70 ร.ร.ดังทั่วประเทศจับฉลากเข้า ม.1 สพฐ.ย้ำไม่เปิดรับรอบ 2

ร.ร.ดัง 70 โรงทั่วประเทศจับฉลากรับ นร.วันนี้! “ชินภัทร” ลงพื้นที่ติดตามเผยปีนี้ราบรื่นทุกขั้นตอน ระบุยังเหลือ กทม.เขต 2 ที่มีเด็กล้นอีกกว่า 4 พันคน ชี้เด็กล้นทุกปี แต่ สพฐ.สามารถจัดหาที่เรียนให้ทุกคนได้แน่นอน ฝากเด็กพลาดหวังเร่งยื่นเขตพื้นที่ใกล้บ้านขอจัดสรรที่เรียนก่อนวันที่ 8 เม.ย.นี้ ลั่นไม่ต้องรอเข้า ร.ร.ดังเพราะไม่เปิดรับรอบ 2 แน่นอน

วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้กำหนดให้การรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ในปีการศึกษา 2556 ซึ่งที่ผ่านมาได้ผ่านขั้นตอนการสมัครและสอบคัดเลือกแล้ว วันนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงในสังกัด สพฐ. ดำเนินการการจับฉลากนักเรียนในเขตพื้นที่บริการเพื่อเข้าเรียนต่อชั้นม.1 โดยครั้งนี้ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการจับฉลากที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ด้วย

นายชินภัทร ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมว่า ในวันนี้มีโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ที่จับฉลากรับนักเรียนในพื้นที่บริการ 70 โรง แบ่งเป็น โรงเรียนในเขตสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1 (กทม.เขต 1 ) จำนวน 4 โรง ,สพม.เขต 2 (กทม.เขต 2) จำนวน 18 โรง และสพม.เขต 3-42 จำนวน 48 โรง โดยปีนี้ จำนวน โรงเรียนที่มีการจับฉลากรับนักเรียนลดลงจากปีการศึกษา 2555 ซึ่งมีโรงเรียนจับฉลากทั้งหมด 110 โรง หลัง จากนี้ เด็กส่วนใหญ่จะมีที่เรียนเรียบร้อยแล้ว ยกเว้น ในพื้นที่ สพม.กทม.เขต 2 ซึ่งมีปัญหาเด็กล้นประจำทุกปี และในปีนี้ก็มีเด็กล้นอยู่ 4,416 คน เนื่องจากโรงเรียนทุกแห่งใน สพม. เขต 2 มีที่นั่งรองรับได้ทั้งหมด 22,260 คน แต่ปรากฎเด็กสมัครเข้าเรียนจำนวน 26,676 คน อย่างไรก็ตาม เด็กพลาดหวังจากการสอบคัดเลือก การจับฉลาก ยังไม่มีที่เรียนนั้น ให้ไปยื่นความจำนงขอรับการจัดสรรที่เรียนที่โรงเรียนในเขตพื้นที่บริการของ ตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 8 เม.ย.

“ สพฐ.ยืนยันว่า สามารถดูแลให้เด็กทุกคนที่เรียนได้อย่างแน่นอน หลังจากวันที่ 3 เม.ย.แล้ว สพม.แต่ละแห่งก็จะเริ่มการเกลี่ยเด็กที่ยังไม่มีที่เรียนไปในโรงเรียนที่ยัง ว่างอยู่ โดยเน้นส่งต่อไปที่โรงเรียนคู่พัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถ้าโรงเรียนคู่พัฒนาเต็มก็จะส่งต่อไปยัง โรงเรียนคู่สหกิจซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครฯ ขั้น ตอนการเกลี่ยเด็กนี้จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นและประกาศผลก่อนวันที่ 10 เม.ย. เพื่อให้นักเรียนไปมอบตัวทันตามกำหนด 11 เม.ย. การรับนักเรียนของสพฐ.จะเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอนก่อนสงกรานต์ และขอย้ำว่า โรงเรียนทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงนั้นจะไม่มีการเปิดรับนักเรียนรอบ 2 อย่างแน่นอน จากนี้ไป จะมีแต่การเกลี่ยเด็กเท่านั้น หากโรงเรียนใดเปิดรับ นักเรียนรอบ 2 ถือว่า โรงเรียนนั้นไม่ทำตามหลักเกณฑ์การรับนักเรียนของสพฐ.” นายชินภัทร กล่าว

นายชินภัทร กล่าวต่อว่า การรับนักเรียนในปีนี้นั้น สามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่าปีที่ผ่านมา เพราะจำนวนเด็กที่ป้อนเข้ามาลดลงตามอัตราการเกิดที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อ เนื่อง การรับนักเรียนในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ การสอลคัดเลือก การจับฉลากรับนักเรียน จึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้กระทั่งการนำผลคะแนนโอเน็ตมาใช้ในสอบเข้า ม.1 นั้น ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน รวมถึงการรับนักเรียน ม.4 ก็ไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยปีที่ผ่านมา เพราะ สพฐ.ได้ปรับเกณฑ์รับนักเรียนม.4 ใหม่ ให้โรงเรียนรับนักเรียนเดิมที่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียนไม่ต่ำกว่า 2.00 ขึ้น เรียนต่อในระดับมัธยมปลายโดยอัตโนมัติ เพราะถือว่า เด็กได้รับผิดชอบต่อผลการเรียนเขาแล้วก็ควรจะได้สิทธิเรียนต่อม.ปลาย จะมีปัญหาแค่โรงเรียนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ที่สับสับในเกณฑ์การับนักเรียน จึงเปิดรับนักเรียนนอกเข้ามามากเกินไป กระเทือนสิทธิ นักเรียนม.3 เดิม แต่เมื่อ สพฐ.ทราบเรื่อง ก็ได้ให้โรงเรียนแห่งนั้น ปรับปรังการรับนักเรียนจนเป็นไปตามเกณฑ์ ไม่มีปัญหาแล้ว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000038877

ไซเบอร์โฮมหนุนการศึกษาไทยจริงหรือ (itinlife390)

game addiction
game addiction

มีนักวิชาการกล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาขาดแคลนครูในหลายโรงเรียนของไทย เพราะปัจจุบันมีโรงเรียนที่ไม่มีครูเลย บางโรงเรียนมี 1 คน ซึ่งสถิติในภาพรวมของประเทศมีอัตราส่วนของครูต่อนักเรียนประมาณ 1 ต่อ 20 ซึ่งมีความเหมาะสม แต่มีปัญหาที่การกระจายครู พบว่า บางพื้นที่ก็กระจุก บางทีก็ไม่มีเลยสักคน แต่มีนักเรียนรอเรียนหนังสืออยู่ ประกอบกับความต่อเนื่องของนโยบายแท็บเล็ตพีซีที่จะมาเป็นปีที่สอง หนุนด้วยการขยายพื้นที่บริการวายไฟร์ (Wi-Fi) และอินเทอร์เน็ตฟรีของกระทรวงไอซีที ล้วนสนับสนุนคำว่าไซเบอร์โฮม (Cyber Home) ให้เป็นจริง

เมื่อมองการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของเด็กไทย ก็พบรายละเอียดในข่าวการจัดงานแข่งเกมออนไลน์เมื่อปลายมีนาคม 2556 ที่ให้ข้อมูลว่ามีคนไทยที่เข้าเกม Hon เดือนละเกือบ 2 ล้านคน โดยเกม Hon กับเกม Point Blank มีสัดส่วนในร้านเน็ตกว่าร้อยละ 80 ซึ่งสถิตินี้ทำให้เกิดข้อสังเกตว่าเด็กไทยเข้าถึงโลกไซเบอร์ได้มากจนบริษัทเกมเลือกประเทศไทยเป็นเวทีหนึ่งในการจัดการแข่งขันของเกมเมอร์ (Gamer) แต่ทำไมเมื่อต้องแข่งขันทางวิชาการกลับพบว่าคะแนนอยู่รั้งท้ายของโลก เมื่อสพฐ.จัดสอบ National Test (NT) โดยใช้แนวข้อสอบแบบ PISA พบว่าด้านเหตุผลมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าด้านคำนวณและด้านภาษา แล้วไปพบหนังสั้นเรื่องหนึ่งที่ฉายภาพว่าคุณครูยืนสอนอยู่หน้าชั้น แต่นักเรียนก็เปิดเฟซบุ๊คและเล่นเกมออนไลน์ อาจเป็นบรรยากาศที่ครูปล่อยให้นักเรียนเลือกเรียนรู้ด้วยตนเองมากเกินไป การใช้อินเทอร์เน็ตผิดวัตถุประสงค์แบบไม่ถูกที่ถูกเวลา โดยเฉพาะในขณะที่ครูกำลังพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ทางวิชาการเพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยมีศักยภาพในการแข่งขันด้านการศึกษาไม่เป็นไปตามคาด

ที่น่าเป็นห่วงคือการขยายโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของภาครัฐไปสู่ครัวเรือน แม้จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะทำให้ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการนี้ได้ แต่ถ้าวันนั้นมาถึงก็จะมีคำถามว่ายังมีเด็กติดเกมอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็หมายความว่าอินเทอร์เน็ตเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การศึกษาล้มเหลว เพราะเด็กติดเกมก็จะไม่ใส่ใจกับการเรียน แต่จะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เล่นเกมในโลกไซเบอร์ทั้งวันทั้งคืน พฤติกรรมที่แต่งชุดนักเรียนออกบ้านไปร้านเกมก็จะเกิดขึ้นน้อยลง เพราะไซเบอร์โฮมก็เหมือนย้ายร้านเกมไปอยู่ที่บ้าน ส่วนโรงเรียนก็คงจะตั้งอยู่ที่เดิมต่อไป

http://suite101.com/article/video-game-addiction–how-much-video-gaming-is-too-much-a279998

 

ดันไซเบอร์โฮม (Cyber home) ส่งไอซีทีถึงบ้าน

ict กับ child
ict กับ child

 

cyber home จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนครู
เด็ก ๆ จะได้เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต เรียนผ่านอีเลินนิ่ง
เรียนแบบ child center


