถาบันกวดวิชาเอกชนหลายแห่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้นำข้อสอบ SAT ไปให้นักเรียนฝึกทำก่อนเข้าห้องสอบ โฆษกสำนักงานระบุ
ผู้บริหารการสอบ SAT ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับความรู้ที่ใช้อ้างอิงมากที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของสหรัฐฯ สั่งยกเลิกการสอบทั่วเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม หลังพบว่าข้อสอบรั่วไหลไปถึงโรงเรียนกวดวิชา
องค์กร College Board ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสอบ SAT ยังประกาศงดสอบวิชาชีววิทยาในเดือนหน้าด้วย
จริยธรรมของสถาบันกวดวิชาเพื่อการสอบ SAT ตกต่ำถึงขั้นวิกฤตแล้ว” สำนักงานการศึกษาแห่งกรุงโซลระบุในถ้อยแถลง โดยตำหนิเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาที่

ทำลายชื่อเสียงของประเทศ และทำร้ายผู้สมัครสอบที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
สถาบันกวดวิชาที่เผยแพร่ข้อสอบล่วงหน้าจะถูกสั่งปิด และถูกตรวจสอบภาษีอากรเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งเจ้าของโรงเรียนจะถูกห้ามมิให้เปิดสถานศึกษาใหม่ชั่วระยะเวลาหนึ่งด้วย

ข้อมูลจากสถาบันการศึกษานานาชาติ (Institute of International Education – IIE) ระบุว่า ในปีการศึกษา 2011-2011 มีนักศึกษาชาวเกาหลีใต้เดินทางไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ มากถึง 72,295 คน ทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ส่งนักศึกษาต่างชาติไปเรียนต่อในสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 รองจากจีน และอินเดีย

สถาบันกวดวิชา ซึ่งช่วยนักศึกษาเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบวัดความรู้ระดับนานาชาติ กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในเกาหลีใต้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่เชื่อว่าการเรียนจบจากสถาบันชั้นนำจะเป็นสิ่งการันตีอาชีพการงานที่ดี หรือแม้กระทั่งโอกาสในการเลือกคู่ครอง หนุ่มสาวเมืองกิมจิมักไปเรียนเสริมกับสถาบันกวดวิชาจนดึกดื่นเพื่อจะสอบได้ลำดับต้นๆ ในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง
ทุก ๆ ปีในวันสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยเกาหลีใต้จะคุมเข้มการใช้เสียงมากเป็นพิเศษ โดยจะมีการเลื่อนเที่ยวบิน, งดการฝึกซ้อมของกองทัพ และเลื่อนเวลาเข้างานของบริษัทห้างร้านต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าสอบได้มีสมาธิอย่างเต็มที่
การสอบ SAT ซึ่งถูกยกเลิกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมากลายเป็นข่าวฮือฮาที่สื่อโสมขาวทุกแขนงนำมาตีแผ่ถึง “ด้านมืด” ของวัฒนธรรมการศึกษาในเกาหลีใต้
เหตุการณ์นี้เผยถึงด้านมืดของวัฒนธรรมการศึกษาของเรา ซึ่งปราศจากความละอายต่อการทุจริต แม้กระทั่งในการสอบระดับนานาชาติ” หนังสือพิมพ์รายวันกุกมินระบุ พร้อมชี้ว่าเป็น “เรื่องอื้อฉาวระดับชาติ

ด้านหนังสือพิมพ์จุงอังอิลโบทำนายว่า เหตุการณ์เช่นนี้คงจะเกิดขึ้นซ้ำอีก เพราะนักศึกษาและพ่อแม่จำนวนไม่น้อย “ยังเต็มใจขายวิญญาณของตนเอง เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนสอบ
แรงกดดันในด้านการศึกษาเป็นเหตุให้เยาวชนเกาหลีใต้ฆ่าตัวตายปีละหลายสิบคน
เหตุการณ์ล่าสุดมิใช่เรื่องอื้อฉาวครั้งแรกเกี่ยวกับการสอบ SAT ในเกาหลีใต้ โดยเมื่อปี 2007 ผลสอบของนักศึกษาเกาหลีใต้ราว 900 คนถูกประกาศเป็นโมฆะ หลังตรวจพบว่านักเรียนกลุ่มใหญ่ทราบคำถามล่วงหน้า และเมื่อปี 2010 ก็มีครูโรงเรียนกวดวิชาในเกาหลีใต้ถูกจับฐานขโมยข้อสอบ SAT ในไทยส่งไปให้นักเรียนของตนซึ่งจะต้องทำข้อสอบชุดเดียวกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000063468

