บุรินทร์ รุจจนพันธุ์

แนวปฏิบัติการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา

แนวปฏิบัติการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา
แนวปฏิบัติการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา

28 ม.ค.56 ศาสตราจารย์เกียรติคุณกิตติชัย วัฒนานิกร
ประธานกรรมการ คณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษา
ได้ลงนามในประกาศ เรื่อง แนวปฏิบัติการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา
เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติในการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา
รวมทั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่สถาบันอุดมศึกษา ผู้มีส่วนได้เสีย ต้นสังกัด
และเป็นหลักประกันต่อสาธารณชน
.. ในส่วนของภาคผนวกมีรายละเอียดข้อมูลที่จัดเก็บเพิ่มเติมในการตรวจเยี่ยม

http://www.scribd.com/doc/143860097/

http://www.cca.chula.ac.th/edocuments/images/files/letter/03_56/in_01912_2556.pdf

คุณภาพการศึกษากับธุรกิจการศึกษา (itinlife398)

education business
education business

มีโอกาสเข้าอบรมเรื่อง CHEQA และมีประเด็นซักถามเรื่องการเผยแพร่เอกสารของสถาบันการศึกษาเพื่อใช้ตอบเกณฑ์คุณภาพการศึกษา เพราะมีสมมติฐานว่าสังคมต้องการดูเอกสารที่ใช้ตอบการมีคุณภาพการศึกษา แต่สถาบันการศึกษาหลายแห่งไม่เปิดเผยเอกสารที่ใช้ตอบว่าตนเองมีคุณภาพอย่างไร จะเปิดเผยเฉพาะช่วงที่ผู้ประเมินเข้าไปตรวจสอบเพียง 3 – 7 วันเท่านั้น ต่อมาเข้าอบรมเรื่องการขอรับความคุ้มครองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้เข้าใจว่าปัจจุบันการศึกษาแบ่งเป็นสองขั้วคือคุณภาพการศึกษากับธุรกิจการศึกษา เมื่อมีการแข่งขันย่อมทำให้ผู้บริหารในสถาบันการศึกษาบางแห่งเกรงว่าข้อมูลจะรั่วไหล และสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงไม่พร้อมเปิดเผยเอกสารแบบหมดเปลือก

หลังประกาศผล Admission 2556 นายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเอกชนมีที่นั่งเหลือว่างกว่า 90,000 คน ยังเปิดรอรับนักเรียนที่สอบแอดมิชชั่นกลางไม่ได้ สถาบันของเอกชนรับนักศึกษาในระบบนี้ได้เพียงร้อยละ 10 แต่สถาบันของรัฐรับได้ร้อยละ 80 ของเป้าหมาย เพราะนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์มักเลือกสถาบันของรัฐ ย่อมทำให้เกิดการแข่งขันในการรับนักศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากข้อมูลในสื่อพบว่าสถาบันการศึกษาของรัฐหลายแห่งยังเปิดรับตรงรอบพิเศษเพิ่มเพราะยังไม่ได้ตามเป้าที่กำหนด แล้วยังมีบางหลักสูตรเปิดภาคพิเศษเพิ่มและมีค่าเรียนสูงกว่าเอกชน

คุณภาพการศึกษาหมายถึงความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีหน่วยงานรับผิดชอบพัฒนาเกณฑ์มาตรฐาน และตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษาตามพรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งมีผลต่อสถานศึกษาทุกระดับ ในสถาบันการศึกษาของรัฐเริ่มออกนอกระบบ เริ่มคิดแบบธุรกิจ จึงเป็นเหตุให้ต้องเปิดศูนย์นอกที่ตั้งไปแข่งขันกับภาคเอกชน แต่คุณภาพการศึกษากลับไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด แม้เป็นสถาบันของรัฐก็อาจต้องถูกยุบศูนย์นอกที่ตั้งเนื่องจากจำนวนและคุณวุฒิอาจารย์ประจำไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เพราะคุณภาพต้องมีความเข้าใจ การลงทุนและอาจไม่คุ้ม ทำให้สถาบันการศึกษาทั้งภาคเอกชน และภาครัฐที่ต้องออกนอกระบบต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจการศึกษาเพิ่มขึ้นจนอาจทำให้คุณภาพการศึกษาลดลง

 

http://www.enn.co.th/7173

http://thainame.net/edu/?p=1353

 

 

MAM (CLOUD)…สื่อดิจิทัลบนการจัดการ

ชินกฤต อุดมลาภไพศาล
ชินกฤต อุดมลาภไพศาล

การทำงานในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ผูกอยู่กับเรื่องของแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม และเครือข่ายสารสนเทศความเร็วสูง แม้กระทั่งระบบออกอากาศวิทยุโทรทัศน์

ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
! http://bit.ly/Z7sPgA

การเปลี่ยนผ่านระบบออกอากาศบ้านเรา ก็ให้สาระความสำคัญอยู่ที่แพลตฟอร์ม อนาล็อกสู่ดิจิทัล ทั้งระบบความคมชัดปรกติ (Standard Definition) และความคมชัดสูง (High Definition) สาระสำคัญอย่างเนื้อหารายการ “Content is the King” กลับกลายเป็นเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง มีการจุดประกาย สร้างประเด็น ก่อให้เกิดความตระหนักแล้วก็เงียบหายไป แล้วหวนกลับมาใหม่เหมือนระลอกคลื่นเนื้อหา คุณภาพรายการจึงเสมือนสิ่งที่ถูกให้ความสำคัญในลำดับรอง

ทว่ายังมีสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดิจิทัลคอนเทนต์ (Content) อย่างการจัดการสารสนเทศสื่อดิจิทัลยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ถูกให้ความสำคัญในมุมมองที่เงียบงันของโลกดิจิทัลมีเดียสำหรับสังคมไทย ทั้งๆ ที่ สังคมยุคข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลถูกสร้างขึ้นทุกเวลาทุกวินาที ผ่านอุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์พกพาที่ทำหน้าที่มากกว่าหนึ่งภารกิจงาน โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ทำหน้าที่มากกว่าการใช้เป็นโทรศัพท์ ยังใช้เพื่อการถ่ายภาพ สื่อสารข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ การไหลบ่าของข้อมูลอันมหาศาล การจัดการกลับเป็นสิ่งที่ต้องบริหารจัดการอย่างยิ่งยวดข้อมูล (Data) เป็นภาษาละติน หมายถึง สิ่งที่ให้ (Given) เมื่อสู่ยุคของโลกดิจิทัล ข้อมูล (Data) คือสิ่งที่บันทึก การจัดการ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ข้อมูลที่เกิดขึ้นอาจจะอยู่ในรูปแบบของ คำพูด ความคิดเห็น การพูดคุยบนเว็บสื่อสังคมออนไลน์ การเช็คอินผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ การถ่ายภาพผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือแล้วอัพโหลด ก็ถือเป็นข้อมูล ดังนั้น จะเห็นว่ากิจกรรมทุกสิ่งอย่างในโลกดิจิทัลล้วนสร้างให้เกิดข้อมูลขึ้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ยิ่งก่อให้เกิดข้อมูลดิจิทัลมากเท่านั้น

ข้อมูลดิจิทัล นับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การจัดการข้อมูลปริมาณมาก โดยใช้โครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ในรูปแบบของแฟ้ม โฟลเดอร์ ตามโครงสร้างระบบจัดเก็บไฟล์ของคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หากเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคล แต่คงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เมื่อเป็นข้อมูลระบบองค์กร อาทิเช่น การค้นหาข้อมูลที่มีความเฉพาะเจาะจง จะมีความยากลำบาก และใช้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการที่จะต้องมีระบบการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี ระบบที่เรียกว่า “Digital Asset Management” (DAM) ในช่วงปีที่ผ่านมาประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึง การเพิ่มขึ้นของ DAM ประการหนึ่งก็มาจากการขับเคลื่อนก้าวข้ามไปสู่ยุคสื่อดิจิทัล (File-Based Media) อันเป็นสิ่งที่ทำให้การร่วมมือ หรือการค้นหาเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ตัวแปรอื่นๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องการผลิตสื่อ และแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ต้องการพัฒนาประสิทธิภาพ และต้องการลดค่าใช้จ่าย

DAM (Digital Asset Management) เป็นความหมายกว้างๆ ครอบคลุมถึงการจัดการระดับองค์กร รูปแบบสื่อดิจิทัล ทั้งในแบบของรูปภาพดิจิทัล เอกสาร มีความแตกต่างกับ MAM (Media Asset Management) ซึ่งเน้นไปทางด้านวีดิโอ และเสียง และเป็นระบบที่สำคัญยิ่งสำหรับองค์กรสื่อที่จะนำมาใช้ ตัวอย่างในการนำเอาระบบเหล่านี้มาใช้ในการทำงาน เช่น สถานีโทรทัศน์ ฝ่ายผลิตรายการ ถ่ายฟุตเทจรายการมา โหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ แชร์ไฟล์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิต ช่างตัดต่อ คนเขียนบท โปรดิวเซอร์ สามารถเข้าถึงไฟล์ เลือกรูปแบบไฟล์ที่ตนต้องการมาใช้งาน การค้นหาวีดิโอคลิปทำได้อย่างรวดเร็ว ย่นระยะเวลาในการทำงาน เมื่อทำงานเสร็จ จัดเก็บไฟล์รายการเข้าระบบ จัดตารางออกอากาศจากไฟล์รายการที่ทำเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกอากาศ เหล่านี้เป็นการสร้างกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย เสริมความคล่องตัวในการทำงาน ลดความซ้ำซ้อนของงาน

