เธอ(เคย)น่าเห็นอกเห็นใจ .. หัวหน้าเตือนสติว่า .. อย่าเกลียดชีวิตที่เหลืออยู่

เธอ(เคย)น่าเห็นอกเห็นใจ
เธอ(เคย)น่าเห็นอกเห็นใจ

ภาพตัวอย่างจาก http://xinshijiyuleceng.com/?p=26814

อ่านมาครับ
แล้วทำให้ผมคิดเห็นว่าผู้หญิงในเรื่อง .. เธอ (เคย) เป็นคนน่าเห็นอกเห็นใจ .. แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ
เพราะเธอแฮปปี้ล่ะ .. และคงไม่ทุกข์ระทมกับชีวิตที่เหลืออยู่
ผมพบเรื่องนี้ จากการที่หัวหน้าโพสต์ไว้ในไลน์ (line group)
.. เตือนสติว่าอย่าเกลียดสิ่งที่ต้องอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต
เกิดมาแล้ว แต่ยังพอที่จะเลือกได้ว่าจะเกลียดชีวิตที่เหลืออยู่ไปทั้งชีวิตหรือไม่

เนื้อหาที่ไปพบมามีดังนี้

เรื่องนี้เป็นส่วนนึงในหนังสือที่ได้อ่านเอง พออ่านแล้วประทับใจมาก
เลยอยากจะมาแชร์ให้ได้อ่านกันค่ะ อ่านจบแล้วมาคุยกันค่ะว่าได้อะไรบ้าง

ตัวอย่างนี้มาจากกูรูด้านความสำเร็จระดับปรมาจารย์ของโลกชื่อ “ซิก ซิกล่าร์”
เขาเล่าให้ฟังว่า .. หลังจากที่เขาจัดสัมมนา มีหญิงคนนึ่งมาหาเขา ดูหน้าแต่ไกลก็รู้ว่าเธอมีความโกรธขนาดหนัก
มี “รังสีอำมหิต” ส่งออกมาจากตัวเธอมากมาย
เธอต้องการให้เขาแก้ปัญหานี้ให้…

ซิกบอกว่า ให้เล่ามาคร่าวๆ มีเวลาให้สิบนาที หญิงคนนั้นเริ่มพรั่งพรูออกมา
บอกว่า
เธอเกลียดงานของตนเอง เจ้านายแย่ เพื่อนร่วมงานก็ไม่ดี ที่ทำงานไกลและอื่นๆอีกร้อยแปดพันประการ
ซิกปล่อยให้เธอพรรณนาไปได้ 5 นาที พอเธอพูดจบ
ซิกบอกว่า “ผมเสียใจกับคุณด้วยแต่ผมมีข่าวร้ายมาบอก ผมแน่ใจว่าที่ทำงานคุณก็กำลังจะ ไล่คุณออก ด้วย”

หญิงคนนั้นตาโต อ้าปากค้าง ใจหาย และเมื่อรวบรวมสติได้ ก็รีบถาม
“แล้วฉันจะทำอย่างไรดีคะ ที่จะไม่ถูกไล่ออก ช่วยแนะนำหน่อยเถอะค่ะ”

ซิก : งั้นคุณสัญญานะ ว่าจะทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง
หญิง : ค่ะ ค่ะ
ซิก : ขั้นแรก ให้คุณไปเอากระดาษกับปากกามา
หญิง : ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจำได้
ซิก : ตามประสบการณ์ผม คนที่ไม่ทำขึ้นแรก ก็ไม่มีทางทำขั้นที่สอง ถ้าคุณไม่อยากทำขั้นแรก ผมก็ขอตัวนะครับ
หญิงคนนั้นรีบไปเอากระดาษกับปากกามา
ซิก : ขั้นที่สอง เขียนทุกสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับที่ทำงานของคุณลงไป
หญิง : โอ๊ย เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่ชอบอะไรสักอย่างเลย
ซิก : แล้วเขาจ่ายเงินให้คุณหรือเปล่า
หญิง : จ่ายค่ะ
ซิก : แล้วคุณชอบหรือเปล่า
หญิง : ชอบสิคะ
ซิก : งั้นเขียนลงไป ข้อ 1 ฉันชอบที่ทำงานเพราะเขาจ่ายเงินให้ฉัน ต่อไป… เขาจ่ายประกันสังคมให้คุณหรือเปล่า
หญิง : จ่ายค่ะ
ซิก : เขียนต่อ ข้อ 2…

สรุปพอเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นลิสต์สิ่งที่เธอชอบเกี่ยวกับที่ทำงานได้ 22 สิ่ง
เช่น จ่ายเงินเดือนสูงกว่าตลาด มีโปรแกรมประกันสุขภาพให้พนักงานอย่างดี
เธอได้หยุดพักผ่อน 3 สัปดาห์ต่อปี โดยมีเงินเดือนให้ ฯลฯ

ซิกยังแนะให้ผู้หญิงคนนั้น เอาลิสต์นั้นอ่านออกเสียงทุกเช้า และก่อนนอน
โดยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ดี
“ฉันรักงานนี้ เพราะเขาจ่ายเงินให้”
“ฉันรักงานนี้เพราะ …” ฯลฯ

6 สัปดาห์ต่อมา ซิกเจอหญิงคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งคราวนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เธอรีบบอกซิกด้วยความตื่นเต้นว่า…
“ขอบคุณมาก ๆ เลย ชีวิตฉันดีขึ้นอย่างมาก
คุณจะไม่เชื่อฉันเลยว่า ทุกๆคนในที่ทำงานของฉันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน!”

(จริงๆแล้วสิ่งที่เปลี่ยนไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นทัศนคติของหญิงคนนี้เอง
ซึ่งก็เป็นผลให้คนที่ทำงานเปลี่ยนความสัมพันธ์กับเธอไปในทางที่ดีขึ้น)

ผมการันตีเลยว่า
ถ้าสถานการณ์ของเรา มี “สิ่งดี” 10 อย่าง “สิ่งดีน้อย” 90 อย่าง
แล้วคุณขอบคุณสิ่งดี 10 อย่างนั้นบ่อยๆ พูดถึงมันบ่อยๆ รู้สึกดีกับมัน
ในขณะเดียวกันอีก 90 อย่างที่ดีน้อยนั้น ถ้าเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็เปลี่ยนทัศนคติของเรากับมัน
สิ่งดีๆ จะมีแต่ไหลเข้ามาในชีวิตคุณ ไม่รู้จบ เพียงแค่คุณ “ขอบคุณ”

บทความส่วนหนึ่งจากหนังสือ “เชื่อมั่นในตน” โดย บัณฑิต อึ้งรังสี

อันดับการศึกษาโลก เกาหลีใต้มาเป็นอันดับ 1 เพราะติวหนักมากรึเปล่า

เกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 สอดคล้องกับข่าว
ชัยชนะของรร.กวดวิชา พันธนาการที่สะบัดไม่หลุดของเยาวชน

