Education News

ข่าวการศึกษา เน้นเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

สพท.กำแพงเพชรเขต2ปลุกสำนึกเยาวชนสืบทอดความเป็นชาติ

4 มกราคม 2550

ผุดโครงการสภานักเรียนไทยหัวใจสมานฉันท์ยึดมั่นธรรมาภิบาล

ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ซึ่งเป็นทั้งรากฐานวิธีการและเป้าประสงค์ในการสร้างสังคม ที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความเป็นธรรมและสันติสุขเป็นสังคมที่คนทุก กลุ่ม ทุกระดับชั้นมีโอกาสและมีอำนาจในการต่อรองและประสานประโยชน์กันอย่างสันติทุกกลุ่มในสังคมสามารถแสดงความต้องการและแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดแห่งตนได้อย่างเท่าเทียมกันตามศักยภาพเพราะมีกฎระเบียบที่ทันสมัย ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใสและมีระบบการให้และรับข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมาและทันต่อเหตุการณ์ โดยสรุปก็คือ สังคมที่มีกลไกให้ทุกฝ่ายสามารถประสานประโยชน์และความต้องการ ตลอดจนแก้ไขความทุกข์ร้อนได้อย่างเป็นธรรมจึงเกิดความสมดุลและพอดี

นายพชรศักดิ์ อินมล ศึกษานิเทศก์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชร เขต 2 กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนไทยซึ่งเป็นพลังในการพัฒนาประเทศให้เจริญงอกงามเทียบเท่านานาอารยประเทศ และเป็นความหวังของสังคมในการสืบทอดความเป็นชาติ ศาสนา ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติดังนั้นเด็กควรได้รับการเรียนรู้บทบาทหน้าที่ตามวิถีประชาธิปไตยสามารถพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาสังคมโดยใช้หลักธรรมาภิบาล ซึ่งคณะกรรมการนักเรียนและองค์กรนักเรียนเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งที่จะดำเนินการพัฒนาโรงเรียนตามกระบวนการนิติธรรมให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน

ดังนั้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชร เขต 2 ได้จัดโครงการ “สภานักเรียนไทย หัวใจสมานฉันท์ ยึดมั่นธรรมาภิบาล” ขึ้น เพื่อพัฒนาองค์กรนักเรียนให้มีความเข้มแข็ง สามารถดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนได้ เพื่อสร้างสังคมในโรงเรียนให้เป็นสังคมเปิด มีความพอเพียงและยึดมั่นใน หลักการตามวิถีชีวิตประชา ธิปไตย โดยหวังว่านักเรียนที่ผ่านชีวิตในสังคมโรงเรียนธรรมาภิบาล สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ สำหรับการจัดโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการกับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3-4 ที่เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 62 คน โดยมีครูที่ปรึกษาโครงการ 62 คน ใช้เวลาในการจัดกิจกรรม 3 วัน 2 คืน มีวิทยากร 22 คน รวมทั้งสิ้น 146 คน

นายกมล สุขศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชรเขต 2 กล่าวว่า จากการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพง เพชร เขต 2 ได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นก็เพื่อมุ่งจะพัฒนาองค์กรนักเรียนให้มีความเข้มแข็งสามารถดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลได้ จึงขอฝากให้คณะกรรมการดำเนินการและวิทยากรพร้อมทั้งครูที่ ปรึกษาโครงการทุกคน ได้ช่วยกันจัดกิจกรรมค่ายตามโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จและหวังว่าคณะวิทยากรและครูที่ปรึกษาจะได้ถ่ายทอดร่วมกันตามหลักธรรมาภิบาล โดยปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องของธรรมาภิบาลให้นักเรียนได้เรียนรู้เพื่อประโยชน์ในภายหน้า และสามารถนำความรู้ความสามารถที่ได้จากการอบรมไปพัฒนากิจกรรมสภานักเรียนในโรงเรียนของตน ตลอดจนชุมชนและสังคมของประเทศชาติสืบไป

