‘ศศิธารา’ชี้แห่ดร็อปเรียน’ม.2-3′ ป.1-6 อยากกู้กองทุน’กยศ.-กรอ.’

27 มีนาคม 2556

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาการศึกษา (สกศ.) กำลังสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับด้านการศึกษา โดยสำรวจ 1% ของประชากรแต่ละกลุ่ม เพื่อนำการสำรวจมาใช้ในการพัฒนาการศึกษาของเด็กไทย เพราะที่ผ่านมาพบว่าข้อมูลหลายๆ อย่างที่มีหน่วยงานอื่นๆ สำรวจไว้ ไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าที่ควร ซึ่งขณะนี้สำรวจไปได้มากกว่า 52% คาดว่าในเดือนเมษายนนี้ จะได้ผลสำรวจ 100% โดยหัวข้อที่สำรวจมีหลายเรื่อง เช่น การสำรวจการอ่านออก เขียนได้ของคนไทย ว่าคนไทยอ่านออก เขียนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะพบว่าการสำรวจในเรื่องนี้ หากผู้ตอบรู้ว่าพยัญชนะตัวนี้คือตัวอะไร แสดงว่าอ่านออก และหากเขียนชื่อของตัวเองได้ ก็แสดงว่าเขียนได้ ทำให้ได้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือการสำรวจเกี่ยวกับการอ่านหนังสือของคนไทย ที่ สกศ.มีความพยายามที่จะส่งเสริมให้คนไทยอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มค่าเฉลี่ยในการอ่านหนังสือของคนไทยเป็น 6 เล่มต่อปี จากเดิม 7 บรรทัดต่อปี หรือการประเมินการใช้ภาษาอังกฤษของเด็ก ครู และผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ พบว่าอยู่ในระดับปานกลาง

“นอกจากนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับปีที่อยู่ในระบบการศึกษา ส่วนใหญ่คิดว่ากฎหมายกำหนดให้อยู่ในระบบการศึกษาเพียง 9 ปี ฉะนั้น จะทำอย่างไรเพื่อให้เด็กไทยได้เรียนในระบบอย่างน้อย 12 ปี เพราะจากการสำรวจเกี่ยวกับการดร็อปเรียนของนักเรียน จะพบว่านักเรียนดร็อปเรียนในช่วงชั้น ม.1-ม.3 จำนวนมาก แสดงว่าพ่อแม่ส่วนหนึ่งเข้าใจว่าถ้าเรียนไม่จบ ป.6 จะต้องติดคุก จึงพยายามให้ลูกเรียนจนจบ ป.6 และเรียนต่อ ม.1 แต่ไปหยุดเรียนช่วง ม.2-ม.3 ผลสำรวจเบื่องต้นยังระบุด้วยสาเหตุที่ดร็อปเรียนของนักเรียนในภาคอีสาน เพราะอพยพย้ายถิ่นฐานตามพ่อแม่ ส่วนภาคใต้บอกว่ามีปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นเพราะไม่มีเงินเรียน” น.ส.ศศิธารากล่าว

น.ส.ศศิธารากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการสำรวจเกี่ยวกับการใช้แท็บเล็ตในการจัดการเรียนการสอน พบว่ามีประโยชน์กับครูมาก เพราะครูสามารถใช้จัดแผนการเรียนการสอน และใช้ค้นคว้าหาองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อมาสอนนักเรียนได้ง่ายขึ้น โดยใช้เวลาน้อยลง ในขณะที่นักเรียนได้ประโยชน์จากแท็บเล็ตน้อยกว่า ส่วนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) นั้น ได้รับความพึงพอใจจากนักเรียน และนักศึกษา แต่ที่แปลกคือนักเรียนชั้น ป.1-ป.6 อยากได้เงินกู้ กยศ.และ กรอ.ด้วย ทั้งที่จัดอยู่ในการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับการเงินอุดหนุนรายหัวจากรัฐบาล และอยู่ในโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32264&Key=hotnews

คลอดผอ.สช. 5 จว.ใต้

27 มีนาคม 2556

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้สรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด และสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอ ประเภทกลุ่มทั่วไป และประเภทกลุ่มประสบการณ์ ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้ผลดังนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชน (ผอ.สช.) จังหวัด กลุ่มทั่วไป ได้แก่ นายสมคิด เจ้ยชุม นายพิเชษฐ์ เจ้ยทองศรี กลุ่มประสบการณ์ ได้แก่ นายวีรพัฒน์ แจ้งศิริ นายดาลัน นุงอาลี นายทรงพล ขวัญชื่น ตำแหน่งรอง ผอ.สช.จังหวัด กลุ่มทั่วไป มีผู้ผ่านเกณฑ์ 1 ราย ได้แก่ นายวิทยาศิลป์ สะอา กลุ่มประสบการณ์ มีผู้ผ่านเกณฑ์ 2 ราย ได้แก่ นายนรินทร์ นิมอ และนายพันเทพ สุวรรณขันธ์ ตำแหน่ง ผอ.สช.อำเภอ กลุ่มทั่วไป ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ กลุ่มประสบการณ์ มีผู้ผ่านเกณฑ์ 8 ราย ได้แก่ นายอับดุลฟัตต๊ะห์ ดอมอลอ นางวรรณา บินอาสัน นายผะกรุรสี อาแว นายอะเดช มุทะจันทร์ นายมาหะมัดยูรี โตะสะ นางวรรรัตธิญา บินมะ นายสรสรรค์ ดุลมนัส และนางแวเสาะ แตมามุ รวมทั้งสิ้นจำนวน 16 ราย โดยบัญชีผู้ผ่านการสรรหามีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันประกาศขึ้นบัญชี

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32263&Key=hotnews

 

 

‘ชินภัทร’เตรียมหารือมหา’ลัยเลื่อนรับตรงหลังสอบ O-NET

27 มีนาคม 2556

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลคะแนนการทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้น ม.6 ปีการศึกษา 2555 โดยได้พิจารณาคะแนนสูงต่ำของการสอบทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชา ซึ่งมีข้อสังเกตในส่วนของคะแนนที่เป็น “0”เพราะมองว่าการสอบปรนัยนั้นโอกาสได้คะแนนเป็น “0” มีน้อยมาก แต่ก็ยังพบนักเรียนได้ “0” คะแนนเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยเกี่ยวเนื่องหรือแรงจูงใจในการทำข้อสอบ O-NET ที่มาจากเงื่อนไขการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับตรงของมหาวิทยาลัย เพราะทำให้เด็กจำนวนหนึ่งที่ผ่านระบบการรับตรงแล้ว ไม่สนใจการสอบ O-NET ซึ่งประเด็นนี้สพฐ.จะประสานกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า จากการระดมความคิดเห็นเรื่องการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษานั้น มีข้อเสนอว่า การสอบO-NET จะมีความศักดิ์สิทธิ์ และนักเรียนตั้งใจทำข้อสอบมากขึ้น ควรปรับระยะเวลาการคัดเลือกนักศึกษาด้วยระบบรับตรงไม่ควรเกิดขึ้นก่อนการสอบ O-NET ซึ่งจะส่งผลให้เด็กได้อยู่ในเงื่อนไขตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มที่ เพราะประเทศไทยได้ลงทุนกับการจัดสอบ O-NET เพื่อจะได้มีระบบการตรวจสอบคุณภาพผลการเรียน จึงอยากให้การสอบได้มีพัฒนาการโดยจะต้องตัดปัจจัยแทรกซ้อน ในเรื่องแรงจูงใจการทำข้อสอบไม่ให้มีผลกระทบต่อคะแนนที่ออกมา

“ผมจะหารือนอกรอบกับ ทปอ.ก่อนเพราะจะได้รับฟังข้อมูลถึงความเป็นไปได้ดีกว่าการเสนอความเห็นแบบเป็นทางการส่วนเรื่องจะเริ่มได้เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับ ทปอ.ว่าจะมีความเห็นอย่างไร เพราะ สพฐ. ไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพียงแต่ยกข้อมูลขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงปัญหาเท่านั้นหากการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอุดมศึกษาร่วมมือกันได้ก็จะเป็นเรื่องดี” นายชินภัทร กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32261&Key=hotnews