แต่การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เส้นเขตแดนโลกจริงและโลกเสมือนได้สลายหายไป การทำงานอยู่กับที่นั่งอยู่กับโต๊ะได้ถูกตัดออกจากโลกความเป็นจริง สู่โลกการทำงานเสมือนจริง ที่เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ คลาวด์ (Cloud) คือนิยามใหม่ที่ก้าวเข้ามา กิจกรรมบนคลาวด์เกิดขึ้นหลากลักษณะตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน สิ่งที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคย อย่างพื้นฐานที่สุดน่าจะเป็นการใช้เพื่อเป็นที่เก็บข้อมูล รูปภาพ คลิปวีดิโอ อย่าง Dropbox Youtube Sound Cloud หรือ Google Drive เป็นต้น กิจกรรมทางด้านสื่อ อย่างการผลิตรายการโทรทัศน์ การตัดต่อวีดิโอก็ก้าวเข้าไปสู่อาณาจักรของระบบคลาวด์ บุคลากรในทีมสามารถทำงานพร้อมกันจากสถานที่ต่างกัน ซอฟต์แวร์ที่ถูกปรับปรุงใหม่อยู่เสมอ คอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องการสมถนะสูงนักในการเข้าสู่ระบบ สร้างความรวดเร็วคล่องตัวในการทำงาน ปริมณฑลสาธารณะของการทำงานยิ่งเปิดกว้าง ปริมาณข้อมูล คอนเทนต์ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ระบบสารสนเทศการจัดการสื่อ (MAM) ยิ่งทวีบทบาทมากขึ้น จากระบบ MAM บนคอมพิวเตอร์เวิร์คสเตชั่น ก้าวกระโดดไปจัดการข้อมูลบน คลาวด์ การจัดการสื่อ คอนเทนต์มหึมาให้เป็นระบบ

สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ฉุกคิด สำหรับองค์กรสื่อที่ยังไม่ได้วางแผนการรองรับไว้ หรือมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญไปกว่าการลงทุนด้านการผลิต บุคลากร เพราะท้ายที่สุด คอนเทนต์ดี “การจัดการ” คอนเทนต์เยี่ยม คือมูลค่าที่สำคัญยิ่งสำหรับองค์กรสื่อ

! http://blog.nation.ac.th/?p=2668

ระบบจัดเก็บเอกสารฉบับเต็มในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (TDC)

ระบบจัดเก็บเอกสารฉบับเต็มในรูปอิเล็กทรอนิกส์  (TDC)
ระบบจัดเก็บเอกสารฉบับเต็มในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (TDC)

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการใช้ระบบจัดเก็บเอกสารฉบับเต็มในรูปอิเล็กทรอนิกส์ (Thai Digital Collection) : TDC  และสืบค้นบริการเอกสารวิชาการ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ณ ห้องช้องนาง สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รับจำกัดเพียง 30 คน

thai digital collection
thai digital collection

สมัครได้ที่ ! http://www.uni.net.th/tdc/train/zmc_trainlist.php?sel=view&c=4
หากจะสืบค้นก็เข้าไปที่ http://www.thailis.or.th/

ข้อมูลตามมาตรฐานข้อมูลอุดมศึกษา

ข้อมูลตามมาตรฐานข้อมูลอุดมศึกษา
ข้อมูลตามมาตรฐานข้อมูลอุดมศึกษา

ประเทศไทยได้จัดทำข้อมูลให้เป็นมาตรฐานมาหลายปีแล้ว แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ข้อมูลด้านนักศึกษา ข้อมูลด้านบุคลากร และข้อมูลด้านหลักสูตร ซึ่งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทุกแห่งต้องส่ง .. ในเวลาต่อมาก็เพิ่มข้อมูลการมีงานทำของบัณฑิต และการเงินอุดมศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา  และปีนี้จะนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

 

 

 

สกอ. จึงจัดประชุมชี้แจง
เรื่อง “การจัดทำข้อมูลตามมาตรฐานข้อมูลอุดมศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๕๖
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2556 เวลา 9.30 – 15.00น. ณ ห้องคอนแวนชั่น A-B ชั้น 1
โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพฯ

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

เมื่อสกอ. ได้ข้อมูล ก็จะนำไปเผยแพร่สู่สาธารณะ
โดยข้อมูลต้องมีการแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่เขากำหนดก่อน
ที่เผยแพร่คือ http://www.info.mua.go.th/information/

ตารางมาตรฐานต่าง ๆ ที่
http://interapp.mua.go.th/NewreferenceTable/

สพฐ.ตัด Google Play ใน TOR แท็บเล็ตนร. ป.1

google play
google play

 

ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน ถ้าซื้อ tabletpc 1.6 ล้านเครื่อง + 9.3 แสนเครื่อง รวมเป็น 2.53 ล้านเครื่อง หรือเท่ากับร้อยละ 3.6 ของประชากร ที่จะมี TabletPC ของรัฐบาลใช้

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต)ต่อ 1 นักเรียน ได้อนุมัติร่างข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ในการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตปีการศึกษา 2556 แจกนักเรียนชั้น ป.1 และ ม.1 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนนำออกประชาพิจารณ์ทางเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อเตรียมเปิดจำหน่ายซองประกวดราคา และประกวดราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-ออกชั่น (E-Auction) ต่อไปนั้น ขณะนี้ต้องถือว่า TOR น่าจะนิ่งแล้ว เพราะได้มีการปรับร่างรายละเอียดที่มีข้อท้วงติงออกแล้ว โดยเฉพาะกรณีแอพพลิเคชัน(application) จะเน้นเฉพาะแอพพลิเคชันที่ส่วนราชการกำหนดเป็นตัวอย่างให้ไปลองโหลดกับเครื่องตัวอย่างแล้วมาเสนอวันที่ยื่นซองเทคนิค เพราะเชื่อว่าแอพพลิเคชันตัวอย่างที่ทำขึ้นมาเพื่อไปใช้กับเครื่องตัวอย่างน่าจะเพียงพอ เนื่องจากเราเน้นว่าอย่างน้อยต้องใช้งานกับแอพพลิเคชันที่บรรจุไว้ในเครื่องได้ ส่วนเรื่องการดาวน์โหลดจะเป็นเรื่องรอง
เมื่อตัดแอพพลิเคชันที่ทำให้เป็นกังวลไปแล้ว โดยเฉพาะ Google Play บริษัทผู้ผลิตก็ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายค่า license ให้กับทาง Google Play เครื่องละราคา 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็น่าจะทำให้ต้นทุนตัวเครื่องลดลง แต่ราคาจะลดลงหรือไม่คงต้องรอวันที่มาเคาะราคาแข่งกัน ซึ่งโดยหลักการ เวลายกเลิกเงื่อนไขอะไรไปทุกบริษัทก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน เพราะทุกอย่างคือค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้น เมื่อลดส่วนนี้ลง การแข่งขันก็น่าจะลดลง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูวันจริง ไม่อยากคาดคะเนอะไรมาก“เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะมีการปรับร่าง TOR สพฐ. ได้ทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็นการจัดทำคุณลักษณะเฉพาะของเครื่องแท็บเล็ต ซึ่งมีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้ผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้ผลิตระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งในเครื่องแท็บเล็ต ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นค่า license ให้กับผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่จะใช้งานบนแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการ Android อย่าง Google play เครื่องละ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ต้องเสียเงินเป็นค่าใช้จ่ายแฝงรวมแล้วเกือบ 100 ล้านบาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32743&Key=hotnews

 

เปิดอัพโหลดเนื้อหาแท็บเล็ต ป.2 .. 354 + เดิม 50 = 404

one tabletpc per child
one tabletpc per child

          นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มอบหมายให้สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปสรุปถึงจำนวนเนื้อหาใหม่ที่จะสามารถบรรจุใส่ในแท็บเล็ตตามโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน(One Tablet PC Per Child) ของรัฐบาลสำหรับนักเรียนชั้น ป.1 ที่เลื่อนขึ้นชั้น ป.2 เพราะแต่ละกลุ่มสาระวิชาหลัก มีแอพพลิเคชันให้เลือกค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้ สพฐ.ได้เตรียมวิธีการอัพเดทข้อมูลเนื้อหาใหม่ไว้เรียบร้อย เมื่อได้ข้อสรุปว่าจะเอาเนื้อหาใดมาใส่บ้าง ก็จะมีการอบรมครู และศึกษานิเทศก์เกี่ยวกับการอัพโหลดข้อมูลดังกล่าวต่อไป
ด้านนายเอนก รัตน์ปิยะภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ.กล่าวว่า ขณะนี้มีเนื้อหาใหม่ที่จะใส่ในแท็บเล็ตของนักเรียนชั้นป.2 จำนวน 354 เรื่อง แบ่งเป็นสื่อการเรียนรู้ 348 เรื่อง และอีบุ๊ก 6 เรื่อง มีความจุรวม 5 กิกะไบต์ โดยหลังจากนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง จะต้องดาวน์โหลดและคัดลอกเนื้อหา เพื่อให้โรงเรียนนำแท็บเล็ตของนักเรียนชั้น ป.2 ไปอัพโหลดเนื้อหาใหม่ซึ่งได้มีการนำร่องดำเนินการไปแล้ว 5 เขตพื้นที่ อย่างไรก็ตาม แม้จะเปิดภาคเรียนไปแล้ว แต่การที่ยังไม่ได้อัพเนื้อหาใหม่คงไม่ใช่ปัญหา เพราะแท็บเล็ตไม่ได้เอามาแทนครูและแท็บเล็ตนำมาใช้ประกอบการเรียนการสอนแค่บางวิชาเท่านั้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32773&Key=hotnews

 

+ | + | + | + | +

 

ยลโฉม”แท็บเล็ตเสิ่นเจิ้น” โชว์50แอพ ตำราเรียนเด็กป.1
ข่าว 30 พ.ค.2555

และแล้วความฝันของเด็กป.1 ทั่วประเทศ ก็เป็นจริง เมื่อคอมพิวเตอร์พกพา หรือ “แท็บเล็ต” ล็อตแรก จำนวน 2,000 เครื่อง ตามโครงการ One Tablet PC Per Child ของรัฐบาล ที่ต้องการจะแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 8.5 แสนคน ทั่วประเทศ ทุกสังกัด ในปีการศึกษา 2555 มาถึงเมืองไทยแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการตรวจรับที่มี นายสมบูรณ์ เฆมไพบูลย์วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม และพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธาน จะตรวจสอบสเป๊กทั้ง 2,000 เครื่อง โดยมีทีมงานของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นผู้ตรวจนับ

โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็กป.1 กระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคปไซ แอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ประเทศจีน ลงนามเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตร่วมกัน เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยตกลงจัดซื้อแท็บเล็ตชุดแรก 4 แสนเครื่อง ราคาเครื่องละ 82 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,700 บาท) จากทั้งหมด 9.3 แสนเครื่อง มูลค่าราว 948 ล้านบาท ภายใต้งบประมาณ 1,900 ล้านบาท กำหนดส่งมอบใน 60 วัน โดยบริษัทจะทยอยส่งเครื่องล็อต ละ 1 แสนเครื่อง ซึ่งจะครบกำหนดสิ้นเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ก่อนที่จะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมส่วนที่เหลืออีก 5.3 แสนเครื่อง

สําหรับคุณสมบัติแท็บเล็ตในสัญญา ประกอบด้วย หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 8 GB หน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูแบบดูอัล คอร์ 1.2 GHz ซีพียูเพิ่มจาก 1 เป็น 1.2 กิกะเฮิร์ตซ์

ความจุของแรมเพิ่มจาก 512 MB เป็น 1 GB แบตเตอรี่ ชนิด Lithium Polymer 3,600 มิลลิแอมป์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) พร้อมติดตั้งจีพีเอส มูลค่า 2,000-3,000 บาท ให้ฟรี และรับประกัน 2 ปี ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สูงกว่าที่คณะกรรมการจัดซื้อกำหนดไว้

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) บอกว่า ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะนี้ ศธ.ดำเนินการพร้อม เมื่อไอซีทีตรวจสอบเครื่องแล้วจะนำแท็บเล็ต 1,000 เครื่อง ไปจัดอบรมการใช้เครื่องให้แก่วิทยากรครูแกนนำทั้ง 183 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เพื่อนำไปขยายผล ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำคู่มือการใช้แท็บเล็ต 10 เล่ม อาทิ การใช้แท็บเล็ตเบื้องต้น การเปิด-ปิดเครื่อง การแก้ไขปัญหา และคู่มือเชื่อมโยงบทเรียนกับหลักสูตร และมาตรฐานการเรียนรู้ โรงเรียนสามารถดาวน์โหลดคู่มือดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ สพฐ. www.obec.go.th

หากได้รับเครื่องล็อตแรก 100,000 เครื่องแล้ว ไอซีทีจะตรวจสอบเครื่องก่อนส่งมาที่สพฐ. เพื่อกระจายไปยัง สพป. เขต 1 ก่อน โดยเรียงลำดับตามพยัญชนะไทย และจะให้สพป.มารับแท็บเล็ตที่ส่วนกลาง โดยค่าใช้จ่ายในการขนส่งจะใช้งบฯ สพฐ. เมื่อสพป.กระจายไปยังโรงเรียนต่างๆ แล้ว โรงเรียนจะต้องตรวจสอบความเรียบร้อย และบันทึกข้อมูล เช่น หมายเลขเครื่อง เพื่อส่งข้อมูลไปยัง สพป.ให้ลงบันทึกในฐานข้อมูลต่อไป” นายชินภัทรกล่าว

เลขาธิการกพฐ.กล่าวด้วยว่า นายกฯ ต้องการให้ใช้แท็บเล็ตแบบพี่สอนน้อง โดยให้นักเรียนรุ่นพี่มาช่วยสอนน้องป.1 ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครู เพราะในช่วงแรกการใช้เครื่องอาจมีปัญหา และครูคนเดียวก็อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง

สำหรับเนื้อหาหลักสูตร 4 ส่วน ที่จะปรากฏอยู่บนหน้าจอหลักของแท็บเล็ตก็เป็นส่วนสำคัญ ขณะนี้สพฐ.ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 อีบุ๊ก (e-Book) เมื่อเด็กและผู้ปกครองเปิดเข้าไปจะพบว่า เป็นสิ่งที่คุ้นตาดีอยู่แล้ว เพราะเป็นการแปลงเนื้อหาในหนังสือเดิม โดยจัดทำเป็นรูปแบบไฟล์ PDF 8 เล่ม ครบ ทั้ง 5 กลุ่มสาระหลักคือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ เป็นไฟล์เข้าไปไว้ แต่จะเปิดอ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขหรือขีดเขียนได้

ส่วนที่ 2 อีเลิร์นนิ่ง (e-Learning) หรือบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์มี 336 บท ส่วนนี้ถูกออกแบบเป็นสื่อมัลติมีเดียมีเนื้อหาภาพ เสียง ให้ตอบโต้กับผู้ใช้หรือนักเรียนได้  เช่น นักเรียนใช้นิ้วคลิกเข้าไปฟังเสียงหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม ขีดเขียนลงไปในบางบทได้ ส่วนใหญ่ประยุกต์มาจากที่ สพฐ.เคยออกแบบไว้ในโครงการสื่อการเรียน อีเลิร์นนิ่งเดิม และเป็นส่วนที่มีเนื้อหาที่ใช้ประกอบการเรียนรู้เรื่องต่างๆ ประกอบการอธิบายหรือสร้างความเข้าใจ ขณะที่บางบทอาจจะจำเป็นต้องมีครูผู้สอน หรือผู้ปกครองแนะนำเพิ่มเติม จึงจะเข้าใจเรื่องนั้นๆ

ส่วนที่ 3 มัลติมีเดีย (Multimedia) จะมีเนื้อหาภาพนิ่ง คลิปภาพเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นไฟล์เสียงเพลงสำหรับเด็ก และเพลงของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน ส่วนนี้สพฐ.ยอมรับว่า ยังไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังมีส่วนที่อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไข ในส่วนของเพลงสำหรับเด็กบางเพลงยังต้องรอขอลิขสิทธิ์จากผู้เป็นเจ้าของด้วย

ส่วนสุดท้าย แอพพลิเคชั่น (Application) หรือโปรแกรมที่ออกแบบมาใช้งานตามจุดประสงค์การออกแบบ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน ส่วนนี้เป็นทั้งแบบฝึกหัด แบบทดสอบ เช่น การคัดลายมือ วาดภาพ ระบายสี ข้อสอบต่างๆ เกม การเรียนรู้ทั้งหมดประมาณ 50 แอพพลิเคชั่น ที่สพฐ. คัดเลือกและรวบรวมมาจากแหล่งต่างๆ

เนื้อหาหลักสูตรดังกล่าวจะใช้ความจุ 4 กิกะไบต์ จากทั้งหมด 8 กิกะไบต์ ส่วนที่เหลือ สพฐ.จะให้นักเรียนดาวน์โหลดเนื้อหาการเรียนอื่นๆ แต่นักเรียนหรือผู้ปกครองอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลดเอง

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศธ. กล่าวว่า การนำคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับนักเรียน เพราะยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องเรียนรู้ ส่วนการใช้งานที่บ้าน ผู้ปกครองจะช่วยดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ศธ.จะให้นักเรียนใช้เรียนจนจบชั้น ป.1 และนำไปใช้ต่อเนื่องในชั้น ป.2 ได้ ศธ.คาดหวังว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียน และช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กป.1 ได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนมาตรการจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง โดย นางอาทิตยา สุธาธรรม ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไอซีที เผยว่า หากเป็นการใช้งานที่โรงเรียน จะมีระบบป้องกันไม่ให้นักเรียนเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม แต่หากเป็นการใช้แท็บเล็ตที่บ้าน ควรเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองดูแล

ไอซีทีเตรียมพร้อมรองรับปัญหาโดยเปิดคอลเซ็นเตอร์ โทร.1111 บริการให้คำปรึกษาการใช้งาน ประสานการแก้ไขปัญหา แจ้งซ่อมแจ้งเสีย และแก้ไขปัญหาเบื้องต้น นอกจากนี้ บริษัทเสิ่นเจิ้นฯ จะตั้งศูนย์บริการเป็นจุดรับซ่อมแท็บเล็ต 30 แห่งทั่วประเทศ ในสิ้นปีนี้ และอาจขยายเพิ่มตามจำนวนการสั่งซื้อในอนาคต

โครงการแจกแท็บเล็ตเด็กป.1 จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีทางการศึกษาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล

คาดว่าภายในเดือนกรกฎาคม 2555 จะส่งแท็บเล็ตถึงมือนักเรียนชั้นป.1 ทั่วประเทศทุกคน

ที่มา : ข่าวสด

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVE13TURVMU5RPT0=

ฟอร์มการเขียนรายงานการวิจัย

ฟอร์มการเขียนรายงานการวิจัย

Research Lifecycle
Research Lifecycle

http://www.jisc.ac.uk/whatwedo/campaigns/res3/jischelp.aspx
คู่มือการรายงานความก้าวหน้าและผลงานของโครงการวิจัย ประกอบด้วยตัวอย่างการเขียนรายงานความก้าวหน้า ข้อมูลที่ควรนำไปใช้ในการจัดทำรายงานการวิจัย การสรุปผลการดำเนินกิจกรรมและการสรุปบทเรียนต่าง ๆ จากกิจกรรม และการเขียนรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์

โดย โกมล สนั่นก้อง มิถุนายน 2543

 

ชวนคุยเหตุผลการยุบโรงเรียนกับกระทรวง

ชัยอนันต์ สมุทวณิช ชวนคิดเรื่องยุบกระทรวงศึกษาธิการ

ชัยอนันต์ สมุทวณิช กับ sife
ชัยอนันต์ สมุทวณิช กับ sife

มีข่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการจะยุบโรงเรียนขนาดเล็กคือ โรงเรียนที่มีนักเรียนประมาณ 60 คน เมื่อข่าวออกมาก็มีผู้ปกครองออกมาคัดค้านมากมาย

เรื่องขนาดของโรงเรียนนี้มีข้อถกเถียงกันอยู่เป็นประจำ บ้างก็ว่าโรงเรียนควรมีนักเรียนประมาณ 850 คน แต่มีโรงเรียนจำนวนหนึ่งที่มีนักเรียน 2,000-5,000 คน โรงเรียนเหล่านี้เป็นที่นิยมของผู้ปกครอง

ในประเทศอังกฤษมีโรงเรียนเด็กประจำ นักเรียนไม่กี่สิบคนเป็นโรงเรียนเตรียมเด็กเข้าโรงเรียนกินนอนที่เรียกว่า Public School ต่อไป เขาคิดว่าโรงเรียนยิ่งมีนักเรียนน้อยก็ยิ่งดี เพราะครูสามารถเอาใจใส่เด็กเป็นรายบุคคลได้

ผมเองเคยอยู่โรงเรียนขนาดเล็กมีเด็กอยู่ 12 คน หนึ่งในนั้นคือ จักรพันธุ์ โปษยกฤต คือโรงเรียนบ้านครูเนี้ยน เวลานั้นยังไม่มีชื่อ ต่อมาเป็นโรงเรียนอักษรเจริญ

กระทรวงศึกษาฯ คิดแต่จะยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ไม่เคยคิดจะลดขนาดตัวเองลงบ้าง กระทรวงศึกษาธิการของไทยเป็นกระทรวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก คนในกระทรวงศึกษาฯ ชอบคิดแต่จะหาทางเพิ่มตำแหน่งให้กับตนเอง เดี๋ยวก็รวม เดี๋ยวก็แยก อย่างเช่น สพฐ.ก็อยากแยกประถมกับมัธยม เป็นต้น