โคราชฟัน 6 ครู ผช. – กาสอบพิลึก

27 พฤษภาคม 2556

จากกรณีการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วย ภายหลังจากที่สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้ง 119 เขต เพื่อให้ดำเนินการเพิกถอนบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่ส่อทุจริต จำนวน 344 รายออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีผู้ที่เข้าข่ายถูกปลดออกจำนวน 48 ราย ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1-7 นั้น

ความคืบหน้าเมื่อ 26 พ.ค. ผศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ ประธานอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรืออ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 7 เปิดเผยว่า จากหนังสือของดีเอสไอ และหนังสือมติกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ให้ดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์บรรจุแต่งตั้งครูผู้ช่วยตามพ.ร.บ.ระเบียบราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 49 นั้น ในส่วนของอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 7 ซึ่งมีระบุชื่อทั้งหมด 10 ราย โดยได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้วจำนวน 6 ราย และอีก 4 รายไม่ได้รับบรรจุแต่งตั้งเพราะได้คะแนนรองลงมา

ผศ.ดร.อดิศร กล่าวว่า ล่าสุดวันนี้ ทางอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ นครราชสีมา เขต 7 ได้ตรวจสอบพบข้อมูลใหม่ นอกเหนือจากข้อมูลที่ ดร.ชอบ ลีซอ นักวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่า การทำข้อสอบความรู้ทั่วไป ข้อที่ 34 ผิดเหมือนกัน คือการทำข้อสอบในวิชาเอกทั่วไป ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 50 ข้อ โดยทั้ง 10 รายที่มีระบุในรายชื่อนี้ทำได้คะแนนสูงผิดปกติ ซึ่ง 7 คนกาคำตอบเหมือนกันหมด ทำได้ 48 คะแนน และอีก 3 คนกาคำตอบต่างกันเพียงข้อเดียว ทำได้ 47 คะแนน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากรณีนี้เป็นการท่องจำข้อสอบมาอย่างดี ตนอยากให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ อื่นๆ นำไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเพิกถอนบรรจุแต่งตั้งครูผู้ช่วยในจำนวน 344 ราย ซึ่งจะใช้ได้เป็นอย่างดี ส่วนอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ นครราชสีมา เขต 7 ก็ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค.นี้จะมีการประชุมและ ลงมติให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเพิกถอนบรรจุแต่งตั้งครูผู้ช่วยทั้ง 6 รายต่อไป

วันเดียวกัน นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว 12 กล่าวว่า การตรวจสอบและเอาผิดการทุจริตสอบครูผู้ช่วย ว 12 ต้องเดินหน้าต่อไป และต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้การสอบครูผู้ช่วยทั่วไปปี ’56  ระหว่างวันที่ 22-24 มิ.ย.นี้ ไม่เกิดการทุจริต เพราะเริ่มมีข่าวว่าขบวนการทุจริตสอบครู ออกหาลูกค้าโกงสอบแล้ว ทั้งๆ ที่ดีเอสไอกวาดล้างขบวนการนี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32818&Key=hotnews

ชี้ปฏิรูปศึกษาใช้หลักศาสนาพัฒนาเด็ก

27 พฤษภาคม 2556

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวในการประชุมสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเถรวาทนานาชาติ ครั้งที่ 3 เรื่อง พุทธศาสน์ศึกษา คือ ชีวิตศึกษา ว่า การประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางพัฒนาการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้สมาชิกและสถาบันการศึกษาอื่นๆ นำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนได้