คอลัมน์: กศน.เพื่อนเรียนรู้: การศึกษากึ่งโฮมสคูลเพื่อคนพิการ

27 มีนาคม 2556

“…งานช่วยเหลือคนพิการนี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะว่าผู้พิการไม่ได้อยากจะเป็นผู้พิการ และอยากช่วยเหลือตนเอง ถ้าเราไม่ช่วยเขาให้สามารถที่ปฏิบัติงานอะไรเพื่อชีวิตและเศรษฐกิจของครอบครัวจะทำให้เกิดสิ่งที่หนักในครอบครัว หนักแก่ส่วนรวม ฉะนั้นนโยบายที่จะทำก็คือช่วยเขาให้ช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อจะทำให้เขาสามารถเป็นประโยชน์ต่อสังคม…”

พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2517

จากพระราชดำรัสข้างต้นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ (ศกพ.)สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) ได้นำมาปรับเป็นนโยบายการจัดการศึกษาแก่พิการ ในรูปแบบกึ่งโฮมสคูล จัดนำร่องใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ
“ประยุทธ หลักคำ” ผู้อำนวยการ ศกพ.กล่าวว่า กศน.ได้รับงบประมาณสนับสนุน จากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาแก่คนพิการจำนวน 6.85 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนาครูผู้สอนคนพิการ ให้มีความรู้เรื่องรูปแบบและแนวทางการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่คนพิการ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนั้น ขณะนี้ศกพ.ได้จัดทำหลักสูตรการพัฒนาความพร้อมของครูผู้สอนคนพิการ ตามโครงการจัดการศึกษากึ่งโฮมสคูลเพื่อคนพิการใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะนำร่องการใช้หลักสูตรใน 6 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา พัทลุง น่านสุพรรณบุรี และฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะสรุปรูปแบบการพัฒนาและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ดำเนินงานนำร่อง 25 จังหวัดต่อไป

“ปัจจุบันมีคนพิการลงทะเบียนเรียนการศึกษาพื้นฐานกับกศน. จำนวน 13,968 คน ใน 63 จังหวัด โดยมีครูผู้สอนคนพิการทั้งสิ้น 926 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ดูแลหรือผู้เกี่ยวข้องกับคนพิการอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่จะทำให้คนพิการสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาครูผู้สอนคนพิการและผู้ดูแลเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้จบหรือมีวุฒิด้านการศึกษาพิเศษโดยตรงจึงจำเป็นที่ กศน.ต้องมีการจัดโครงการพัฒนาความพร้อมให้แก่ครูผู้สอนคนพิการและผู้ดูแล เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่คนพิการได้เต็มศักยภาพ เพื่อให้คนพิการสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข”ผอ.ประยุทธ กล่าวสำหรับพื้นที่ดำเนินการนำร่อง 25 จังหวัด ประกอบด้วย ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี สกลนคร บุรีรัมย์ นครราชสีมาอุดรธานี บึงกาฬ หนองบัวลำภู นครพนม ยโสธร สงขลาพัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง ปัตตานี ลำปางพะเยา น่าน สุพรรณบุรี อ่างทอง ชัยนาท กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทราและสระแก้ว

ภาพเล่าเรื่อง…เมื่อเร็วๆ นี้”เสมา1” พงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมนิทรรศการ กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคกลาง ที่สำนักงาน กศน.จังหวัดสมุทรสาคร

ฮอตสุดๆ หลักสูตรภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร 300 ชั่วโมงที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดเปิดสอน ล่าสุด”ประเสริฐ บุญเรือง”เลขาธิการ กศน. นำสื่อมวลชนลงไปตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนฯ ที่ว่านี้ของ กศน.อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง…พบว่ามีผู้สนใจเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก จนขยายห้องเรียนเป็น 2 ห้อง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน  คาดว่าปี 2558 ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสง่าผ่าเผย

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32262&Key=hotnews

สทศ.เปิดสถิติไอเน็ต-โอเน็ตม.6

27 มีนาคม 2556

รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตามที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้จัดทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ด้านอิสลามศึกษา หรือไอเน็ต ระดับตอนต้น ตอนกลาง และตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2555 เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2556 ขณะนี้ สทศ.ได้ประกาศผลสอบไอเน็ต ทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th แล้ว

สอบ
สอบ

โดยผลวิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐานของคะแนนไอเน็ต มีดังนี้