เรื่องการศึกษานี้ หากต้องการคุณภาพจริงๆ แล้วก็ต้องไปเน้นที่โรงเรียนเป็นสำคัญ เราเห็นโรงเรียนดีๆ เขามีการเรียนการสอนดีโดยที่กระทรวงศึกษาธิการไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง การจัดการที่เน้นโรงเรียนนี้ โรงเรียนต้องมีความพอเพียง มีงบประมาณและมีความอิสระพอที่จะจัดการตัวเอง มีโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นหลายแห่งที่มีการจัดการตนเองที่ดี เช่น ที่เชียงราย และอุดรธานี เป็นต้น

แต่ครูส่วนใหญ่ก็ยังติดยึดอยู่กับการเป็นครูของกระทรวงศึกษาธิการอยู่ นัยว่ามีเกียรติภูมิดีกว่าการเป็นครูของท้องถิ่น เพราะคนเรียกว่า “ครูเทศบาล”

มีการวิจัยทางการศึกษาหลายชั้นสรุปว่า โรงเรียนดีเพราะมีครูใหญ่หรือผู้อำนวยการที่ดี หัวก้าวหน้านำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้ตลอดเวลา นอกจากนั้นก็ต้องมีครูที่ดี เรื่องครูที่ดีนี้เป็นเรื่องยากแต่จำเป็นต้องมีการพัฒนาครูอยู่เสมอ

แล้วกระทรวงศึกษาธิการทำอะไรนอกเหนือจากการควบคุม สิ่งแรกก็คือ มีหน้าที่กำหนดหลักสูตร แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีกระทรวงก็ได้ เพราะนอกจากหลักสูตรจะทำนานๆ ทีแล้ว ก็ยังสามารถทำในรูปคณะกรรมการก็ได้ เมื่อจบเรื่องแล้วก็สลายตัวไป คณะกรรมการก็สามารถนำผู้มีความรู้ความชำนาญมาทำงานร่วมกันได้

  เรื่องที่สองที่กระทรวงทำก็คือ การดูแลการบริหารงานบุคคล ซึ่งก็สามารถทำในระดับโรงเรียนได้ และเป็นการเหมาะสมกว่าส่วนการโยกย้ายนั้น หากโรงเรียนส่วนใหญ่สังกัดท้องถิ่นแล้ว หากจะมีการย้ายก็เป็นการย้ายภายในจังหวัดเดียวกัน

เรื่องที่ส่วนกลางทำ และอยากทำต่อไปเรื่อยๆ ก็คือ การจัดจ้างจัดซื้อซึ่งเป็นบ่อเกิดของการทุจริต การจัดจ้างจัดซื้อสามารถทำที่โรงเรียน หรือทำเป็นกลุ่มโรงเรียนเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองได้

มีกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ส่วนกลางจัดทำอยู่ คือ การควบคุมคุณภาพ การควบคุมคุณภาพนี้ก็สามารถจะกระจายอำนาจมอบหมายให้เอกชนทำได้ โดยมีคณะกรรมการกลางคอยดูแล เวลานี้ภาคเอกชนก็เข้ามามีส่วนร่วมในระดับหนึ่งแล้ว

งานศึกษานิเทศก์ก็มีความสำคัญ แต่สามารถจัดตั้งเป็นกลุ่มๆ อยู่ตามภูมิภาคได้ ซึ่งจะเป็นการสะดวกกว่า นอกจากนั้นภาคเอกชน เช่น สำนักพิมพ์ก็ยังจัดอบรมสัมมนาครูอยู่บ่อยๆ

สรุปแล้วงานส่วนใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ สามารถมีการจัดการใหม่ได้ และคนในส่วนกลางก็จะลดลงเหลือไม่กี่ร้อยคน

! http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059840

! http://www.bangchak.co.th/th/news-detail.aspx?nid=412&AspxAutoDetectCookieSupport=1

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น

คลิ๊ปรายการสยามสาระพา ตอน เปิดโลกการศึกษากับ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น ออกอากาศวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ทาง Nation Channel ดำเนินรายการโดยคุณวรรณศิริ ศิริวรรณ

ได้พบกับ อ.ชินพันธ์ โรจนไพบูลย์   รองคณบดี อ.นงลักษณ์ สุวรรณวิชิตกุล   หัวหน้าสาขาการตลาด อ.จักรกฤษณ์ ตันติพงศ์ สาขาการบัญชี   บริเวณริมอ่างตระพังดาว โดยเล่ากิจกรรมการเรียนการสอน การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

! http://blog.nation.ac.th/?p=2636

 http://www.facebook.com/SiamSarapa