นายพงศ์เทพกล่าวต่อว่าในฐานะ รมว.ศึกษาธิการ มีหน้าที่ในการส่งเสริมจัดการศึกษาของชาติ เห็นว่าสังคมของเราหากขาดการประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา ถึงแม้ว่าสังคมนั้นจะมีกฎหมายควบคุมเข้มแข็งอย่างไรก็ยากที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เชื่อว่าสังคมที่ยึดมั่นปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนา ถึงแม้จะเป็นสังคมที่ไม่มีกฎหมาย ก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไม่ทำร้ายสังคมที่ตัวเองอาศัยอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในการปฏิรูปการศึกษาของชาติ ที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการอยู่ ตนเห็นว่า จะต้องนำหลักศาสนาเข้ามาสอดแทรกเชื่อมโยงในระบบการศึกษามากขึ้น เพราะนอกจากเด็กที่มีความรู้ ความสามารถ สติปัญญาแล้ว เด็กจะต้องมีระเบียบวินัย มีศีลธรรม มีคุณธรรม ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือของสถาบันศาสนา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสงฆ์ เป็นหลักที่จะชี้นำสังคมด้านศีลธรรมและจริยธรรม เป็นความหวังที่จะช่วยพยุงสังคม เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมประเทศและสังคมโลก

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32817&Key=hotnews

ปรับเกณฑ์เฟ้น ‘รอง-ผอ.ร.ร.’ ใหม่ ก.ค.ศ. เล็งประกาศบัญชี 60 % เพิ่ม คืนอำนาจ ‘อ.ก.ค.ศ.’ จัดสอบเอง

27 พฤษภาคม 2556

นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ประจำปี 2556 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนว่า ต้องการให้ประกาศรายชื่อผู้ที่สอบคัดเลือกได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ทุกคน โดยไม่ผูกพันการบรรจุแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่ผ่านมากำหนดให้บรรจุแต่งตั้งเฉพาะผู้ที่สอบได้คะแนนร้อยละ 60 และเป็นผู้สอบได้อยู่ในลำดับที่เท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างที่เปิดสอบ โดยเจตนารมณ์ของ ก.ค.ศ.ในขณะนั้น ต้องการให้ผู้สอบขึ้นบัญชีทุกคนได้รับการบรรจุแต่งตั้ง ดังนั้น จึงประกาศเท่ากับตำแหน่งว่าง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เกิดปัญหาขึ้นว่า ระหว่างที่บัญชียังไม่หมดอายุที่ต้องยกเลิก 2 ปี กลับมีตำแหน่งว่างเกิดขึ้นกับรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา จึงเกิดการเรียกร้องให้ประกาศผู้สอบได้คะแนนร้อยละ 60 ทั้งหมด อีกทั้งได้มีการเรียกร้องให้มีการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบคัดเลือกกลุ่มนี้ด้วยหลังจากที่พบว่ามีตำแหน่งว่างเพิ่ม

“ก.ค.ศ.ต้องการแก้ไขประเด็นที่มีข้อบกพร่องทั้งหมด อย่างการประกาศขึ้นบัญชีผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกร้อยละ 60 อาจจะกำหนดเพิ่มว่าให้ขึ้นบัญชีได้กี่เท่าของอัตราที่ว่างบรรจุ เพราะหากให้ขึ้นบัญชีผู้ที่สอบได้คะแนนร้อยละ 60 ทุกคน อาจจะไม่ได้รับการบรรจุทุกคน ทั้งนี้ เพื่อให้มีส่วนที่เหลือน้อยที่สุดที่จะไม่ได้รับการบรรจุ ส่วนการดำเนินการ จะต้องให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการเองตามอำนาจที่กำหนดไว้ โดยอาจจะรวมกันในเขตตรวจราชการเหมือนกับการสอบครูผู้ช่วยกรณีทั่วไป แทนการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นผู้ดำเนินการเหมือนครั้งที่ผ่านมา” เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว

นางรัตนากล่าวต่อว่า การสรรหาคัดเลือกรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ในปี 2555 ที่ผ่านมา มีผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกและได้รับการขึ้นบัญชีไม่พอกับตำแหน่งว่างที่จะบรรจุ ดังนั้น จะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาใหม่ทั้งหมด ภายในปีงบประมาณ 2556 ส่วนกระบวนการสรรหาต่างๆ อาจจะดำเนินการไม่ทันภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายนี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการเรียกความเชื่อมั่นในการสอบสรรหาต่างๆ ให้กลับคืนมา