สำหรับธรรมาภิบาลนั้นจะมีอยู่ 6 หลักด้วยกันคือ หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจปัญหาสำคัญ หลักการรับผิดชอบตรวจสอบได้ หลักความคุ้มค่าและหลักคุณธรรม โดยหลักเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อนักเรียน โรงเรียนและประเทศเป็นอย่างยิ่ง คณะกรรมการนักเรียนเปรียบเสมือนจุดเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องในสถานศึกษาทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหาร ครูและเพื่อนนักเรียนหรือผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ จึงสมควรได้รับการส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาสังคมในโรงเรียนทุกด้าน

การที่จะทำให้สังคมที่ดีดำเนินไปสู่ความเจริญของประเทศได้นั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนได้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่ดี และสามารถนำไปพัฒนาองค์กรขนาดเล็กไปสู่องค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.dailynews.co.th

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2310&Key=hotnews

ทปอ.ถกรูปแบบรับนิสิตนักศึกษาปี”52

3 มกราคม 2550

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยถึงระบบการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาประจำปีการศึกษา 2550 ว่า ทปอ.ยังยืนยันการดำเนินการในรูปแบบระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ แต่ก็จะศึกษาและวิเคราะห์การดำเนินการในปีที่ผ่านมาและปี 2550 ว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร สามารถแก้ปัญหาการมุ่งกวดวิชา และสามารถกระจายโอกาสทางการศึกษาและให้ความเป็นธรรมได้หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ต้องศึกษาและหาคำตอบ เพื่อหารูปแบบการรับนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากต่อไประบบแอดมิสชั่นส์ไม่ได้รับความเชื่อถือ มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็อาจจะหันไปรับนิสิตนักศึกษาในระบบรับตรงกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้นักเรียนต้องเดือดร้อนตามไปด้วย

ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) กล่าวว่า ในการประชุม ทปอ.นัดหน้าวันที่ 20 มกราคม ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) มีประเด็นสำคัญที่จะหารือกันคือเรื่องระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในปีการศึกษา 2552 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ โดยแนวทางที่มีการนำเสนอเข้ามาในขณะนี้มีหลากหลายรูปแบบ เช่น เสนอลดค่าน้ำหนักพิจารณาในผลการเรียนเฉลี่ยสะสมชั้น ม.ปลาย (GPAX) จาก 30% เหลือ 10% หรืออาจจะไม่ใช้เลย หรืออาจจะเปลี่ยนค่า GPAX เป็นค่าเปอร์เซ็นไทล์ เช่นเดียวกับการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต อาจจะลดค่าคะแนนลง หรือไม่มีสอบก็ได้ นอกจากนี้ ทาง ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ยังเสนอเพิ่มเติมในเรื่องการพิจารณา General Attitude Test และ Professional Attitude Test

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.matichon.co.th/

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2307&Key=hotnews

ศึกษาธิการเสนอของบฯ 350 ล้าน สานโครงการรายได้ระหว่างเรียน

3 มกราคม 2550

นายชินภัทร ภูมิรัตน รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ผลการประชุมโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียนนักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน เมื่อเร็วๆ นี้ว่า โครงการนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก สามารถช่วยให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และมีรายได้มาช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยแต่ละปีจะมีนักเรียนนักศึกษาสมัครเข้าร่วมโครงการประมาณ 165,000 คน โดยล่าสุดปี 2549 มีนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าร่วมโครงการ 71,769 คน นักศึกษาอาชีวศึกษา 25,949 คน นักศึกษาระดับอุดมศึกษา 10,846 คน นักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) 4,246 คน และนักเรียนสถานศึกษาเอกชนจำนวน 3,556 คน ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2550 ตนจะเสนอของบประมาณเพื่อดำเนินการต่อเนื่อง จำนวน 350 ล้านบาท ซึ่งตนได้นำเสนอ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการ ศธ.แล้ว และเห็นชอบที่จะให้ดำเนินโครงการนี้ต่อไป เพราะเห็นว่ามีประโยชน์ โดยให้ตนจัดทำแผนโครงการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติต่อไป