– เกาหลีใต้ ต้องประกาศบังคับใช้กฎเคอร์ฟิวแก่สถาบันกวดวิชา ไม่ให้เปิดเกินสี่ทุ่ม
– ยังมีโรงเรียนกวดวิชาที่ยังคงเปิดท้าทายกฎหมาย เปิดหลังเวลาเคอร์ฟิวโดยใช้วิธีการพรางตัว
– ปี 2010 พบว่ากว่า 74% ของนักเรียนเกาหลีทั้งหมด จะต้องเคยร่วมการกวดวิชาไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
– ที่เกาหลีเรียกการกวดวิชาว่า “การศึกษาเงา” (shadow education)
– นักเรียนแต่ละคนเสียค่าใช้จ่ายไปเฉลี่ยปีละ 2,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 78,000 บาท) เรียนกวดวิชา
– เรียนพิเศษกันอย่างหนัก ถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน
– จำนวนครูในโรงเรียนกวดวิชามีมากกว่าครูในโรงเรียนปกติ
– กรุงโซล นักเรียนที่พลาดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ใช้เวลาตลอดทั้งปี ในโรงเรียนกวดวิชา
– โรงเรียนกวดวิชาชั้นนำ สถาบันแดซุง จะรับนักเรียนโดยพิจารณาจากคะแนนทดสอบ
– ผู้เรียนที่สถาบันแดซุง กว่า 70% สามารถเข้าเรียนในสถาบันชั้นนำ 3 แห่งแรกได้
– มีคนชมความกระตือรือร้นของพ่อแม่ชาวเกาหลี ที่สนับสนุนการศึกษาของบุตรหลานอย่างเต็มกำลัง
– ในบทความเชิงข่าวบอกว่า
“ถ้าเด็กเกาหลีใต้ไม่ลุ่มหลงในการศึกษา อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงสู่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกเช่นทุกวันนี้
นับตั้งแต่ปี 1962  ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) พุ่งขึ้นมากถึง 40,000%
และทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 13″

ที่มา  http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1317200908&grpid=03&catid=&subcatid=

https://blog.eduzones.com/poonpreecha/101523 (ข่าวชัยชนะ)
https://blog.eduzones.com/kruton100/126852 (สถิติเกาหลีอันดับ 1)

สาขาวิชาที่เป็นความต้องการ

ความแตกต่างของ กยศ และกรอ
ความแตกต่างของ กยศ และกรอ

http://images.slideplayer.in.th/8/2048740/slides/slide_5.jpg

ในระดับประเทศ เขามีข้อมูลว่าสาขาวิชาไหนเรียนแล้ว
น่าจะมีตังไปใช้หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
มีให้เลือกเพียบเลย มีเยอะเป็นหางว่าว จำนวน 36 หน้า
พบเรื่องนี้จากการค้นคำว่า “สาขาวิชาที่เป็นความต้องการ”
สำหรับประกาศปีการศึกษา ๒๕๕๗
http://www.studentloan.or.th/kcfinder/upload/files/20140625151525_6E64BD05-D7F8-950F-EF77-F38A8C55D223.pdf

และพบว่า มีประกาศเรื่องคุณสมบัติ ของผู้ขอทุนกรอ.
ข้อ ๔ วงเล็บ ๒ ระบุว่าต้องเป็นสาขาวิชาที่อยู่ในประกาศแนบท้าย
http://www.studentloan.or.th/kcfinder/upload/files/20140625151009_9A89F51B-6E3D-6219-0D79-4C5871566548.pdf
พบเรื่องนี้จากการค้นคำว่า “สาขาวิชาขาดแคลน กรอ.”

7 โรงเรียนกวดวิชา ที่เด็กไทยให้การยอมรับ

ปัญหาครู ปัญหาเด็ก ปัญหาโรงเรียน ปัญหาระบบ หรือปัญหางบประมาณ
ซึ่งปัญหาเหล่านั้น ในมุมมองของโรงเรียนกวดวิชา อาจมองวิกฤตเป็นโอกาส
ส่วนนักเรียนที่เข้าโรงเรียนกวดวิชาที่มีสาขากว่า 194 สาขานั้นของ 7 โรงเรียน
ก็อาจมองข้ามปัญหา แล้วตั้งใจเรียนพิเศษนอกเวลาเรียนปกติกับโรงเรียนกวดวิชา
เพื่อให้ได้สิทธิเข้าไปนั่งเรียนในคณะที่ชอบ มหาวิทยาลัยที่ใช่

ข้อมูลจาก manager.co.th โดย Life on Campus
บทความเมื่อ 17 ตุลาคม 2557

1. โรงเรียนกวดวิชา Enconcept E-Acadamy โดย ครูพี่แนน
เปิดสอนมา 19 ปี มี 33 สาขาทั่วประเทศไทย
จากสถิติการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียน ที่โรงเรียนเผยแพร่ พบว่า
– คณะทันตะฯ ศิริราช 65 %
– คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ 52 %
– คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ 58.16 %
– คณะวิศวะกรรมศาสตร์ จุฬาฯ 51.33 %
– คณะเภสัชฯ ม.เชียงใหม่ 62.64 %
– คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ 49.47 %
– คณะทันตะฯ ม.ขอนแก่น 65 %
2. โรงเรียนกวดวิชาครูสมศรี
มี 20 สาขาทั่วประเทศไทย
3. โรงเรียนกวดวิชา Davance โดย อาจารย์ ปิง เจริญศิริวัฒน์
มี 34 สาขาทั่วประเทศไทย
4. สถาบันพีนาเคิล หรือโรงเรียนกวดวิชาครูลิลลี่
มี 21 สาขาทั่วประเทศ
5. โรงเรียนกวดวิชาเดอะเบรน โดย อ.มนตรี นิรมิตศิริพงศ์ หรือพี่ช้าง
มี 31 สาขา
6. โรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์ หรือ เคมี อาจารย์อุ๊ โดย อ.อุไรวรรณ ศิวะกุล
มี 28 สาขา
7. โรงเรียนกวดวิชา Applied Physics โดย อ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์
มี 27 สาขา

หากรวมสาขาของโรงเรียนกวดวิชาทั้ง 7 แห่งก็จะมีถึง 194 สาขา
หรือจังหวัดละเกือบ 3 สาขาทีเดียว
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000119901

ห้ัามเปิดสอนเกิน 4 ทุ่ม
ห้ัามเปิดสอนเกิน 4 ทุ่ม

เกาหลีใต้: ความปราชัยของการศึกษา
ชัยชนะของรร.กวดวิชา พันธนาการที่สะบัดไม่หลุดของเยาวชน

http://campus.sanook.com/1127538/

สอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนกวดวิชา
สอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนกวดวิชา

การเรียนการสอน และผลงานนักศึกษา ที่ Central Plaza Lampang

กิจกรรม World of professional education 4 – 5 เมษายน 2558
ณ สวนกุ๊กไก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง

นักเรียน เล่าเรื่องผลงาน
นักเรียน เล่าเรื่องผลงาน

วันนี้ (4 เม.ย.58) เห็นพิธีกรสาวกำลังสัมภาษณ์นักศึกษาดาวเด่น ว่าที่ผ่านมา มีการเรียนการสอนอย่างไร และ มีผลงานอะไรที่โดดเด่น มีการเรียนการสอนที่ทันสมัย ปฏิบัติจริง มีผลงานจริงมาเล่าสู่กันฟัง ก่อนจะเป็นเวทีของพิธีกรสาวที่พูดถึงคุย กับนักศึกษาของวิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง (LIT) และ นักเรียนโรงเรียนลำปางพาณิชยการและเทคโนโลยี (LCCT) ก็มีน้องหนูตัวเล็ก ๆ กับคุณครูชาวต่างชาติมาพูดคุย สนุกสนานน่ารัก เกี่ยวกับการสอนยุคใหม่ของ Cranberry International School

มีชาวลำปางมุงดูกันเพียบ เพราะน่ารักน่าเอ็นดูเด็ก ๆ จาก Cranberry มองจากชั้น 3 ทำให้เห็นการจัดเวทีอย่างเป็นระเบียบ สวยงามด้านขวาเป็นจุดรับสมัคร พูดคุย และนั่งเล่นของ Cranberry ส่วนด้านซ้ายเป็นโต๊ะรับสมัครของ LIT กับ LCCT หน้าเวทีตรงกลางก็มีม้านั่งให้ผู้สนใจได้ชมกิจกรรมบนเวที