“ภาวิช” แจงช่วยแก้คุณภาพครู สสค.ชี้ไทยเผชิญปัญหาแก่-จน-โง่

http://www.thairath.co.th/content/edu/335714

จากการเสวนาวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาและประชุมปฏิบัติการเพื่อการปฏิรูปหลักสูตร โดยสำนัก งานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) องค์การยูเนสโก และคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตร ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตร ศธ. กล่าวว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ใช้อยู่ปัจจุบันใช้มานานกว่า 12 ปี ศธ.จึงต้องปรับให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเน้นหลักสูตรที่นำไปสู่การปฏิบัติ ทั้งข้อมูลจาก สสค.พบว่า คนกว่า 70% ของประเทศไม่ได้เรียนต่ออุดมศึกษาและต้องเข้าสู่ตลาดแรงงาน ดังนั้น การศึกษาพื้นฐานจึงไม่ควรตอบสนองเพียงแค่เด็กที่เข้าสู่อุดมศึกษา แต่ต้องรวมถึงเด็กกลุ่มใหญ่ของประเทศ และหลังจากที่รัฐบาลปฏิรูปหลักสูตรแล้ว ก็จะปฏิรูปครูต่อ เพราะพบการผลิตครูที่มีจำนวนมากแต่กระทบต่อคุณภาพและการมีงานทำ โดยปัจจุบันเรามีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ถึง 1 ล้านคน และเป็นครูอยู่ในระบบ 600,000 คน หรือครู 1 คน ต่อนักเรียน 19 คน ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสม แต่ปัญหาคือความล้มเหลวของการกระจายครู ทำให้ขาดแคลนครูบางพื้นที่ หากมีระบบไอซีทีที่ดีก็จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนครูที่มีคุณภาพ ศธ.จึงกำลังเสนอให้รัฐบาลขับเคลื่อนระบบไอซีที จัดทำระบบไซเบอร์โฮม เพื่อใช้ไอซีทีที่เข้าถึงทุกบ้าน

ด้าน ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รองประธานคณะกรรมการ สสค. คนที่ 2 กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาต้องนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไม่ใช่แค่ปฏิรูปเพื่อการศึกษา เพราะประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ 3 ด้านคือ “แก่ จน และโง่

1. ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมวัยชรา สิ่งที่เห็นขณะนี้คือโรงเรียนร้างและการยุบรวมโรงเรียน และอีก 10 ปีข้างหน้าจะเห็น ร.ร.อาชีวะร้าง

2.ความยากจน

3. ระดับการศึกษาแรงงานไทยที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้น การศึกษาไทยต้องส่งเสริมให้วัยแรงงานได้ศึกษาต่อเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน ใช้โรงเรียนที่ว่างอยู่เป็นที่ฝึกอาชีพ.

http://www.thairath.co.th/content/edu/335714

http://variety.n108.com/view/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C-80.html

เกมออนไลน์ชื่อดัง HON และ Point Blank ตั้งเป้านักเรียน-นักศึกษา

 

ภาพจาก Neolution E-Sport
ภาพจาก Neolution E-Sport

30 มี.ค.56 ผู้จัดงาน Garena Star League 2013 จัดแข่งประชัน 2 เวทีเกมออนไลน์ชื่อดัง HON และ Point Blank ตั้งเป้านักเรียน นักศึกษา ชมงานกว่า 5 หมื่นคน เล็งขยายพื้นที่จัดงานครั้งหน้าอีกเท่าตัว รองรับเกมเมอร์ (Gamer) จากการสำรวจยังพบว่าทั้ง 2 เกม เป็นเกมที่มีสัดส่วนการเล่นกว่า 80% ของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกม HON ที่มีผู้เล่นแอคทีฟกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน

นายสกลกรณ์ สระกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Playinter และ Garena ผู้จัดงาน Garena Star League 2013 เปิดเผยว่า การจัดงาน Garena Star League 2013 ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทขยายไลน์การจัดงานมาเป็นงานใหญ่จากที่เคยเข้าร่วมกับงานเกมประจำปีมาก่อนหน้านี้ โดยการจัดงานครั้งนี้บริษัทใช้งบประมาณทั้งหมดราว 15 ล้านบาท เพื่อจัดแข่งขันหาผู้ชนะใน 2 เกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยคือ Hero of Newerth (HON) และ Point Blank ซึ่งเป็นเกมแนววางแผน โดยมีผู้แข่งขันที่เป็นนักกีฬาอี-สปอร์ต จาก 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และไทย เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะในเกม HON ซึ่งทีมผู้ชนะจะได้รับรางวัลกว่า 9 แสนบาท ส่วนทีมผู้ชนะเกม Point Blank จะได้รับรางวัลราว 2 แสนบาท

สำหรับเป้าหมายการจัดงานในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานเกิน 5 หมื่นคน โดยเน้นกลุ่มผู้เข้าร่วมงานเป็นนักเรียนนักศึกษา และหวังให้เกิดการผลักดันวงการอี-สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย โดยบริษัทมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายพื้นที่การจัดงานในครั้งต่อไปให้ใหญ่กว่าการจัดงานในครั้งนี้อีกว่าเท่าตัว โดยคาดว่าจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ เวทีจัดการแข่งขันและโซนจำหน่ายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์การเล่นเกมออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้เข้าร่วมงาน

นายสกลกรณ์ กล่าวอีกว่า กระแสความนิยมเกม HON และ Point Blank ในประเทศไทยถือเป็นเกมออนไลน์ 2 เกมที่มีผู้เล่นจำนวนสูงสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเกม HON ที่มีผู้เล่นแอคทีฟกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน ส่วนเกม Point Blank ถือเป็นเกมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่าทั้ง 2 เกม เป็นเกมที่มีสัดส่วนการเล่นกว่า 80% ของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้งาน Garena Star League 2013 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 103 ตั้งแต่ 10.00-21.30 น. โดยนอกจากกิจกรรมการแข่งขันเกม HON และ Point Blank ภายในงานดังกล่าวยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมออนไลน์และสินค้าต่าง ๆ

หนังสั้นสุจิปุลิ
http://www.youtube.com/watch?v=tvrwxbuDNeY

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=503350609701978&set=a.172813332755709.30332.164000793636963
http://download.online-station.net/view/g/1101
http://gamerdb.online-station.net/hon
http://www.thairath.co.th/content/tech/335851

 

อีกก้าวของ GIS จังหวัดลำปาง

ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม

 

quantum gis
quantum gis

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.443766532367104.1073741851.22824543725254

 

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง ร่วมประชุมคณะทำงานพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) โดยมีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) จังหวัดลำปาง โดยมีหัวหน้างานจังหวัดลำปางเป็นประธานคณะทำงาน, สถิติจังหวัดลำปางเป็นรองประธานคณะทำงาน เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิทัศน์ศาสตร์ (GIS) เป็นคณะทำงาน และหัวหน้ากลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานจังหวัดลำปาง เป็นคณะทำงานและเลขานุการ ณ ห้องประชุม POC ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง เมื่อวันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม 2556

 

28 มี.ค.56 ในการประชุมเรื่อง GIS คุณถาวร จันทร์ต๊ะ ได้นำเสนอการใช้โปรแกรม Quantum GIS ของ nectec ที่ map แผนที่ 1 ต่อ 4000 ส่วนทีมของสำนักงานสาธารณสุขนำเสนอโปรแกรม JHCIS ซึ่งใช้ระบุตำแหน่งบ้านที่มีผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ทำให้มีฐานข้อมูลสำหรับติดตามผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงข้อมูลก็สามารถดำเนินการได้ไม่ยากนักคล้ายกับการปักหมุดของ google map และ export ออกมาเป็น excel เพื่อส่งไปใช้ในโปรแกรมอื่น ๆ ได้

ในที่ประชุมได้พูดถึงการลงข้อมูลเดิมไว้ ผ่านโปรแกรม ARCView หรือ ARCInfo แต่ก็ไม่มีรายละเอียดในระหว่างการประชุมมากนัก เพราะก้าวต่อไปคือการนำเสนอประเด็นผู้สูงอายุ กับผู้พิการผ่านเว็บเบส ทำให้มีประเด็นที่ค่อนข้างหลากหลายในเวลาที่จำกัด

 

jhcis
jhcis

มีประเด็นที่พอสรุปได้เบื้องต้น
1. จัดทำความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
2. ประสานพื้นที่ ทำความเข้าใจและลงข้อมูลผ่าน JHCIS
3. กำหนดข้อมูลแผนที่สำหรับจัดทำ GIS ให้ชัดเจน
ในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านว่าจะใช้แผนที่จากหน่วยใด

 

http://www.nonpordang.com/new/thread-139-1-1.html

GIS for JHCIS on mobile version 1.0.0
http://www.nonpordang.com/ftp/gis/mgis_2013_02_24_1_0_0.zip

ผมสนใจเรื่องทำแผนที่มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงไปในรายละเอียด วันนี้ได้พบผู้รู้ นักวิชาการ ผู้ลงมือปฏิบัติ และผู้กำหนดนโยบายในหลายระดับ ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นมาก
+ http://www.thaiall.com/map

 

เก็บตก
วันศุกร์ที่ 15 ก.พ.56
ราว 11 โมง ไปประชุมถอดบทเรียนเครือข่ายมหาวิทยาลัยลำปาง มีท่านรองผู้ว่าศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ และผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม แล้ววันศุกร์ที่ 28 มี.ค.56 ราว 11 โมงเช่นกัน ไปประชุมเรื่องพัฒนาระบบ GIS กับ 2 ท่านเดิม ปรากฎว่าไฟฟ้าดับทั้ง 2 ครั้งที่ไปประชุม น่าจะเป็นอุบัติเหตุครับ

 

Download
Quantum GIS : http://www.qgis.org
JHCIS : http://www.jhcis.net

 

15ก.พ.56 ประชุมวิจัย
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=599537473393721&set=a.598908416789960.144219.506818005999002
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=599731393374329&set=a.598908416789960.144219.506818005999002

วิทยาลัยชุมชุมสตูลคลอด 4 ยุทธศาสตร์รับอาเซียน

29 มีนาคม 2556

สตูล/ นายนำชัย กฤษณาสกุล ผอ.วิทยาลัยชุมชนสตูล กล่าวว่า ทางวิทยาลัยชุมชนสตูลตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียนรู้ทางด้านภาษา ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ร่วมกับอีก 9 ประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศอาเซียน และในปี 58 นี้ เมื่อประเทศไทยมีการเปิดอาเซียน เราจำเป็นที่จะต้องมีการพบปะแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การท่องเที่ยว การศึกษาเล่าเรียน ซึ่งล้วนแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศให้ท่องแท้ ก่อนที่จะมีการพบปะแลกเปลี่ยน หรือการค้าขายซึ่งกันและกัน ดังนั้นทางวิทยาลัยชุมชนสตูลจึงได้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอน และการอบรมขึ้นในพื้นที่ จ.สตูล

โดยประกอบไปด้วย 1.การยกระดับการท่องเที่ยวของชุมชน ซึ่งขณะนี้ได้มีชุมชนท่องเที่ยวเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สตูล ถึง 12 ชุม และอาจจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ในไม่ช้านี้ จึงได้เปิดอบรมให้แก่ชุมชนท่องเที่ยวทั้ง 12 ชุมชน ในเรื่องของการทำอาหาร การบริการแก่นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวยังชุมชนของตนเอง 2.เปิดกว้างในเรื่องของเรียนการรู้เรื่อง ภาษาโดยประกอบไปด้วย ภาษามาลายู ภาษาจีน ภาษอังกฤษ หากเปิดอาเซียนแล้วเราไม่สามารถที่จะพูดหรือสื่อสารกันได้ ก็จะทำให้การติดต่อเป็นไปอย่างยากลำบาก ดังนั้น จึงเร่งในเรื่องการเปิดสอนภาษาให้แก่พี่น้องประชาชนเสียก่อน 3.ทางวิทยาลัยชุมชนเองได้เข้าร่วมจัดทำหลักสูตรแห่งชาติ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 21-27 เมษายน 2556 นี้ เพื่อให้การศึกษาของวิทยาลัยชุมชนเองมีความก้าวหน้าระดับเดี่ยวกับมาเลเซีย 4.จัดทำตลาดกลางทางอิเลคทรอนิกส์เพื่อให้สินค้าโอท็อป แหล่งท่องเที่ยวและรีสอร์ทต่างๆ ได้สามารถขายสินค้าได้ทางเว็บไซต์ และขณะนี้เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก โดยโครงการนี้ได้ทำร่วมกับพาณิชย์จังหวัดสตูล

ผอ.วิทยาลัยชุมชนสตูล กล่าวอีกว่า สำหรับการเรียนการสอนทุกโครงการนั้น ทางวิทยาลัยชุมชนสตูล จะมีตัวชี้วัดผู้เรียน ว่าเมื่อเรียนจบออกไปแล้วนั้น ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ได้มากน้องเพียงใด และมีการติดตามผลทุกหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปิดเรียน

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32301&Key=hotnews

ส่งทีมอาสาติวภาษานักเรียน

29 มีนาคม 2556

นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมต้อนรับหน่วยอาสาสมัครเพื่อสันติภาพสหรัฐอเมริกา (Peace Corps) รุ่นที่ 125 จำนวน 47 คน ซึ่งจะมาสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดสพฐ.ระดับประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสทั่วประเทศ 2 ปี โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับเกียรติจากนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มาร่วมเปิดงานเมื่อ วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยอาสาสมัครดังกล่าวเริ่มเข้ามาในไทยตั้งแต่ปี 2505 อาสาสมัครดังกล่าวจะแบ่งการทำงานเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มแรกไปทำงานกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะเน้นจัดกิจกรรมในชุมชน ส่วนกลุ่มที่ 2 มาทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีจำนวน 40 คน โดยจะกระจายไปทำงานในโรงเรียนตามจังหวัดต่างๆ

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า กลุ่มอาสาสมัครนี้จะร่วมมือกับครูในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ตามวัตถุประสงค์ 2 ประการ 1.ครูที่สอนระดับประถมในชนบทจะพัฒนาเทคนิคการสอน และวิธีการสอนให้นักเรียนมีส่วนร่วมไปกับการใช้ภาษาอังกฤษและวิชาอื่นๆ 2.ชุมชนในชนบทจะร่วมมือกันทำให้คุณภาพชีวิตของนักเรียน และครอบครัวดีขึ้น โดยครูเหล่านี้จะเข้ามาช่วยสอนภาษาให้กับเด็กนักเรียน และจะมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับคนในพื้นที่ต่างๆ ด้วย โดยโรงเรียนจะคอยดูแลจัดที่พักและอาหารให้ รวมทั้งจะมีครูประจำคอยดูแลอาสาสมัครด้วย

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32299&Key=hotnews

ศึกษาไทย เจ้าภาพสภาซีเมค’58 มอบรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี”

29 มีนาคม 2556

เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ

สิ้นสุดการเดินทางเยือนกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเพื่อร่วมการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(สภาซีเมค) ครั้งที่ 47(47th SEAMEO Council Conference: SEAMEC)ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ของคณะผู้แทนไทยที่มีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เป็นหัวเรือใหญ่ พ่วงด้วยลูกเรือระดับผู้บริหาร นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์รองปลัด ศธ. น.ส.ดุริยา อมตวิวัฒน์ ผอ.สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ โดยการประชุมครั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น

สำหรับการประชุมสภาซีเมค เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีศึกษาของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกจาก 10 ประเทศกลุ่มอาเซียนบวกติมอร์เลสเต เป็น 11 ประเทศ และยังมีสมาชิกสมทบอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศสเยอรมนี นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ สเปน และล่าสุดการประชุมครั้งที่47 ได้รับรองสหราชอาณาจักร เข้าเป็นสมาชิกสมทบเพิ่มลำดับที่ 7 ด้วย

ตลอดเวลา 3 วันของการร่วมประชุม นายพงศ์เทพ เปิดเผยถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีสภาซีเมค ว่า การประชุมสภาซีเมค เป็นโอกาสที่แต่ละประเทศในกลุ่มซีมีโอ ได้มารวมตัวเพื่อประชุมวาระสำคัญๆ ร่วมกัน และเป็นโอกาสที่ให้แต่ละประเทศได้หารือกันในระดับทวิภาคี ซึ่งตนได้ร่วมหารือกับ H.E. Br. Armin A. Luistro Fsc รมว.ศธ.แห่งประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อตกลงแลกเปลี่ยนครู ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการครูเจ้าของภาษาไปสอนในโรงเรียนที่ขาดแคลนครู ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนจะได้มีการทำความตกลงร่วมมือเป็นทางการ

นอกจากนั้น ได้ร่วมเปิดตัวศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิตของซีมีโอ-เซล ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตในกลุ่มประเทศ ซึ่งการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี นั้นให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว เห็นร่วมกันว่าควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริม นั่นคือกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มผู้สูงอายุ ขณะที่กลุ่มคนทั่วไปควรใช้การศึกษามาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้คนตระหนักว่าการที่มีความรู้จะช่วยต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มให้ตนเอง ซึ่งตนได้เสนอว่าควรนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนเพื่อเป็นช่องทางให้คนเข้าถึงการศึกษาได้ง่ายขึ้น และควรร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา หากประเทศใดมีแล้วนำมาแบ่งปันหรือจำหน่ายราคาถูก จะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายทั้งจะช่วยประหยัดงบประมาณในการพัฒนาซึ่งแต่ละปีมูลค่ามหาศาล

ส่วนการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจากนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปีนั้น รมว.ศึกษาธิการ ระบุด้วยว่า การประชุมสภาซีเมค ครั้งนี้มุ่งมั่นที่จะเตรียมพร้อมในเรื่องการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย โดยมีการวางแผนระดับนโยบายต่างๆ และ
กำหนดกิจกรรมที่ประเทศสมาชิกจะทำร่วมกันด้วย ซึ่งปรากฏในแถลงการณ์ยุทธศาสตร์การพัฒนาของซีมีโอและศูนย์ระดับภูมิภาค ในช่วงปี 2556-2563 มีประเด็นสำคัญ อาทิ การสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืนการร่วมมือระดับรัฐบาลจัดการศึกษาพื้นฐาน การทำงานร่วมอาเซียนเพื่อแก้ปัญหามาตรฐานและการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นต้น รวมทั้งเปิดตัวโครงการซีมีโอคอลเลจครั้งแรก เป็นเวทีที่ให้ระดับรัฐมนตรีผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้นำเยาวชนในด้านการศึกษามาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีในการจัดการศึกษาของแต่ละประเทศ เป็นการนำซีมีโอก้าวไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ “Golden SEAMEO” ภายในปี พ.ศ.2563 (ค.ศ. 2020) พร้อมสู่อาเซียน