“ที่ผ่านมาพบว่ามีนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ชนบทและฐานะยากจนจำนวนมากอยากเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย แต่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด ดังนั้น หากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้จากปีละประมาณ 200 ล้านบาท เป็น 350 ล้านบาทดังกล่าว ก็จะทำให้สามารถขยายจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการได้อีกเท่าตัว” นายชินภัทรกล่าว

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.matichon.co.th/

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2302&Key=hotnews

อบจ.นครปฐม ดึงนักเรียนเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี นำธรรมะสอดแทรกิจกรรมขัดเกลาจิตในเยาวชน

3 มกราคม 2550 .. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ที่กำหนดให้นักเรียนทุกคนเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งในการพัฒนาการศึกษา ได้กำหนดให้วิชาลูกเสือ-เนตรนารี เป็นหนึ่งกิจกรรมที่เป็นเครื่องมือที่จะทำให้มีการสร้างวินัยให้กับนักเรียนและสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ นอกจากนี้ยังสามารถประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน เพื่อให้บรรลุผลตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

นายพเยาว์ เนียะแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ตามข้อความเบื้องต้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้เล็งเห็นว่าการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารี ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนเกิดการพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจภายนอกห้องเรียน จึงได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงการค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารีสามัญ และบูรณาการค่ายพัฒนาจริยธรรมของกลุ่มโรงเรียนโรงเรียนบูรพาศึกษา เพื่อให้เกิดความรู้รูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถจัดกิจกรรมได้หลายหลาก ได้รับประสบการณ์ตรง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฝึกทักษะในการคิดวิเคราะห์หาเหตุและผลในการแก้ไขตัดสินปัญหาและสามารถบรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวังได้ตามต้องการ

นายก อบจ.นครปฐม กล่าวอีกว่า ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ได้มีโรงเรียนในกลุ่ม จำนวน 8 โรงเรียนเข้าร่วม ประกอบด้วยโรงเรียนวัดธรรมศาลา โรงเรียนบ้านต้นสำโรง โรงเรียนวัดพระประโทนเจดีย์ โรงเรียนวัดดอนยายหอม โรงเรียนบ้านรางมะเดื่อ โรงเรียนบ้านบ่อพลับ โรงเรียนหลวงพ่อแช่มตาก้องอนุสรณ์ และโรงเรียนลำท่าโพ โดยมีนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมในการเข้าค่ายจำนวน 408 คน จำนวนครู 31 คน รวมทั้งสิ้น 439 คน

นายพเยาว์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้การจัดกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้นักเรียนมีระเบียบวินัยในตนเองและสามัคคีในหมู่คณะ และสามารถปฏิบัติตนตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียนโดยใช้กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี เป็นเครื่องมือในการฝึกปฏิบัติได้เป็นอย่างดี และได้มีโอกาสฝึกทักษะแลกเปลี่ยนความรู้ ฝึกความอดทน เสียสละและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ โดยได้มีการเน้นกลุ่มเป้าหมายให้เกิดคุณภาพในตัวนักเรียนด้านความสามัคคีในหมู่คณะ และให้นักเรียนมีลักษณะพึงประสงค์ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทำงานอย่างเป็นระบบ ยอมรับกติกาของสังคมที่กำหนดไว้ ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 180,700 บาท ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ และได้นำนักเรียนทั้งหมดไปเข้าค่ายในรูปแบบของการนำคำสอนจริยธรรม ตามหลักพระพุทธศาสนาเข้าแทรกในการเข้าค่ายเพื่อให้นักเรียนได้ซึมซับเอาคำสั่งสอนของศาสนาเข้าไปชโลมจิตใจให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและสังคมโดยกิจกรรมดังกล่าวได้นำนักเรียนไปเข้าค่ายที่ ค่ายสิทธิศึกษา อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 3 วัน