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32816&Key=hotnews

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ. : สำนักงาน ก.ค.ศ.พร้อมให้การสนับสนุน การดำเนินการสอบบรรจุครูผู้ช่วย

27 พฤษภาคม 2556

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: สำนักงาน ก.ค.ศ.พร้อมให้การสนับสนุน การดำเนินการสอบบรรจุครูผู้ช่วย

รัตนา ศรีเหรัญ
เลขาธิการ ก.ค.ศ.

ตามที่ ก.ค.ศ.มีมติกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี พ.ศ.2556 โดยให้มีการรับสมัครสอบแข่งขันระหว่างวันที่ 29 เมษายน-5 พฤษภาคม 2556 และสอบแข่งขันระหว่างวันที่ 22- 24 มิถุนายน 2556 นั้น จากการรายงานของ สพฐ.พบว่า ในปีนี้มีจำนวนตำแหน่งว่าง 1,070 ตำแหน่ง ใน 79 เขตพื้นที่การศึกษา และมีผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันในครั้งนี้ถึง 84,584 คน ส่วนสังกัดสำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน มีจำนวนตำแหน่งว่าง 21 ตำแหน่ง ใน 21 วิทยาลัย มีผู้สมัครสอบ 116 คน ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการดำเนินการสอบ ตั้งแต่การรับสมัคร หลักสูตรการสอบแข่งขัน ตลอดจนการประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ไปแล้ว

สำนักงาน ก.ค.ศ.เห็นว่าเพื่อให้การดำเนินการสอบแข่งขัน ในปี พ.ศ.2556 เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น จึงได้จัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารงานบุคคลในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทุกเขต จำนวน 511 คน เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2556 เพื่อรับทราบนโยบายการสอบแข่งขันจากนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธาน ก.ค.ศ. ที่ต้องการให้การดำเนินการสอบแข่งขันมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใสเรียกความเชื่อมั่นที่ดีจากสังคมให้ได้

นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ยังจะได้จัดให้มีการประชุมผู้แทน ก.ค.ศ.ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ทุกเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 79 เขต และผู้แทน ก.ค.ศ.ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน ที่ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2556 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2556 ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขัน และการร่วมมือกันกำกับ ติดตาม การดำเนินการสอบแข่งขันให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธาน ก.ค.ศ. พร้อมทั้งตั้งกองอำนวยการประสานงานการสอบ ประจำสำนักงาน ก.ค.ศ. เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการสอบกรณีมีปัญหา หรือข้อหารือจากเขตพื้นที่การศึกษา และเพื่อ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาสามารถดำเนินการสอบแข่งขันได้อย่างดีที่สุด

ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2280-2835, 0-2280-1094, 0-2280-1016 โทรสาร 0-2280-2835, 0-2280-1094 และ 0-2280-1016 ในวันและเวลาราชการ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32815&Key=hotnews

ปธ.คุรุสภาฝากการบ้านครู – ศึกษาฯ ยกคุณภาพครู – วางแผนการผลิตควบคัดคนเก่ง

27 พฤษภาคม 2556

ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภา กล่าวในการประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ แห่งประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ผลการศึกษาทุกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาสูง เพราะแต่ละประเทศให้ความสำคัญกับครูทั้งหมดและคัดคนเก่งเป็นครูทั้งสิ้น ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการคัดครูอย่างจริงจัง ในฐานะที่คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ เป็นสถาบันเริ่มต้นของวิชาชีพครูที่จะสร้างครูให้กับวงการศึกษาของชาติ จึงขอฝากประเด็นให้พิจารณาดำเนินการ 4 ประการหลัก

