นายธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.ได้หารือร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อขอให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเด็กนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินกยศ.ก่อนถูกดำเนินคดี เพราะในปี 2551 นี้ กยศ. อาจต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับเด็กนักเรียนนักศึกษาประมาณ 90,000 ราย เนื่องจากมีหนี้ค้างชำระ กยศ.เกิน 4 งวดขึ้นไป โดยเป็นหนี้ที่กำหนดชำระหนี้ในรุ่นปี 42-46
http://news.sanook.com/economic/economic_228616.php
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=1374
http://www.studentloan.or.th/audit/forum/viewthread.php?forum_id=1&thread_id=4353
ทั้งนี้ กยศ.ได้ขอให้ศาลยุติธรรมทำการไกล่เกลี่ยกับผู้ถูกฟ้อง โดยนัดเจรจากับผู้กู้ยืมที่ยังค้างชำระหนี้ เพื่อให้มาผ่อนชำระหนี้คืน กยศ.ใน 2 กรณี คือทำคำรับรองขอชำระหนี้ที่ค้างชำระและทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล หากไม่ดำเนินการก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งกยศ.ได้จัดโครงการไกล่เกลี่ยฯ ขึ้น ใน 9 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ศรีสะเกษ, บุรีรัมย์, ร้อย เอ็ด, ขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และสงขลา ขึ้นในวันที่ 8 ม.ค.-8 มี.ค.51 นี้
นายธาดา กล่าวว่า การฟ้องร้องเด็กนักเรียนนักศึกษาครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า กยศ.จะเอาผิดกับผู้กู้ยืมเงินแต่อย่างใด แต่เป็นสัญญาที่กยศ.ต้องดำเนินการ เพราะถือว่าเด็กนักเรียนผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกับผู้กู้เงินจากสถาบันการเงินทั่วไป เพราะหากไม่กู้ยืม กยศ.ก็จะมีความผิดตามระเบียบเช่นกัน และการเปิดโครงการไกล่เกลี่ยครั้งนี้จะทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษามีโอกาสมาติดต่อเพื่อชำระหนี้ที่ค้างอยู่ รวมทั้งช่วยลดปริมาณคดีที่จะฟ้องคดีในศาลและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน ที่สำคัญยังช่วยเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ กยศ. และสร้างจิตสำนึกในการชำระหนี้ ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ
“กยศ.ต้องการให้เด็กนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินมาร่วมโครงการทุกรายเพราะจะได้ไม่ถูกดำเนินคดี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ค่าธรรมเนียมศาลหรือค่าทนายความ ที่สำคัญผู้กู้ยืมเงินจะได้รับโอกาสมากขึ้นในการผ่อนผันการชำระหนี้ และเมื่อไกล่ เกลี่ยข้อพิพาทเสร็จแล้วยังทราบผลทันที โดยไม่ต้องเสียเวลามาศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดี รวมทั้งยังมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหาวิธีชำระหนี้ที่เหมาะสมกับตัวเองอีกด้วย”
นอกจากนี้ กยศ.ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและการอบรมเกี่ยวกับการนำระบบอี-สติวเด้นท์โลน หรือการกู้ยืมเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มาใช้ในการกู้ยืมเงินตั้งแต่ปีการศึกษา 2551 เป็นต้นไป โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-31 ม.ค.2551 นี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสถานศึกษา นักเรียนนักศึกษาที่จะขอกู้ยืมเงินจาก กยศ.ให้มีความเข้าใจที่ตรงกันและทำให้ได้รับเงินที่กู้ยืมรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย
นายธาดา กล่าวว่า ในปีการศึกษา 50 ต้องยอมรับว่าผู้กู้ยืมเงินจาก กยศ.อาจได้รับเงินล่าช้า เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่กยศ.ได้พยายามหาแนวทางเพื่อให้เด็กนักเรียนนักศึกษาได้รับเงินโดยเร็วที่สุดแล้ว จนล่าสุดธนาคารกรุงไทยได้โอนเงินให้สถานศึกษากว่า 90% แล้ว โดยยืนยันว่าในปีการศึกษาหน้าเป็นต้นไป เมื่อนำระบบอี-สติวเด้นท์โลนเข้ามาใช้แล้วปัญหาทุกอย่างจะหมดไปแน่นอน
ก่อนหน้านีนายธาดา ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่ได้รับเงินกู้จากสถานศึกษา โดยขอให้สำรวจรายชื่อจากสถานศึกษาให้ชัดเจนก่อนว่าได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลที่ได้รับเงินกู้หรือไม่จากนั้นจึงตรวจสอบไปที่ธนาคารกรุงไทยว่ามีการโอนเงินแล้วหรือไม่ หากมีปัญหาจริง ๆ ก็ขอให้ติดต่อมาที่สำนักงานของ กยศ.ได้
ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทย ได้โอนเงินให้จนเกือบครบตามสัญญาที่สถานศึกษาส่งมาให้แล้ว แต่ก็พบว่ายังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้รับเงินกู้จาก กยศ.เพราะมีปัญหาเรื่องการขอโควตาเกินงบประมาณที่ กยศ.จัดให้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน.