สพฐ.ตัด Google Play ใน TOR แท็บเล็ตนร. ป.1
ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน ถ้าซื้อ tabletpc 1.6 ล้านเครื่อง + 9.3 แสนเครื่อง รวมเป็น 2.53 ล้านเครื่อง หรือเท่ากับร้อยละ 3.6 ของประชากร ที่จะมี TabletPC ของรัฐบาลใช้
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต)ต่อ 1 นักเรียน ได้อนุมัติร่างข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ในการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตปีการศึกษา 2556 แจกนักเรียนชั้น ป.1 และ ม.1 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนนำออกประชาพิจารณ์ทางเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อเตรียมเปิดจำหน่ายซองประกวดราคา และประกวดราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-ออกชั่น (E-Auction) ต่อไปนั้น ขณะนี้ต้องถือว่า TOR น่าจะนิ่งแล้ว เพราะได้มีการปรับร่างรายละเอียดที่มีข้อท้วงติงออกแล้ว โดยเฉพาะกรณีแอพพลิเคชัน(application) จะเน้นเฉพาะแอพพลิเคชันที่ส่วนราชการกำหนดเป็นตัวอย่างให้ไปลองโหลดกับเครื่องตัวอย่างแล้วมาเสนอวันที่ยื่นซองเทคนิค เพราะเชื่อว่าแอพพลิเคชันตัวอย่างที่ทำขึ้นมาเพื่อไปใช้กับเครื่องตัวอย่างน่าจะเพียงพอ เนื่องจากเราเน้นว่าอย่างน้อยต้องใช้งานกับแอพพลิเคชันที่บรรจุไว้ในเครื่องได้ ส่วนเรื่องการดาวน์โหลดจะเป็นเรื่องรอง
“เมื่อตัดแอพพลิเคชันที่ทำให้เป็นกังวลไปแล้ว โดยเฉพาะ Google Play บริษัทผู้ผลิตก็ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายค่า license ให้กับทาง Google Play เครื่องละราคา 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็น่าจะทำให้ต้นทุนตัวเครื่องลดลง แต่ราคาจะลดลงหรือไม่คงต้องรอวันที่มาเคาะราคาแข่งกัน ซึ่งโดยหลักการ เวลายกเลิกเงื่อนไขอะไรไปทุกบริษัทก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน เพราะทุกอย่างคือค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้น เมื่อลดส่วนนี้ลง การแข่งขันก็น่าจะลดลง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูวันจริง ไม่อยากคาดคะเนอะไรมาก“เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะมีการปรับร่าง TOR สพฐ. ได้ทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็นการจัดทำคุณลักษณะเฉพาะของเครื่องแท็บเล็ต ซึ่งมีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้ผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้ผลิตระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งในเครื่องแท็บเล็ต ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นค่า license ให้กับผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่จะใช้งานบนแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการ Android อย่าง Google play เครื่องละ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ต้องเสียเงินเป็นค่าใช้จ่ายแฝงรวมแล้วเกือบ 100 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32743&Key=hotnews