ข้อแรก ขอให้คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ผลิตครูให้มีความพอดีหรือใกล้เคียงกับจำนวนที่ต้องการ โดยคุรุสภาและหน่วยงานใช้ครูจะประมาณการความต้องการครูให้คณะต่างๆ พิจารณา ซึ่งในขณะนี้คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ผลิตครูเกินความต้องการมาก ทั้งนี้จะขอให้คณะทำแผนผลิตครูร่วมกับคุรุสภาเป็นแผน 5 ปีข้างหน้า

ข้อที่สอง อยากจะขอไม่ให้เปิดรับผู้เรียนก่อนที่แผนดังกล่าวจะได้การรับรองจากคุรุสภา เพราะถ้าคุรุสภาไม่รับรองแล้ว บัณฑิตที่จบก็จะไม่ได้ใบประกอบวิชาชีพตามไปด้วย

ข้อที่สาม ขอให้คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์คัดคนเก่งเข้ามาเป็นครู โดยจัดการสอบคัดเลือกคนที่จะเข้าเป็นครูในทุกกลุ่มสถาบัน อาจจัดเป็นข้อสอบร่วมกันหรือต่างคนต่างสอบแต่มีเป้าหมายเพื่อคัดคนเก่งเข้ามาในอาชีพ ไม่ใช่ใครสมัครก็รับหมดอย่างที่เป็นอยู่ในบางแห่ง โดยคนเก่งจะมีโอกาสสอนให้คนเก่งได้ดีกว่าคนไม่เก่งแน่นอน

และข้อสุดท้าย อยากให้สถาบันผลิตครูปรับการเรียนรู้ให้ทันสมัย โดยเฉพาะด้านการสอนให้เด็กรู้จักสร้างความรู้ขึ้นได้ด้วยตนเอง มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และแก้ปัญหา รวมทั้งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับสังคมได้

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32814&Key=hotnews

สอศ.เผยยอดรับ ปวช. 3 จังหวัดใต้ ยังต่ำเหตุเด็กฮิตหลักสูตรสอนศาสนาเอื้อสร้างอาชีพ

27 พฤษภาคม 2556

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยยอดรับสมัครนักเรียน นักศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในเขตพัฒนาพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง 18 แห่ง ว่า จากข้อมูลที่ได้รับขณะนี้ มีวิทยาลัยที่มีจำนวนผู้เรียนครบตามแผนรับสมัครที่ตั้งไว้ และเกือบเต็มแล้วจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าในจำนวนวิทยาลัยที่รับนักเรียน นักศึกษาได้ตามแผน และเกือบตามแผนที่วางไว้ ส่วนใหญ่มีที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง หรือเป็นวิทยาลัยประจำจังหวัด เช่น วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี วิทยาลัยสารพัดช่างนราธิวาส และวิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพิเศษที่มีหอพักหรือมีทุนการศึกษา ส่งผลให้มีผู้เรียนแต่ตามแผนรับ หรือล้นแผนที่ตั้งไว้ เช่น ที่วิทยาลัยประมงปัตตานี มีหอพักสำหรับผู้เรียน หรือวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี มีทั้งหอพักและทุน ส่งผลให้ยอดรับระดับปวช.ทะลุไปที่ 162 คน จากแผนรับ 120 คน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อว่า หากเจาะจงไปที่ระดับ ปวช. กับ ปวส. ในเขตพัฒนาพิเศษฯ จะพบว่าปวส.จะมีผู้เรียนมากกว่าปวช. ซึ่งสวนทางกับภาพรวมของประเทศที่มีอัตรา ผู้เรียน ปวช.สูงกว่า ปวส. เกิดจากเด็กในพื้นที่ นิยมเรียนสายสามัญกับศาสนาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มากสุดคือ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ของสำนัก งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) รองลงมาคือ โรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จากนั้นจึงเบนเข็มมาเรียนสายอาชีพในระดับปวส.
โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะความร่วมมือของสถาบันปอเนาะ ที่เปิดโอกาสให้สอศ.เข้าไปสอนอาชีพในสถาบัน ส่งผลให้ภาพรวมยอดรับนักเรียน นักศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้สอศ. ยังมีแนวทางเปิดวิทยาลัยอาชีวศึกษาอำเภอเพิ่มที่ จ.นราธิวาส ด้วย–จบ–

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32813&Key=hotnews