ปล. พิธีกรสาวในภาพ เป็นลูกศิษย์ของผมที่ ม.เนชั่น

SANY6321

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1630670880485652.1073741889.1399580723594670
http://www.lit.ac.th
lcct.ac.th
cranberryinternational.com

รายการ Weekly C3 . เผยเคล็ดลับ ได้ o-net เต็ม 100 3 วิชา จากหลาย ๆ คน

o-net ใช้วัดว่าเรียนได้ O หรือไม่ O

มาดูเคล็ดลับของเด็กที่ได้ 100 เต็ม 3 วิชา .. เรียนกันอย่างไร
ใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการเรียนการสอน
เช่น การเข้าไปใน true ปลูกปัญญา ดูวีดีโอ หรือคลังข้อสอบ
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็ใช้ google แปลภาษา
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายกฯ หนุนให้ใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน
เมื่อศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2558
http://thainame.net/edu/?p=3911

คลิ๊ปสัมภาษณ์นักเรียนเต็มร้อย 3 วิชา



เว็บ True ปลูกปัญญา
http://www.trueplookpanya.com/examination

trueplookpanya ทรูปลูกปัญญา
trueplookpanya ทรูปลูกปัญญา

รายการคืนความสุข ท่านนายกพูดถึง ภารกิจหลักด้านการศึกษา และการใช้ไอที

รายการคืนความสุข วันที่ 27 มีนาคม 2558
เล่าถึงนโยบายทางการศึกษาในนาทีที่ 2.10 super board ด้านการศึกษา
มุ่งเน้น 3 ภารกิจหลัก

1. การดำเนินงานตามภารกิจประจำ
(routine work)
2. การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
(Implementation of government policies)
3. การดำเนินงานสำหรับการวางรากฐานเพื่อส่งไปยังรัฐบาลในอนาคต
(Work related to laying down the foundation for future governments)

ทั้งนี้
จะดำเนินการทั้งด้านการจัดการศึกษา
การปรับหลักสูตร การพัฒนาคุณภาพครูและผู้เรียน
การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา การใช้จ่ายงบประมาณ และการกระจายอำนาจ
เน้นให้มีทั้งนักวิชาการ และนักปฏิบัติ โดยจะพิจารณาการดำเนินงาน
จากต่างประเทศมาปรับใช้ตามความเหมาะสม

แล้วนาทีที่ 4.45
ที่เห็นเป็นประโยชน์ คือ การสอนทาง social media หรือระบบดิจิทอล
ต้องสอนให้รู้ว่าเราจะใช้ประโยชน์อย่างไร
ถ้าใช้ผิด แล้วไปคาดหวังจากระบบอย่างเดียว ก็คงไม่ได้
https://www.youtube.com/watch?v=2A5fPtiJ-Qw

การตั้งคำถามก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน

การตั้งคำถามก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน
เมื่อมองจาก ภาพปัญหา กับ เจตนาของคำถาม มี 4 แบบ

1. Wide + Affirm what we know = Adjoining
ปัญหากว้าง และยืนยันสิ่งที่เรารู้ = เพื่อให้ความรู้กระชับ
ต.ย.คำถาม ภาษาคอมพิวเตอร์ ใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนใช่ไหม
2. Wide + Discover something new = Elevating
ปัญหากว้าง และได้เรื่องใหม่ = เพื่อยกระดับความรู้
ต.ย.คำถาม ภาษาคอมพิวเตอร์ ที่กำลังเป็นที่นิยม คือ ภาษาอะไร จะได้ไปศึกษา
3. Narrow + Affirm what we know = Clarifying
ปัญหาแคบ และยืนยันสิ่งที่เรารู้ = เพื่อให้ความรู้กระจ่างชัดขึ้น
ต.ย.คำถาม ภาษา Python กำลังมาแรง ปีนี้จะขึ้นมา ด้วยสัดส่วนผู้ใช้เท่าใด
4. Narrow + Discover something new = Funneling
ปัญหาแคบ และได้เรื่องใหม่ = เพื่อให้มีความรู้ลึกขึ้น
ต.ย.คำถาม ถ้า download ภาษา Python รุ่นใหม่ จะมีฟังก์ชั่นใหม่อะไร มาให้ใช้บ้าง
https://hbr.org/2015/03/relearning-the-art-of-asking-questions
ปล. ดร.ทันฯ อ่าน hbr.org แล้วแชร์มาครับ