ระดับตอนต้น อัลกุรอาน-อัลตัฟซีร มีผู้เข้าสอบ 27,633 คน ค่าเฉลี่ย 43.20 สูงสุด 96.00 ต่ำสุด 0.00 อัลหะดิษ เข้าสอบ 27,629 คน ค่าเฉลี่ย 43.28 สูงสุด 96.00 ต่ำสุด 0.00 อัลอากีดะฮฺ เข้าสอบ 27,605 คน ค่าเฉลี่ย 42.00 สูงสุด 96.00 ต่ำสุด 0.00 อัลฟิกฮฺ เข้าสอบ 27,424 คน ค่าเฉลี่ย 40.97 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 0.00 อัตตารีค เข้าสอบ 27,542 คน ค่าเฉลี่ย 45.67 สูงสุด 92.50 ต่ำสุด 2.50 อัลอัคลาก เข้าสอบ 27,542 คน ค่าเฉลี่ย 47.80 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 0.00 ภาษามลายู เข้าสอบ 27,460 คน ค่าเฉลี่ย 45.47 สูงสุด 96.67 ต่ำสุด 0.00 ภาษาอาหรับ เข้าสอบ 27,619 คน ค่าเฉลี่ย 36.51 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 0.00

ผอ.สทศ. กล่าวต่อไปว่า   ส่วนระดับตอนกลาง อัลกุรอาน-อัลตัฟซีร เข้าสอบ 16,887 คน ค่าเฉลี่ย 40.49 สูงสุด 85.00 ต่ำสุด 2.50 อัลหะดิษ เข้าสอบ 16,880 คน ค่าเฉลี่ย 52.55 สูงสุด 95.00 ต่ำสุด 0.00 อัลอากีดะฮฺ เข้าสอบ 16,813 คน ค่าเฉลี่ย 48.77 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 7.50 อัลฟิกฮฺ เข้าสอบ 16,813 คน ค่าเฉลี่ย 39.77 สูงสุด 90.00 ต่ำสุด 5.00 อัตตารีค เข้าสอบ 16,786 คน ค่าเฉลี่ย 40.24 สูงสุด 77.50 ต่ำสุด 2.50 อัลอัคลาก เข้าสอบ 16,785 คน ค่าเฉลี่ย 59.11 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 2.50 ภาษามลายู เข้าสอบ 16,241 คน ค่าเฉลี่ย 41.17 สูงสุด 96.67 ต่ำสุด 0.00 ภาษาอาหรับ เข้าสอบ 16,922 คน ค่าเฉลี่ย 39.75 สูงสุด 100.00 ต่ำสุด 0.00 และระดับตอนปลายอัลกุรอาน-อัลตัฟซีร เข้าสอบ 7,278 คน ค่าเฉลี่ย46.13 สูงสุด 82.00 ต่ำสุด 6.00 อัลหะดิษ เข้าสอบ 7,277 คน ค่าเฉลี่ย 44.60 สูงสุด 84.00 ต่ำสุด 2.00 อัลอากีดะฮฺ เข้าสอบ 7,227 คน ค่าเฉลี่ย 39.63 สูงสุด 92.00 ต่ำสุด 6.00 อัลฟิกฮฺ เข้าสอบ 7,227 คน ค่าเฉลี่ย 37.45 สูงสุด 88.00 ต่ำสุด 4.00 อัตตารีค เข้าสอบ 7,208 คน ค่าเฉลี่ย 33.07 สูงสุด 78.00 ต่ำสุด 8.00 อัลอัคลาก เข้าสอบ 7,208 คน ค่าเฉลี่ย 53.49 สูงสุด 94.00 ต่ำสุด 8.00 ภาษามลายู เข้าสอบ 6,983 คน ค่าเฉลี่ย 39.85 สูงสุด 90.00 ต่ำสุด 5.00 ภาษาอาหรับ เข้าสอบ 72,283 คน ค่าเฉลี่ย 36.64 สูงสุด 97.50 ต่ำสุด 0.00

รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนช่วงคะแนนสูงสุดที่นักเรียนทำได้ในการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ปีการศึกษา 2555 ของนักเรียนม.6   มีดังนี้ วิชาภาษาไทย เข้าสอบ 391,662 คน ช่วงคะแนนสูงสุดที่นักเรียนทำได้ 40.01-50.00 คะแนน 76,913 คน สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เข้าสอบ 392,914 คน ช่วงคะแนน 30.01-40.00 คะแนน 186,316 คนภาษาอังกฤษ เข้าสอบ 392,468 คน ช่วงคะแนน 10.01-20.00 คะแนน 221,175 คน คณิตศาสตร์ เข้าสอบ 392,818 คน ช่วงคะแนน 10.01-20.00 คะแนน 187,004 คน วิทยาศาสตร์ เข้าสอบ 391,524 คน ช่วงคะแนน 20.01-30.00 คะแนน 147,036 คน สุขศึกษาและพลศึกษา เข้าสอบ 391,145 คน ช่วงคะแนน 50.01-60.00 คะแนน154,482 คน ศิลปะ เข้าสอบ 391,111 คน ช่วงคะแนน 30.01-40.00 คะแนน 166,233 คนการงานอาชีพและเทคโนโลยี เข้าสอบ 391,096 คน ช่วงคะแนน 40.01-50.00 คะแนน 133,609 คน

ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนักเรียน ม.6 ทำคะแนนโอเน็ต คะแนนเป็น 0 จำนวนมาก ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะข้อสอบเป็นแบบปรนัย ซึ่งอาจจะเกิดจากเงื่อนไขการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะการเปิดรับตรงของมหาวิทยาลัย ที่พอเด็กมีที่เรียนแล้วจะไม่สนใจสอบโอเน็ต ดังนั้นสพฐ.จะประสานกับทางที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ถ้าจะให้การสอบโอเน็ตมีความศักดิ์สิทธิ์ และนักเรียนตั้งใจทำข้อสอบมากขึ้น ควรจะมีการปรับระบบรับตรงใหม่ ซึ่งต้องหารือกับทปอ.ต่อไป.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32259&Key=hotnews

หลักสูตรพื้นฐานใหม่มี 6 กลุ่มสาระ

27 มีนาคม 2556

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฐานะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปฯ ที่มี ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า มีแนวโน้มที่จะยกเลิกหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ที่มี 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ มาเป็นหลักสูตรใหม่โดยเหลือ 6 กลุ่มสาระ ได้แก่ 1. ภาษาและวัฒนธรรม (Language and Culture) 2. กลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) 3. การดำรงชีวิตและโลกของงาน (Work Life) 4. ทักษะสื่อและการสื่อสาร (Media Skill and Communication) 5. สังคมและมนุษยศาสตร์ (Society and Humanity) และ 6. อาเซียน ภูมิภาคและโลก (Asean Region and World) ซึ่งหลักสูตรใหม่นอกจากจะลดจำนวนกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว จะมีการลดชั่วโมงเรียนลงด้วย แต่จะเพิ่มโครงงาน หรือการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนแทน เพื่อให้เด็กได้ฝึกการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

“หลักสูตรใหม่ดังกล่าว มีความครอบคลุมสาระวิชาที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในแต่ละระดับชั้น ซึ่งคณะกรรมการได้ศึกษาตัวอย่างโครงสร้างหลักสูตรของต่างประเทศไม่น้อยกว่า 12 ประเทศ มาประกอบกับเนื้อหาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย ซึ่งพบว่าหลักสูตรของเรายังมีจุดอ่อนอยู่มาก เช่น เราให้เด็กเรียนถึง 8 กลุ่มสาระ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เรียนเพียง 3-4 กลุ่มสาระแล้วค่อย ๆ เติมเนื้อหาสาระที่จำเป็นเข้าไป ซึ่งหลังจากนี้คณะทำงานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ใหม่ทั้ง 6 กลุ่มจะไปวางแนวทางและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละระดับ โดยคาดว่าในอีก 6 เดือนพิมพ์เขียวจะแล้วเสร็จ จากนั้นจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำไปประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นต่อไป” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32260&Key=hotnews

‘เสริมศักดิ์’เคลียร์ อกคศ. รับพิจารณาโละผลสอบครู ผช.

27 มีนาคม 2556

‘เลขาฯกพฐ.’ลงนามตั้ง 5 ผู้ตรวจฯเป็นประธานสอบ 10 เขตพื้นที่ฯส่อโกงสอบบรรจุครูผู้ช่วย ‘เสริมศักดิ์’โทร.เคลียร์ ‘อ.ก.ค.ศ.’

