life

มะละกอ ปลูกร้อยกว่าต้น ตายเป็นครึ่ง

ต้นอ่อนมะละกอก็ตายได้
ต้นอ่อนมะละกอก็ตายได้

แม้ว่าผมเป็นนักคอมพิวเตอร์ (IT Person) ก็จริง
แต่มีโอกาสสนในเรื่องการเกษตร (Agriculture)
ได้ปลูกมะละกอ (Papaya) ไว้ทานเอง
เพาะไว้มากกว่า 200 ในฐาดรองกระถาง
งอกขึ้นมาร้อยกว่าต้น ก็เอาลงถุงดำ
โดยเลือกเฉพาะที่แข็งแรง
เลี้ยงได้ไม่กี่สัปดาห์เริ่มใบหงิก และตายลงเรื่อย ๆ
จึงเข้า กลุ่มเฟสสาธารณะ ชื่อ “กลุ่มคนอยากทำเกษตร
มีสมาชิก 87963 เมื่อ 28 ธันวาคม 2559
https://www.facebook.com/groups/687744234676444/1187133838070812/
โดยส่งภาพเข้าไปโพสต์ถามว่า
ขอถามมืออาชีพทางมะละกอหน่อย
เพราะ มะละกอปลูกยังไม่ทันโต
ใบเหลือง และตายทีละต้น
เกิดจากอะไรครับนี่
แก้ไขอย่างไรดี
ก็ได้รับคำตอบจากเกษตรกรหลายท่าน
ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ากลุ่มนี้

คำแนะนำที่ได้รับ

– ต้องระวังไม่ให้น้ำเยอะไป หรือน้อยไป
– ต้องระวังเรื่องดิน ให้ใช้ดินธรรมดาไปก่อน
– สารอาหารมากไปน้อยไป ก็ทำให้ต้นอ่อนตายได้
– บำรุงมากไป รากเน่าได้

สรุปว่าผมน่าจะทำผิดพลาดในเกือบทุกคำเตือน

– รดน้ำมากไป ดินเปียก
– อินทรีย์วัตถุ บำรุงมากไป ทำให้ดินเค็ม
– ย้ายต้น 2 รอบ น่าจะทำให้รากสะเทือน
– กรดน่าจะเกิด ผมใส่เศษอาหารเน่าเสียลงไป

โฮมเพจดี ๆ หายไป อยากย้อนอดีตเข้าไปอีก ทำอย่างไรง่ะ

back to the past
back to the past

เคยเข้าโฮมเพจดี ๆ ของอาจารย์หลายท่าน
ข้อมูลเยี่ยม
จึงทำลิงค์ไว้เรียบร้อย ลิงค์มาหลายหน้าเลย หลายคน
วันนี้จู่ ๆ เข้าไม่ได้ หายเกลี้ยงทั้งโฮสต์
.. ทำไงหราาาา
อึ้มๆๆ
พอมีวิธี (ถ้าโชคดีนะ)

เพราะมีผู้พัฒนาทำฐานข้อมูลเว็บไซต์ทั้งโลกไว้
ในชื่อ archive.org เพื่อสำรองเว็บเพจ ตามช่วงเวลา
เรียกว่า เก็บเป็นเวอร์ชั่นไว้เลย ย้อนอดีตได้ตามสะดวก
แม้ server down หรือเป็น dead link ไปเรียบร้อยแล้ว
ก็เข้าไปเอาข้อมูลใน archive.org ได้
ใช้งานไม่ยาก ใช้บริการแล้วนึกถึงเรื่องการย้อนวัยเลย
http://web.archive.org/web/*/thaiall.com

ชีวิตก็มีขึ้น มีลง เป็นธรรมดา เดี๋ยว 0 เดี๋ยว 1
ชีวิตก็มีขึ้น มีลง เป็นธรรมดา เดี๋ยว 0 เดี๋ยว 1

กำลังนั่นปรับเนื้อหาใน ตรรกะ
ที่ http://www.thaiall.com/digitallogic
ก็ชะแว็บมาเขียน blog แปล็บ

เพลง “ต้องสู้จึงจะชนะ” ของ เจิน เจิน บุญสูงเนิน

ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ
อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ
อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม
ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง
วันวันเมาโซเซ
ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา
เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล
บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง
ดวงดี ยินดี ดวงอับ ช่างมัน
พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น
สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน
ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ

อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ
อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม
ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง
วันวันเมาโซเซ
ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา
เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล
บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง
ดวงดี ยินดี ดวงอับ ช่างมัน
พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น
สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน
ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ
อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ
อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม
ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง
วันวันเมาโซเซ
ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา
เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล
บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง
ดวงดี ยินดี ดวงอับ ช่างมัน
พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น
สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน
ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ
ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ..

ตอนนี้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Back to the future

เล่าเรื่องสุดโต่ง กับบทบาทที่ต้องพูดเรื่องสุดโต่ง .. ผมว่าธรรมดานะ

อ่านความเห็นของท่านหนึ่งบอกว่า
หลายปีที่ผ่านมา ผมสังเกตเห็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง
ในระบบความคิดและการนำเสนอของสื่อไทย โดยเฉพาะ
แนวสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นบทความหรือบทสัมภาษณ์
ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จก็คือ มักชอบสร้างสตอรี่ดราม่า
ให้ค่ากับความ ‘สุดโต่ง’ มากเกินไป
อ่านมาจาก http://storylog.co/story/55990ab560a1c1e968c6ab94

แต่ผมมองเห็นอีกมุมนะ และคิดว่าเป็นปกติของบทบาท
ของผู้พูด ผู้เขียน ที่ต้องสร้างแรงบันดาลใจแบบสุดโต่ง
.. เขาได้รับบทบาทมาอย่างนั้น

1. พวกเขาก็เป็นเพียง ผู้นำเสนอ ที่มีบทบาท มีเป้าหมายสร้างแรงบันดาลใจ
ไม่ได้รับมอบหมายมาให้รับผิดชอบต่อการพูด ไม่เหมือนพ่อแม่
สั่งสอนลูกอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้มีอาชีพรับจ้างพูดหรือรับเขียน
ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องสร้างความประทับใจให้ฮือฮา
2. ตัวอย่าง ที่ยกมาอาจเป็นหนึ่งในสิบ ร้อน พัน หมื่น แสน ล้าน
ก็เป็นปกติที่ต้องหาเรื่องผิดปกติมาเล่า แต่ทำได้ง่ายดุจพลิกฝ่ามือ
ย้อนกับไปข้อ 1 เขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมผู้ฟัง
เหมือนพ่อแม่ที่สั่งสอนลูก จะให้คาดหวังอะไรจากผู้พูด
ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้มีบทบาท หรือหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตน
3.  ตัวอย่างของบทสัมภาษณ์ในบทความ
“.. ชีวิตมันสั้น อย่าไปกลัวอดตาย ทำตามความฝันเลย
อย่าไปคิดเรื่องหากิน หรือเงินทองมากนัก ..”
ส่วนใหญ่เขาก็แค่พูดหรือเขียนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
ให้รู้สึกว่าเขาพูดน่ะ ผิดปกติ เพราะพูดปกติก็คงไม่มีใครฟัง
แล้วผลจากการพูด การเขียน ก็คงได้รับสิ่งตอบแทนที่ดี ไม่ทางตรง หรือทางอ้อม
4. จะให้พูดปกติหรือครับ
– ตั้งใจเรียนนะลูก หนทางอีกยาวไกล พยายามให้มาก และมากกว่าที่ทำอยู่
– ชีวิตไม่มีอะไรง่าย อ่านหนังสือ แล้วจะสอบได้ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
– ชีวิตแบบ steve jobs น่ะ หนึ่งในล้าน อย่าคิดเอาอย่างเชียว เราคงไม่โชคดี
– ชีวิตแบบ นักกีฬา นักร้อง นักแสดง ที่สำเร็จน่ะ หนึ่งในล้าน อย่าหลงเชื่อเชียว เราคงไม่โชคดี
พูดแบบนี้ พ่อแม่พูดกรอกหูทุกฟัง เด็กที่ไหนจะไปฟัง