ทฤษฎีสมองสามส่วน ถูกใช้อธิบายพฤติกรรม และความคาดหวังที่แตกต่างกันได้

เห็นพฤติกรรมของมนุษย์ และการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว
ทำให้นึกถึงว่า มนุษย์ใช้สมองแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน
บางคนก็ใช้ก้านสมองคิด แต่บางคนแสดงความคาดหวังด้วยสมองส่วนหน้า
ย่อมคิดเห็นแตกต่างกัน .. อย่างแน่นอน

สมองสามส่วน (Triune brain) คือ โมเดลวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และพฤติกรรม นำเสนอโดย พอล แมคลีน (Dr.Paul MacLean) นายแพทย์และนักวิชาการด้านจิตเวช ใช้อธิบายวิวัฒนาการด้านการเจริญเติบโตของมนุษย์ และพัฒนาการที่เป็นไปตามวัย ว่าเด็กก็จะใช้สมองส่วนในตามสัญชาตญาณ โตขึ้นหน่อยก็ใช้สองส่วนกลางมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ก็จะใช้สมองส่วนหน้าที่คิด วิเคราะห์ แยกแยะมากขึ้น

http://en.wikipedia.org/wiki/Triune_brain

เครือข่ายสมอง (Brain Networks) แบ่งหน้าที่ได้ 3 ส่วน
1.  เรปทิเลียนเบรน (Reptilian Brain) : Instinctive Mind
เป็นส่วนสมองของสัตว์เลื้อยคลาน
Non-concious, geared for survival and regulating major body processes
พฤติกรรมที่ไม่ใช้สติ ไม่มีความรู้ตัว ทำโดยสัญชาตญาณ มุ่งเอาตัวรอด ควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น ดื่มน้ำเพราะกระหาย
2. ลิมบิกเบรน (Limbic Brain) หรือ โอลด์แมมมาเลียนเบรน (Old Mammalian brain) : Emotional Mind
เป็นส่วนสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคเก่า
Emotional command centre, running all basic social interactions, part conscious
ศูนย์ความคุมอารมณ์ มีส่วนร่วมกับสังคม เป็นส่วนที่ใช้สติ มีความรู้ตัว
3. คอร์เทกซ์ใหม่ (Neocortex Brain) : Analytical Mind
เป็นส่วนสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
Higher functions, analytical thinking, decision making (especially at the front)
ทำหน้าที่สูงขึ้น คิดวิเคราะห์ มีกระบวนการตัดสินใจ เป็นสมองส่วนหน้า
โดย  เจมส์ พาร์สันส์ (James Parsons)

! http://www.iedp.com/Blog/Brain_Networks_Effective_Leadership

ทฤษฎีสมองสามส่วน (Triune brain theory)
It is for example meaningful for many people to distinguish between “head, heart and hands” or “thinking, feeling and gut instinct”
1. The Brain Stem (Reptilian Brain)
The oldest and most critical part of the brain for survival is the basal ganglia – sometimes called the reptilian brain as birds and other non mammals also primarily driven by this structure.
2. The Limbic System( Midbrain)
We share this part of the brain with cats and dogs which is why they make such good pets.
3. The New Brain
The neocortex, found only in certain “higher” mammals is associated with functions such as language, abstraction, planning and logical thought.
โดย มาร์ค เวลช์ (Mark Walsh, lead trainer at Integration Training)

! http://integrationtraining.co.uk/blog/2010/10/brains-of-training-triune-brain-theory.html

จุดเปลี่ยนการศึกษาไทยครั้งสำคัญ อีกครั้ง

อยากเรียนต้องได้เรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ได้เรียน
อยากเรียนต้องได้เรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ได้เรียน

อันที่จริงก็คงมีจุดเปลี่ยนทางการศึกษาในหลาย ๆ ครั้ง
แต่ครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และไม่เคยเปลี่ยนแบบนี้มาก่อน
ถ้า กยศ. ไม่อนุโลมกู้ยืมต้อง 2.00 จริง ๆ นะครับ
ที่ผ่านมาหลายสิบปี ในระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา
มีข้อมูลที่ทราบกันดี ดังนี้
1. การจบปริญญาตรี มีเกณฑ์ขั้นต่ำ คือ ต้องเกรดเฉลี่ยสะสม 2.00 จึงจะขอจบได้
2. จากนักเรียนมาเป็นนักศึกษา ทำให้นักศึกษาจำนวนมากปรับตัวไม่ทันในชั้นปีที่ 1
ทำให้มีเกรดเฉลี่ยสะสมในปีที่ 1 ต่ำกว่าชั้นปีอื่น
และเมื่อเลื่อนชั้นปีก็จะปรับตัวจนกระทั่งได้เกรดดีขึ้น

http://www.komchadluek.net/detail/20150312/202882.html

จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ
1. ผู้กู้ยืม กยศ. ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00
เริ่มใช้เกณฑ์ในปีการศึกษา 2558
ซึ่งเชื่อว่ามีผลให้นักศึกษาที่ปรับตัวในระดับอุดมศึกษาไม่ทัน หมดสิทธิกู้ยืม
2. มีความเชื่อว่า ถ้าใช้เกณฑ์นี้จริง สถาบันการศึกษาจะมีมาตรการในหลายรูปแบบ
ช่วยเหลือไม่ให้นักศึกษาในสถาบันหมดสิทธิกู้ยืมต่อเนื่อง
ซึ่งบางรูปแบบอาจไปลดทอนคุณภาพการศึกษาก็ได้

หลักเกณฑ์การคัดกรองและแนวปฏิบัติในการคัดกรองสถานศึกษาและผู้กู้ยืม
ปีการศึกษา 2558

http://www.studentloan.or.th/detail.php?ctid=643

หากทำความเข้าใจที่มาที่ไป พบว่าจากความเชื่อที่ว่า
เด็กที่ไม่ถึง 2.00 แสดงว่าไม่ตั้งใจเรียน ไม่มีวินัย และความรับผิดชอบ
เมื่อเกรดต่ำ จบออกไปก็มักไม่ถูกคัดเลือกเข้าทำงาน
เมื่อไม่มีงาน ก็ไม่มีเงินมาชำระหนี้ กยศ.
เมื่อไม่มาชำระหนี้ กยศ.ก็ไม่มีเงินปล่อยกู้ให้รุ่นน้อง
เมื่อรุ่นน้องที่อยากเรียน กยศ.ไม่มีตัง เขาก็ไม่ได้เรียน

ดังนั้น นักศึกษาที่กู้ยืม กยศ. และกำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ของปี 2557
จะต้องมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจเรียนให้เต็มที่มากกว่าครั้งใด ๆ
มิเช่นนั้น ก็อาจจะไม่ได้กู้ยืม กยศ. และเป็นผลให้ไม่มีตังที่เคยได้จากการกู้ยืม
เข้ามาจุนเจือทางการศึกษา สำหรับการศึกษาในปีการศึกษา 2558
ซึ่งหลายคนก็อาจต้องหยุดเรียน หรือ drop เรียนไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับท่านใดที่เขียนอาชีพใน facebook.com ว่า
พ่อแม่จ้างมาเรียน ก็คงไม่ได้รับผลกระทบ
แต่คนที่เขากู้ยืมเงินจาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
http://www.studentloan.or.th/index.php
จะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ แบบเปลี่ยนชีวิตกันเลยทีเดียว