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา ใน 129 เขตพื้นที่ฯไปพิจารณายกเลิกการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมา หากพบว่ามีการทุจริตสอบจริง จนกลายเป็นประเด็นที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯต่างๆ วิตกกังวลเรื่องจะถูกฟ้องร้องว่าได้หารือเรื่องนี้ว่าจะสนับสนุนข้อมูลข่าวสารแก่เขตพื้นที่ฯ เพื่อให้เดินหน้าไปได้ เพราะหากไม่ให้คำแนะนำและข้อมูลจะทำให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯทำงานไม่สะดวก ยิ่งตอนนี้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นฯรู้สึกว่าส่วนกลางทำความผิดแล้วโยนไปให้เขตพื้นที่ฯยกเลิกการสอบ จึงทำให้หลายเขตพื้นที่ฯไม่ยอมดำเนินการ ซึ่งได้โทรศัพท์ไปพูดคุยในบางเขต พื้นที่ฯว่า เป็นหน้าที่ที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯต้องดำเนินการ และที่ประชุม ก.ค.ศ.ไม่ได้โยนความรับผิดชอบไปให้ เพราะหากไปดู พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 แล้ว ก.ค.ศ.ไม่มีอำนาจสั่งการได้ ทำได้เพียงให้คำแนะนำเท่านั้น เนื่องจากเป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นอำนาจของ ก.ค.ศ.ที่จะสั่งการให้ยกเลิกได้เลย

“ผมยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ. เป็นประธาน ไปติดตามเรื่องนี้ต่อ และยังจะตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงของ ศธ.อีกชุดหนึ่งมาขยายผลตรวจสอบและส่งข้อมูลให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นฯด้วย รวมทั้งจะให้ผู้ตรวจราชการ ศธ.ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำ รวมถึงศธ.ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำ รวมถึงผมอยากจะลงพื้นที่ด้วย เพื่อทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นมวยล้มต้มคนดูได้” นายเสริมศักดิ์กล่าว
นายเสริมศักดิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ทำหนังสือผลการรวมคะแนนสอบครูผู้ช่วยส่งไปยังเขตพื้นที่ฯต่างๆ ที่คาดว่าจะมีทุจริต รวมทั้งให้ส่งคะแนนไปยังเขตพื้นที่ฯอื่นๆ ทั่วประเทศด้วย เพราะเชื่อว่าผู้ผ่านการสอบคัดเลือกบางคนคะแนนไม่สูง แต่อาจจะมีการทุจริตได้ หากเขตพื้นที่ฯได้คะแนนสอบ และคะแนน ต2ก หรือคะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานมาเปรียบเทียบแล้ว น่าจะใช้ดุลพินิจที่จะพิจารณายกเลิกได้เลย โดยเฉพาะคนที่ได้คะแนนสูงผิดปกติ ทั้งนี้ เชื่อว่าภายในเวลา 15 วันตามที่ให้เวลา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯไปพิจารณาเรื่องนี้ น่าจะพิจารณาเพิกถอนผู้ที่ทุจริตสอบครูผู้ช่วยได้ แต่หากดำเนินการไม่ทันก็ขยายระยะเวลาได้

“กำลังพิจารณาว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและเขตพื้นที่ฯอย่างไร เพราะหากไม่ดำเนินการก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า เรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ ทุกคนจ้องดูอยู่ ยิ่งทำช้าภาพพจน์ของ ศธ.ก็ยิ่งเสียหายมากขึ้น” นายเสริมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลผลการสอบข้อเท็จจริงชุดที่นายพิษณุเป็นประธาน ที่ระบุว่ามีคะแนนสูงผิดปกติ 514 คน น่าจะชี้ชัดและเพียงพอที่จะให้ยกเลิกผลการสอบหรือไม่ นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯเป็นการสอบในภาพกว้าง ยังไม่ได้ลงลึก ซึ่งการสืบและการสอบต้องใช้เวลาเป็นเดือน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ดังนั้น ควรจะต้องสอบพยานที่เกี่ยวข้องด้วย และจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิเคราะห์ผลคะแนนการสอบมาช่วยดู จะทำให้มีน้ำหนัก มากขึ้น
นายชินภัทรกล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งวันเดียวกันนี้แต่งตั้งคณะกรรมการ 5 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 10 เขตพื้นที่ฯที่มีหลักฐานส่อทุจริตสอบครูผู้ช่วย ดังนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) หนองบัวลำภู เขต 1 และ สพป.อุดรธานี เขต 3 มีนายโรจนะ กฤษเจริญ ผู้ตรวจราชการ ศธ. เป็นประธาน, คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ สพป.ขอนแก่น เขต 4, สพป.ชัยภูมิ เขต 1 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 25 จ.ขอนแก่น มีนางผานิตย์ มีสุนทร ผู้ตรวจฯ ศธ. เป็นประธาน, คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ สพป.ยโสธร เขต 1 และ สพป.อุบลราชธานี เขต 5 มี น.ส.จิรพรรณ ปุณเกษม ผู้ตรวจฯ ศธ. เป็นประธาน, คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ สพป.นครราชสีมา เกษม ผู้ตรวจฯ ศธ. เป็นประธาน, คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ สพป.นครราชสีมา เขต 2 มีนายกมล ศิริบรรณ ผู้ตรวจฯ ศธ. เป็นประธาน และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 มีนายกิตติรัตน์ มังคละคีรี ผู้ตรวจฯ ศธ. เป็น ประธาน”การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้ง 5 ชุดดังกล่าว ได้ปรึกษานายเสริมศักดิ์ และนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.แล้ว และให้เวลาในการสอบ 30 วัน จากนั้นให้สรุปผลรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หากพบว่ามีมูลการทุจริต จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยในเขตพื้นที่ฯนั้นๆ ต่อไป” นายชินภัทรกล่าว

นายชินภัทรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ทยอยส่งข้อมูลต่างๆ ไปยัง 225 เขตพื้นที่ฯที่จัดสอบครู ผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามมติ ก.ค.ศ.ที่ให้ สพฐ.ส่งคะแนนและข้อมูลไปยัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เพื่อให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการตรวจสอบคะแนนผู้สอบได้ว่า ผิดปกติอย่างไร คาดว่าจะส่งให้ครบทุกเขตพื้นที่ฯภายในวันเดียวกันนี้ และจากนี้ไปเป็นเรื่อง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯที่จะพิจารณา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า อ.ก.ค.ศ.หลายเขตพื้นที่ฯจะไม่รับพิจารณา เพราะเหมือนโยนความรับผิดชอบให้นั้น คงต้องสอบถาม ก.ค.ศ.ว่าจะดำเนินการ อย่างไร

ด้านนายปราโมทย์ ภูมิพันธ์ ผู้อำนวยการ สพม.เขต 21 หนองคาย กล่าวว่า ในส่วนของการสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่กำลังมีปัญหานั้น ทาง สพม.เขต 21 มีการบรรจุทั้งหมด 19 อัตรา โดยส่วนกลางคือ สพฐ.เป็นผู้ดำเนินการออกข้อสอบ แล้วนำข้อสอบมาให้จัดสอบ และเมื่อสอบเสร็จแล้วทางเขตพื้นที่ฯก็ไม่รู้รายละเอียดอะไร เพราะเฉลยก็อยู่ที่ส่วนกลาง วันที่ประกาศผลการสอบ สพฐ.ก็ส่งแต่รายชื่อผู้สอบได้มาให้ประกาศ ส่วนจะมีผู้สอบได้ที่เข้าข่ายทุจริตกี่รายนั้น สพฐ.ยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบอย่างเป็นทางการ แต่โดยหลักการตามข้อกฎหมายเมื่อมีหนังสือแจ้งข้อสงสัยอะไรมา ทางเขตพื้นที่ฯก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบข้อ เท็จจริง

นายกำจัด คงหนู ผู้อำนวยการ สพป.ปทุมธานี เขต 1 กล่าวว่า จริงๆ แล้วอำนาจหน้าที่ในการคัดเลือกครูผู้ช่วยเป็นของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการ ดังนั้น เมื่อเกิดกรณีส่อทุจริตในการสอบ ก็คงต้องตรวจสอบก่อน หากพบว่าเป็นเพียงการทุจริตเฉพาะตัวบุคคล ไม่ใช่ทั้งหมด ก็จะดำเนินการเพิกถอนคำสั่งบรรจุและให้พ้นจากหน้าที่ราชการ ตามอำนาจหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ แต่ขณะนี้ทาง ก.ค.ศ.ยังไม่ได้ส่งข้อมูลตรวจสอบการกระทำผิดมาให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯจึงยังดำเนินการอะไร ไม่ได้

วันเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. จะมีการประชุมคณะสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน ซึ่งดีเอสไอ เตรียมนำเสนอกรณีการทุจริตการสอบบรรจุครู ผู้ช่วยให้ กคพ.พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพียง 1 เรื่องเท่านั้น คาดว่า คณะกรรมการคงใช้เวลาไม่นานในการพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ จากนั้นจะแถลงผลการประชุมเวลา 14.00 น. ที่ดีเอสไอ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32258&Key=hotnews

 

Biodata ของ สกว.

biodata of trf
biodata of trf

สกว. จัดทำจดหมายข่าว หรือสาร Biodata ซึ่งเป็นข่าวสารประจำสัปดาห์มาตั้งแต่ปี 2550 ใน http://biodata.trf.or.th/list_all_news.aspx
พบว่า รายการข่าวสารฉบับแรกที่เผยแพร่ คือ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 (2007)
ประชาชนสามารถลงทะเบียนรับจดหมายข่าว
ทางอีเมลได้ที่ http://biodata.trf.or.th
เมื่อนับถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 มีมาแล้วทั้งหมด 266 ฉบับ
ซึ่งอ่านได้ทั้งผ่านเว็บเพจ และ pdf file

หัวข้อต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. บทนำ
2. มุมเอกสาร/สิ่งพิมพ์แนะนำประจำสัปดาห์
3. ปิดท้ายสาร Biodata ด้วยข่าวประชาสัมพันธ์ อาทิ การประชุมทางวิชาการ เป็นต้น
4. ข่าวสารทุนวิจัย สกว.
5. ข่าวสารทั่วไปของ สกว.
6. ข่าวสารทุนวิจัยของหน่วยงานอื่น
7. ข่าวสารทั่วไปของหน่วยงานอื่น

 

ครูยุคต่อไปในใจเด็ก

social teacher
social teacher

อันที่จริงยังมี
– ครูสอนเกษตร
– ครูสอนเลี้ยงสัตว์
– ครูสอนออกแบบ
– ครูสอนวิชาการต่อสู้
– ครูสอนสร้างเมือง
– ครูสอนขับรถ
– ครูสอนแต่งหน้า
– ครูสอนแต่งตัว
– ครูสอนยิงปืน
– ครูสอนเตะบอล
และอีกมากมาย

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=555679144463315&set=a.184872464877320.42492.180717885292778

blogger : blog teacher
blogger

1. ครูสอนเขียนเรื่อง

starcraft
starcraft

2. ครูสอนการต่อสู้

farm ville 2
farm ville 2

3. ครูสอนเกษตร

poker

4. ครูสอนคณิตศาสตร์

pes 2014
pes 2014

5. ครูสอนพลศึกษา

camera 360
camera 360

6. ครูสอนศิลปะ

market land
market land

7. ครูสอนการงานอาชีพ

three feel dot com
three feel dot com

8. ครูสอนเพศศึกษา
ครูบางคนเด็กก็นิยมล้นหลาม แต่ผิดกฎหมายถูกไล่ออกก็มี
3 พ.ค.2551 มีหมายศาลบล็อกเว็บไซต์สามรู้สึกดอทคอมของเกาหลี
http://freedom.ilaw.or.th/th/case/75#detail

ปรุงจากใจ ให้นักอ่านทุกคน (Book Baristas 2012)

book baristas
book baristas

ท่านที่รักการอ่านและใฝ่หาหนังสือคู่ใจ เมื่อแวะบูทของ NMG จะได้พบเล่า Book Baristas ซึ่งเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเนชั่น มาแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ นักศึกษาทั้ง 6 คนที่เสพติดการอ่าน จะคอยบริการให้คำแนะนำที่บูท M15 โซน C ชั้น 1 ตั้งแต่ 10 โมงถึง 3 ทุ่ม ระหว่าง 18 – 28 ตุลาคม 2555 ในมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17

Book lovers who visit NMG booths at the BookExpo Thailand will meet the ‘Book Baristas’ – Nation University students who can recommend interesting books to them. The six Book Baristas, who have a passion for reading, are waiting to serve book lovers at the NMG booths in M15 Zone C on the first floor of the Queen Sirikit National Convention Centre. The event opened Thursday and runs until October 28,2012. It is open from 10am to 9pm.

http://www.nationmultimedia.com/specials/nationphoto/show-new.php?pid=14532

http://www.facebook.com/KhonMorning/posts/439115882802934

book barista
book barista

http://news.voicetv.co.th/thailand/54192.html

http://www.youtube.com/watch?v=VP9xzGxD6CU

http://www.youtube.com/watch?v=WOfHX_8M96k