“กิจกรรมที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้สนับสนุนงบประมาณไปให้ นับเป็นประโยชน์แก่ตัวของนักเรียนโดยตรง ซึ่งวันนี้เราอาจจะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าหลังจากที่เด็กนักเรียนชายหญิงได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้น เขาเหล่านั้นจะได้รับการซึมซับนำเอาสิ่งดี ๆ ที่ได้แสดงออกกับกลุ่มเพื่อนมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี และจะเป็นส่วนกระตุ้นให้เขาเหล่านั้นเป็นคนดีในสังคมโดยที่จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงแม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ถ้ามองถึงผลที่จะได้รับนั้นนับว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ” นายพเยาว์กล่าว

เด็กวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า หากชี้แนะให้เดินในทางที่ถูกที่ควร ในอนาคตจะสามารถพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี.

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: –เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 ม.ค. 2550

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2298&Key=hotnews

ก.ค.ศ.ลงโทษ”ไล่ออก-ปลดออก”20ครู ความผิดเชิงชู้สาว-ละเมิดทางเพศ น.ร.

3 มกราคม 2550

นายประเสริฐ งามพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ในช่วงปีงบประมาณ 2549 สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้พิจารณาความผิดข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกดำเนินการทางวินัยยุติแล้วทั้งสิ้น จำนวน 133 คน เพิ่มจากปีงบประมาณ 2548 จำนวน 53 คน โดยเป็นการกระทำผิดระเบียบวินัยข้าราชการมากที่สุด 30 คน รองลงมาได้แก่ ความผิดเชิงชู้สาว อนาจาร 25 คน และความผิดทางการพนัน 22 คน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการกระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 5 คน ด้วย ซึ่งในจำนวนผู้กระทำผิดดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู จำนวน 63 คน ผู้อำนวยการสถานศึกษา 48 คน และบุคลากรทางการศึกษา 16 คน โดยผู้กระทำผิดส่วนใหญ่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เนื่องจากมีบุคลากรจำนวนมาก ส่วนการพิจารณาโทษมีทั้งผู้ที่ได้รับโทษร้ายแรงถูกไล่ออกจากราชการ จำนวน 11 คน และปลดออกจากราชการ 9 คน สำหรับโทษไม่ร้ายแรง มีได้แก่ ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน และภาคทัณฑ์ รวม 82 คน

“ยืนยันว่าการกระทำผิดของข้าราชการครูจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกรณีล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ซึ่งโทษอย่างต่ำต้องถูกปลดออกจากราชการ โดยจะไม่มีการให้ลดโทษ และหากพบว่าผู้บังคับบัญชาปิดบังพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ใต้บังคับบัญชา ก็จะต้องได้รับโทษไปด้วย นอกจากนี้ ในกรณีความผิดทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ก็เป็นอีกเรื่องที่ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ต้องการให้วงการครูมีความโปร่งใส” นายประเสริฐกล่าว

เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวด้วยว่า จากที่รัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินนโยบายคุณธรรมนำความรู้ ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.จึงได้พยายามที่จะเสริมสร้างคุณธรรมให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับทางต้นสังกัด โดยในช่วงเดือนมกราคมนี้จะจัดอบรมการพัฒนาคุณภาพการบริหารการศึกษาตามระบบคุณธรรม ซึ่งจะมีผู้บริหารสถานศึกษาเข้าร่วม จำนวน 200 คน และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะอบรมผู้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและปฏิบัติงานด้านวินัย จำนวน 300 คน เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้ไปขยายผลต่อครูและบุคลากรในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ตระหนักถึงคุณธรรมและจริยธรรม นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เปิดหลักสูตรออนไลน์สำหรับผู้ที่มีความสนใจงานทางด้านวินัย สามารถเข้ามาค้นคว้าข้อมูลได้ที่ www.moe.go.th/webtcs

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.matichon.co.th/

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2292&Key=hotnews

โรงเรียนยะลายังปิด

3 มกราคม 2550

โรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัย จ.ยะลา กว่า 100 โรง ยังปิดการเรียนการสอน ขณะสมาพันธ์ครู เตรียมประชุมพิจารณาปิดโรงเรียนทั้งหมดหรือไม่ วันนี้

บรรยากาศทั่วไป ในพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งในวันนี้เป็นสัปดาห์แรกของการเปิดเรียนในพื้นที่ แต่เนื่องจากสถานการณ์เหตุการณ์ที่คนร้ายลอบยิงและเผาผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโด่ และ ครู ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิตทั้ง 2 คน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนทั่วไป และครูในพื้นที่มีความสะเทือนใจและเสียขวัญเป็นอย่างมาก และในวันนี้มีโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เขตการศึกษา พื้นที่เขต 1 ยะลา กว่า 100 โรง ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ยังคงปิดโรงเรียนอีกต่อไปตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ก็คงจะรอดูท่าทีของทางสมาพันธ์ครู จ.ยะลา ว่า จะไปในทิศทางใดจะปิดโรงเรียนทั้งหมดหรือไม่ ก็คงจะมีการประชุมพิจารณาของทางสมาพันธ์ในวันนี้ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: กรุงเทพฯ ไอ.เอ็น.เอ็น

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2288&Key=hotnews

เลขาฯ กกอ.คนใหม่

3 มกราคม 2550

คอลัมน์ เลาะเลียบคลองผดุง 
โดย ตุลย์ ณ ราชดำเนิน tulacom@gmail.comสวัสดีปีใหม่ 2550 ครับ ข้อเขียนชิ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2549 ผมปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อออกไปอย่างไม่น่าให้อภัยจากผู้อ่าน ด้วยข้อความเริ่มต้น
ก็ต้องถือเป็นบทเรียนสำคัญเป็นการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่เกิดจากความพลั้งเผลอของผมเอง แม้มีหลายท่านบอกในทำนองว่า สี่ตีนยังรู้พลาด แล้วเรามนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดาๆ จะไม่พลาดบ้างก็เกินไป

ในโอกาสนี้และคงเป็นโอกาสเดียวที่เหมาะเจาะแก่เวลาที่ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงเทศกาลส่งความสุขให้แก่กันและกัน ก็ขอถือโอกาสนี้ขอขอบคุณทุกคำอำนวยพรด้วยความรัก ความปรารถนาดี ความห่วงใย ที่ส่งมาถึงและขอให้พรนั้นจงได้สนองคืนกลับไปยังทุกท่านเป็นหลายทวีคูณเช่นกัน
เช่นเดียวกับของขวัญปีใหม่ที่น่าจะถูกใจชาวอุดมศึกษาทั้งประเทศ หลังจากร้องเพลงรอกันมานาน นั่นคือครม.มอบ ดร.กฤษณพงษ์ กีรติกร ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน ระดับ 10 (เชี่ยวชาญ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ซึ่งเป็นม.ของรัฐแห่งแรกออกนอกระบบราชการ มาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) คนใหม่
ความรู้ความสามารถของเลขาธิการกกอ.ท่านนี้ จบการศึกษาป.ตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จาก University of Glasgow สหราชอาณาจักร และป.เอกจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เคยเป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษาต่อเนื่องมา 10 กว่าปี ช่วยงานในหลายหน้าที่และเคยเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดทำแผนอุดมศึกษา 15 ปี

งานที่ทุกคนจับตาดูฝีมือใน 1 ปีที่เหลืออยู่ นั่นคือ การสร้างความเชื่อมั่นในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาใหม่และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือมหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการเข้าไปด้วย

ถ้าทำได้สำเร็จ ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่ถูกใจชาวบ้านก็แล้วกัน

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=2277&Key=hotnews

moe.go.th/moe/th/news/index.php?Key=hotnews

moe.go.th/moe/th/news/index.php?PageShow=628&Key=hotnews&NewsID=