อย่างไรก็ดี การประชุมสภาซีเมคนี้ นายฟา อู ลวน รมว.ศึกษาธิการของเวียดนาม ได้รับเลือกให้เป็นประธานซีเมคคนใหม่ และ รมว.ศึกษาธิการของไทย นั้นได้รับเลือกให้เป็นรองประธานด้วย ซึ่งในปี 2558 นอกจากการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้นแล้ว นายพงศ์เทพ กล่าวด้วยว่า รมว.ศึกษาธิการไทย จะได้รับเลือกเป็นประธานซีเมคและเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสภาซีเมค ครั้งที่ 48 ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2558 โดยได้แจ้งต่อที่ประชุมคราวนี้ด้วยว่า ปีเดียวกันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา โดยตลอดมาทรงอุทิศพระองค์เพื่อพัฒนาการศึกษาของไทย ดังนั้น เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสดังกล่าว ศธ. จึงจัดมอบรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” ให้แก่ครูผู้ทุ่มเทปฏิบัติงานและมีผลดีเด่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการประชุมสภาซีเมค ครั้งที่ 48 โดยให้สิทธิขาดแก่กระทรวงศึกษาธิการทั้ง 11 ประเทศสมาชิกคัดเลือกครูที่มีคุณสมบัติตรงที่กำหนดประเทศละ 1 คนเข้ารับรางวัล ซึ่งมีประกาศเกียรติคุณ เงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 300,000 บาท
“ส่วนการเตรียมพร้อมในการเป็นเจ้าภาพนั้นจะใช้เวลา 2 ปีนี้ที่ไทยได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาซีเมค ทำงานควบคู่ไปกับการเตรียมพร้อมกำหนดแนวทางที่จะผลักดันและขับเคลื่อนซีมีโออย่างไรเพื่อประโยชน์

ต่อการศึกษาในกลุ่มประเทศซีมีโอ โดยเฉพาะในปี 2558 (ค.ศ.2015)ยูเนสโกได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษและเป้าหมายการศึกษาเพื่อปวงชน ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งด้วย” นายพงศ์เทพ กล่าวทิ้งท้าย

เริ่มตระเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ขนาดนี้เชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าไม่ว่ามุ่งสู่ประชาคมอาเซียนเต็มตัว และภารกิจเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสภาซีเมค ครั้งที่ 48 งานหนักเพียงใดศึกษาธิการไทยเอาอยู่!

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32298&Key=hotnews

ศธ.ชงเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยครูใต้

29 มีนาคม 2556

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่โรงแรมซี เอส ปัตตานี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมจัดงานรำลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ครั้งที่ 5 เพื่อรำลึกถึงความเสียสละและการอุทิศตนของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์จากความไม่สงบ โดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จากการพบปะเยี่ยมเยียนครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าสิ่งที่ครูมีความกังวลที่สุด คือ เรื่องสวัสดิภาพความไม่ปลอดภัยในชีวิต ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดูแลความปลอดภัยครูเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามภารกิจที่สำคัญของ ศธ. คือ ต้องดูแลการศึกษาของภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ โดยต้องทำหน้าที่ 2 อย่างควบคู่กันไป คือ ทำอย่างไรจะให้การศึกษาเป็นเครื่องมือให้เกิดความเข้าใจที่ดี ให้อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ซึ่งต้องยอมรับว่าครูในพื้นที่เป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ดังนั้นสวัสดิการของครูในพื้นที่จึงมีความจำเป็น

“ขณะนี้ ศธ. กำลังเตรียมการเพื่อเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยของครูที่จะต้องเพิ่มเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จาก 2,500 บาท เป็น 3,500 บาท ส่วนลูกจ้าง ครูโรงเรียนเอกชน จะได้เพิ่มเป็น 2,500 บาท ส่วนกรณีครูเสียชีวิตจากปัจจุบันที่ได้รับประมาณ 1 ล้านบาท ก็จะเพิ่มเป็น 4 ล้านบาท” นายเสริมศักดิ์กล่าว.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32297&Key=hotnews

ไขข้อสงสัย “โครงการอาคารศูนย์พัฒนาครูฯ” มุ่งหวังเพื่อสวัสดิการเพื่อนครู

29 มีนาคม 2556

สกสค.ไขข้อสงสัย “โครงการอาคารศูนย์พัฒนาครูฯ” มุ่งหวังเพื่อสวัสดิการเพื่อนครู

นับเป็นอีกโครงการหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)สำหรับ”การก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่” บริเวณถนนหัสดิเสวี ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ที่สกสค.มุ่งหวังให้เป็นศูนย์กลางการให้สวัสดิการด้านที่พักแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และเพื่อเป็นศูนย์กลางการประชุม สัมมนา ฝึกอบรมแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจน หน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง

การก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาฯ ที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วนั้นได้กลายเป็นประเด็นข้อสงสัยต่างๆ โดย นายวัฒนา วรรณโสภา รองเลขาธิการสกสค. ระบุว่าโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาฯ แห่งนี้มีจำนวน 7 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 15,811 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้องพัก 300 ห้อง ห้องประชุมใหญ่ ห้องโถงต้อนรับ ห้องโถงจัดเลี้ยง ที่จอดรถยนต์และ ห้องเครื่อง โดยดำเนินการการก่อสร้างตามงบประมาณ 499 ล้านบาท และในปีที่ผ่านมาได้เปิดให้มีการประมูลผ่านระบบ อิเล็กทรอนิสก์หรืออีอ๊อกชั่นส์ โดยบริษัทเอกค้าไทยชนะการประมูลในครั้งนั้นด้วยราคาประมาณ 360 ล้านบาท และได้ลงมือดำเนินการก่อสร้างด้วยการเริ่มปรับพื้นดินและการลงเสาเข็มบริเวณการก่อสร้างในช่วงของคณะกรรมการ สกสค.ชุดเก่าที่มีนายเกษม กลั่นยิ่ง เป็นเลขาธิการ สกสค. ซึ่งมีคณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้าง และคณะกรรมการตรวจการจ้างเข้ามาดูแล รวมทั้งสกสค.ได้ว่าจ้างให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มาเป็นที่ปรึกษาควบคุมการก่อสร้าง
“สจล.ได้เข้ามาตรวจดูโครงการนี้และมีความเห็นเสนอมาว่า การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ 7 ชั้นแห่งนี้ ควรจะต้องเพิ่มชั้นอาคารที่จอดรถ อีก 2 ชั้น เพราะไม่เช่นนั้น แล้วหากมีการเข้ามาพักและประชุม สัมมนาและฝึกอบรมของครูอาจจะไม่เพียงพอ ทำให้ต้องนำเรื่องนี้เสนอพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.สมัยนายเกษมอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการจะเปลี่ยนแปลงการก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นอำนาจของที่ประชุม คณะกรรมการ สกสค.แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นรอยต่อที่คณะกรรมการ สกสค.ชุดเก่าจะหมดวาระแล้วจึงมีการให้รอเสนอใน คณะกรรมการ สกสค.ชุดใหม่ และ นายเกษมเองก็หมดวาระไปด้วยในช่วงนั้น ทำให้ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการ สกสค.ชุดใหม่พิจารณาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555และได้มีมติให้ดำเนินการก่อสร้างโดยเพิ่มการก่อสร้างจำนวน 7 รายการตามที่เสนอขออนุมัติไป 15 รายการ ตามที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบังโดยไม่ได้เพิ่มงบประมาณการก่อสร้างแต่อย่างใด ส่วนการเสนอให้ เพิ่มชั้นอาคารอีกสองชั้นเพื่อใช้เป็น ที่จอดรถนั้น ไม่ได้รับการอนุมัติ ”

หลังจากนั้น สกสค.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทเอกค้าไทยเพื่อให้ ทราบถึงมติของที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.ที่ให้ดำเนินการก่อสร้างและทาง บริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งกลับมายังสกสค.ว่าวันที่ 28 มกราคม 2556 ทางบริษัทจะดำเนินการตามมติดังกล่าว ซึ่งเนื่องจากช่วงนั้นได้เกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ก่อสร้างและทางบริษัทฯ ได้เข้าไปสำรวจและได้ทำการสูบน้ำออกจากบริเวณที่มีการตอกเสาเข็มและตากหน้าดินให้แห้ง รวมทั้งสำรวจว่าเสาเข็ม ที่ถูกน้ำแช่ขังอยู่มีความแข็งแรงหรือไม่ จนกระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้าง และคณะกรรมการตรวจการจ้าง เพื่อเร่งรัดในการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน บริษัทฯ และสจล.ได้ลงพื้นที่ไปดูหน้างานการก่อสร้าง จนล่าสุดได้ประชุมหารือกันมีมติให้บริษัทฯ ทำแผนงานต่างๆ เสนอคณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้าง และคณะกรรมการตรวจการจ้าง จนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2556 saleยุ้ย aw/ปอ”ที่มีการพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่าโครงการนี้มีการดำเนินการไม่โปร่งใส ส่อไปในทางทุจริตรวมถึงการฮั้วประมูล ในฐานะตัวแทน สกสค. ขอเรียนว่าสกสค. ได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ขณะนี้ การเบิกเงินงวดแรกก็ยังไม่ได้เบิกสักบาทเลย และที่มีผู้ออกมาระบุว่ามีการลงนามสัญญาการก่อสร้างใหม่ก็ไม่เป็นความจริงเพราะไม่ได้ลงนามสัญญาอะไรใหม่เลยใช้สัญญาเดิม และไม่ได้เริ่มสัญญาใหม่ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม ส่วนที่มีการร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ทำให้ สกสค. ไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางดีเอสไอได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ จ.เชียงใหม่และ ได้เข้าไปสอบถาม ตรวจสอบสัญญาเงื่อนไขต่างๆ โดยได้ทำหนังสือแจ้งมายัง สกสค.วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุว่าจากการสืบสวนกรณีการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาฯ ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่าการจัดจ้างมีลักษณะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้นดีเอสไอ จึงได้ยุติเรื่อง อนึ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดและเป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับจึงขอให้สกสค.เร่งรัดบริหาร จัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาฯให้เป็นไปตามสัญญาต่อไป ซึ่งแสดงว่าให้ดำเนินการได้ต่อไป ทั้งนี้การที่มีหน่วยงาน และบุคคลเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้นั้นสกสค.ไม่ขัดข้องเพราะทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ผิดเงื่อนไขอะไรแต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาเพราะต้องรอคณะกรรมการ สกสค.ชุดใหม่เท่านั้นเองและความเสียหายต่างๆ ก็ไม่มี”
อย่างไรก็ตาม สกสค.มีความมุ่งหวัง และมุ่งมั่นในการเดินหน้าโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาฯ ต่อไปเพื่อจุดมุ่งหมายของการจัดสวัสดิการให้แก่เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างดีที่สุด

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32296&Key=hotnews